จากการรวมตัวของคนที่ไม่เห็นด้วย จนเป็นหนึ่งของศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของโลก
(one of the world's largest religious bodies)
กำเนิดของ BAPTIST เกิดขึ้นท่ามกลางความปั่นป่วนและวิวัฒนาการของคริสตจักรอังกฤษ ในศตวรรษที่สิบเจ็ด. เริ่มต้นจากการรวมตัวของคนที่ไม่เห็นด้วยจำนวนหนึ่ง ที่สับสนกับ Seekers, Ranters, เควกเกอร์และสภาพอนาธิปไตยทางการเมือง, ทำให้แบ็บติสต์ อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับ ในปีค.ศ. 1700 ในอังกฤษและเวลส์ .
ด้วยวิธีการที่ผู้นำของแบบติสต์มีส่วนร่วมสำคัญในการสร้างทฤษฎีและการปฏิบัติว่าด้วยเรื่องเสรีภาพทางศาสนาและเทววิทยาของคริสตจักรของผู้เชื่อ. หลักการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยความเชื่อของพวกเขา,การล้างบาปผู้ใหญ่โดยการจุ่ม, กลายเป็นสัญลักษณ์สำหรับคนที่กล้า ใช้พระคัมภีร์อย่างจริงจังและเป็นจำเพาะเจาะจง.
ไม่นาน ความเชื่อของแบ๊บติสต์ ก็แพร่กระจายไปยังดินแดนอื่น โดยบุคคลและกลุ่มผู้เชื่อทั้งมวล. แม้ในประเทศอเมริกา แบบติสท์จะเผชิญกับการถูกข่มเหง แบ๊บติสท์ยังเติบโตในแบบไม่ปกติ . ในความสำเร็จตามตำนานของพวกเขา, มีแบ็บติสต์ ๒๕ ล้านคน อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ปี 1985 มีแบ๊บติสต์ 45 ล้านคนทั่วโลก มีเหตุผลสำคัญสำหรับความสำเร็จนี้
หลักการของแบ๊บติสต์ มีความเหมาะสมกลมกลืนอย่างดีกับสิ่งที่ชาวอเมริกันประสบ. ในสังคมชายแดน, คุณภาพของปัจเจกบุคคลและการปกครองตนเองที่มีความสำคัญ นักเทศน์แบ๊บติสต์ เน้นเรื่องของความเป็นปัจเจกบุคคลกับพระเจ้า และความรับผิดชอบของกลุ่มผู้เชื่อมีต่อพระเยซูคริสต์,ซึ่งเป็นผู้นำของคริสตจักร.
การตัดสินใจของคริสตจักร กระทำจากความเห็นพ้องของกลุ่ม, และคริสตจักรอาจจะประกอบด้วยกลุ่มผู้เชื่อจำนวนไม่กี่คน ที่ตกลงมาพบกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เพื่อประชุมกันอย่างสม่ำเสมอ . ในสังคมที่มีโอกาสทางการศึกษาไม่มากนัก สำหรับการรับใช้ที่มีความรู้, แบ็บติสต์ให้คุณค่าสูง ต่อการเรียกบุคคลมาสู่การรับใช้ และหลักฐานของประทานในการเทศนาและการสอน
ในขณะที่การรวมตัวของคริสตจักร ทำในรูปสมาคม, การรวมตัวกันทุกครั้ง จะมีศิษยาภิบาล ทำหน้าที่เป็นบิชอป ที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง สถานที่ ที่อาจมีหรือไม่มีที่ประชุมสะดวกสบาย,ดนตรี,หรือรูปแบบการนมัสการมาตรฐานก็ได้ โดยสรุป แบ็บติสต์ในอเมริกา คือการอธิบายเสรีภาพทางศาสนา ให้ทุกคนได้ยิน ในดินแดนที่ปลดปล่อยพันธนาการในอดีต เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคน
คนอเมริกันผิวสี-ทาสและเสรีชน-พบว่าการชักชวนของแบบติสต์ดึงดูดใจมาก. คนที่อ่านเขียนไมได้เป็นส่วนใหญ่, เป็นชุมนุมทาสพบว่าแบ็บติสต์ เน้นคำพูดเป็นสำคัญ , ผู้ประกาศผิวสี ส่วนใหญ่จะจดจำคำพูดมาจากคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งพวกเขา นำมาเสริมแต่งในการเทศนาและในบทเรียน แบ๊บติสต์ให้เสรีภาพในการนมัสการ อนุญาตให้ผู้เชื่อที่เป็นชาวแอฟริกัน นำรูปแบบและอารมณ์ของเพลงพื้นเมืองมาใช้ในการนมัสการ
และยังให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำ ภายในตระกูลและครอบครัว ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทที่จะเป็นศิษยาภิบาลที่เข้มแข็ง ในการปกครองแบ๊บติสตืผิวสี .
กำเนิดแบ็บติสต์
(one of the world's largest religious bodies)
กำเนิดของ BAPTIST เกิดขึ้นท่ามกลางความปั่นป่วนและวิวัฒนาการของคริสตจักรอังกฤษ ในศตวรรษที่สิบเจ็ด. เริ่มต้นจากการรวมตัวของคนที่ไม่เห็นด้วยจำนวนหนึ่ง ที่สับสนกับ Seekers, Ranters, เควกเกอร์และสภาพอนาธิปไตยทางการเมือง, ทำให้แบ็บติสต์ อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับ ในปีค.ศ. 1700 ในอังกฤษและเวลส์ .
ด้วยวิธีการที่ผู้นำของแบบติสต์มีส่วนร่วมสำคัญในการสร้างทฤษฎีและการปฏิบัติว่าด้วยเรื่องเสรีภาพทางศาสนาและเทววิทยาของคริสตจักรของผู้เชื่อ. หลักการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยความเชื่อของพวกเขา,การล้างบาปผู้ใหญ่โดยการจุ่ม, กลายเป็นสัญลักษณ์สำหรับคนที่กล้า ใช้พระคัมภีร์อย่างจริงจังและเป็นจำเพาะเจาะจง.
ไม่นาน ความเชื่อของแบ๊บติสต์ ก็แพร่กระจายไปยังดินแดนอื่น โดยบุคคลและกลุ่มผู้เชื่อทั้งมวล. แม้ในประเทศอเมริกา แบบติสท์จะเผชิญกับการถูกข่มเหง แบ๊บติสท์ยังเติบโตในแบบไม่ปกติ . ในความสำเร็จตามตำนานของพวกเขา, มีแบ็บติสต์ ๒๕ ล้านคน อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ปี 1985 มีแบ๊บติสต์ 45 ล้านคนทั่วโลก มีเหตุผลสำคัญสำหรับความสำเร็จนี้
หลักการของแบ๊บติสต์ มีความเหมาะสมกลมกลืนอย่างดีกับสิ่งที่ชาวอเมริกันประสบ. ในสังคมชายแดน, คุณภาพของปัจเจกบุคคลและการปกครองตนเองที่มีความสำคัญ นักเทศน์แบ๊บติสต์ เน้นเรื่องของความเป็นปัจเจกบุคคลกับพระเจ้า และความรับผิดชอบของกลุ่มผู้เชื่อมีต่อพระเยซูคริสต์,ซึ่งเป็นผู้นำของคริสตจักร.
การตัดสินใจของคริสตจักร กระทำจากความเห็นพ้องของกลุ่ม, และคริสตจักรอาจจะประกอบด้วยกลุ่มผู้เชื่อจำนวนไม่กี่คน ที่ตกลงมาพบกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เพื่อประชุมกันอย่างสม่ำเสมอ . ในสังคมที่มีโอกาสทางการศึกษาไม่มากนัก สำหรับการรับใช้ที่มีความรู้, แบ็บติสต์ให้คุณค่าสูง ต่อการเรียกบุคคลมาสู่การรับใช้ และหลักฐานของประทานในการเทศนาและการสอน
ในขณะที่การรวมตัวของคริสตจักร ทำในรูปสมาคม, การรวมตัวกันทุกครั้ง จะมีศิษยาภิบาล ทำหน้าที่เป็นบิชอป ที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง สถานที่ ที่อาจมีหรือไม่มีที่ประชุมสะดวกสบาย,ดนตรี,หรือรูปแบบการนมัสการมาตรฐานก็ได้ โดยสรุป แบ็บติสต์ในอเมริกา คือการอธิบายเสรีภาพทางศาสนา ให้ทุกคนได้ยิน ในดินแดนที่ปลดปล่อยพันธนาการในอดีต เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคน
คนอเมริกันผิวสี-ทาสและเสรีชน-พบว่าการชักชวนของแบบติสต์ดึงดูดใจมาก. คนที่อ่านเขียนไมได้เป็นส่วนใหญ่, เป็นชุมนุมทาสพบว่าแบ็บติสต์ เน้นคำพูดเป็นสำคัญ , ผู้ประกาศผิวสี ส่วนใหญ่จะจดจำคำพูดมาจากคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งพวกเขา นำมาเสริมแต่งในการเทศนาและในบทเรียน แบ๊บติสต์ให้เสรีภาพในการนมัสการ อนุญาตให้ผู้เชื่อที่เป็นชาวแอฟริกัน นำรูปแบบและอารมณ์ของเพลงพื้นเมืองมาใช้ในการนมัสการ
และยังให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำ ภายในตระกูลและครอบครัว ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทที่จะเป็นศิษยาภิบาลที่เข้มแข็ง ในการปกครองแบ๊บติสตืผิวสี .