บทที่ 1 – ลูกใครหว่า
ในขณะที่ภุชงค์ วีระดำรงสกุลกำลังยืนคุมลูกน้องทั้งสี่คนในอู่แต่งรถ ‘PV - Motor’ ให้ประกอบเครื่องยนต์รถ มาสด้า อาร์เอกซ์ 7 TYPE R หรือชื่อที่นักซิ่งในวงการมักเรียกกันก็คือ FD3S ซึ่งเจ้าของนำมาจ้างปรับแต่งให้เหมาะสำหรับการแข่งดริฟท์ภายในเวลาอีกไม่นาน สมองของชายหนุ่มกลับกึกก้องด้วยคำสั่งเฉียบขาดจากมารดา
“ไม่รู้แหละ แม่รับปากเค้าแล้ว วันศุกร์นี้แกต้องไปนัดดูตัวกับหนูดารา ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด!”
หนูดาราที่คุณนายสุพรสุดเคารพรักของเขาพูดถึง ภุชงค์ทราบดีว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของรองนายกเทศมนตรีประจำเมืองพัทยา นายสาธิต ผลิตชัย และยังพ่วงตำแหน่งน้องสาวเจ้าของรถยนต์สีแดงตรงหน้าเขาคันนี้อีกด้วย
ดาราคือชื่อจริง ส่วนชื่อเล่นคือเดือนดาว อายุยี่สิบสามปี เพิ่งจบการศึกษาจากเกาหลีใต้สาขาบริหารการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยโซล ส่วนสูง 168 ซ.ม. หนัก 42 กิโลกรัม เลือดกรุ๊ปเอ ยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนเพราะเป็นเด็กที่สนใจแต่การเรียน...ประวัติที่คุณนายสุพรได้รับมาว่าไว้อย่างนั้น
ภุชงค์โน้มตัวลงตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องยนต์ที่เด็กอู่ประกอบ เมื่อไม่พบความผิดปกติ เขาก็ยืดตัวขึ้น พยักหน้าให้เด็กอู่หัวโล้นนามว่าจ๊อดไปลองสตาร์ทเครื่อง พวกเขามีลานซีเมนต์โล่งๆ สำหรับลองดริฟท์รถอยู่ห่างจากอู่ไปราวสิบกิโลเมตร ภุชงค์วางแผนว่าจะนำเจ้าคันนี้ไปลองเครื่องที่นั่น หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเหมือนที่เคยเป็นมา เขาจะได้เงินโบนัสก้อนโตทีเดียวเมื่อเจ้าของรถแข่งชนะ
“อายุก็ยี่สิบแปดยี่สิบเก้าเข้าไปแล้ว แม่คนอื่นๆ เค้าได้รับขวัญลูกสะใภ้กันหมดแล้วนะ บางคนได้อุ้มหลานแล้วด้วยซ้ำไป แกต้องรอให้แม่ตายก่อนใช่มั้ยถึงจะสำนึก ไอ้ลูกเนรคุณ”
ภุชงค์ถอยหลังออกมาเมื่อเครื่องยนต์ครางหึ่ง เขายกแขนเสื้อชุดหมีปาดเหงื่อบนหน้าผาก ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาไม่ยอมไปนัดบอดหรือดูตัวหญิงสาวที่แม่เลือกตลอดหกเดือนที่ผ่านมานั้น มันทำให้เขากลายเป็นลูกอกตัญญูได้อย่างไร ทั้งที่เงินสำหรับให้คุณนายแม่ไปเล่นไพ่ก็มีไม่ได้ขาด แถมก่อนหน้านี้เขายังถอยนกกรงหัวจุกราคากว่าสองแสนบาทตัวใหม่ให้พ่อเป็นของขวัญวันเกิดอีกด้วย
“ในปีนี้แกจะต้องแต่งงาน เซียนหมูหูทิพย์ก็บอกไว้ว่าถ้าแกแต่งงานปีนี้ ดวงแกจะเจริญรุ่งเรืองสุดๆ ถ้าหาเมียไม่ได้ แม่จะหาให้แกเอง”
คำประกาศิตของแม่ทำภุชงค์ขนลุกเกรียวด้วยความหวาดหวั่น ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเพราะเขาพาพ่อกับแม่ไปร่วมงานแต่งของเพื่อนสนิทที่ลำปางแท้ๆ ถ้าบนโลกนี้มีเครื่องย้อนเวลาอยู่จริง ภุชงค์จะเลือกไปงานแต่งของเพื่อนสนิทกับพวกเด็กอู่เท่านั้นจะดีกว่า
แต่ว่าไปแล้ว เขาก็พอเข้าใจเหตุผลที่แม่อยากให้เขาแต่งงานอยู่หรอก ก็ไอ้นายพีภัทรเพื่อนรักนั่นสิ ได้แต่งงานกับลูกสาวพ่อเลี้ยงเมืองเหนือนามว่าริสาทั้งคน ในงานแต่งแขกทุกคนแทบจะสำลักความหวานที่บ่าวสาวสาดใส่กันโดยไม่เกรงใจใคร ยิ่งตอนที่ริสากล่าวออกไมค์บนเวทีว่า ที่ผ่านมาพีภัทรคอยดูแลปกป้องเธอมามากแล้ว ต่อจากนี้ไป เป็นหน้าที่ของเธอบ้างที่จะดูแลปกป้องเขาไปตลอดชีวิต คุณนายสุพรน้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้ง ประหนึ่งกำลังดูฉากที่แสนกินใจของละครหลังข่าว
โชคดีที่ตอนเจ้าสาวโยนดอกไม้ ภุชงค์ทำเนียนปวดท้องเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ไปยืนรอแย่งรับดอกไม้ตามคำสั่งเสด็จแม่ เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์จะหนักหนากว่านี้สักขนาดไหนหากวันนั้นเกิดดวงซวยช่อดอกไม้ตกใส่มือพอดี
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อดูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่...
ผู้หญิงที่คุณนายสุพรจับมานัดบอดให้เขาดูตัว ถ้าไม่ใช่ลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็เป็นเด็กที่มาจากบริษัทจัดหาคู่ ไม่เคยมีใครครบครันเพียบพร้อมด้วยฐานะทางบ้านและทางสังคมสูงส่งเท่าคุณหนูดารามาก่อน เขาจะปฏิเสธเสียงแข็งแบบครั้งก่อนก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะรองนายกเทศมนตรีสาธิตเป็นผู้มีอิทธิพลค่อนข้างมาก ทุกคนในเมืองพัทยาต่างก็ให้ความเกรงใจ แถมพี่ชายคนโตของดาราก็นำรถมาแต่งที่อู่ของเขาอยู่บ่อยๆ การไม่ไปทานข้าวกับดาราคงถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันอย่างยิ่ง
“โฮ้ย ปวดหมองว้อย!”
ภุชงค์ยกมือขยี้ศีรษะ ตะโกนออกมาดังลั่นระบายความอึดอัดจนลูกน้องสี่คนที่มีนามว่าจ๊อด โจ๊ก แว่นและหมูซึ่งห้อมล้อมอยู่ที่รถยนต์สีแดงหันมามองเป็นตาเดียว
“ปวดหมองเรื่องอะไรครับเฮีย?” โจ๊กผู้เป็นหนุ่มผิวเข้มถาม แต่นัยน์ตาเป็นประกายขบขันเล็กน้อย ใครๆ ต่างก็รู้ว่าลูกพี่ของพวกเขากำลังปวดหัวเรื่องอะไร
“ศุกร์นี้เฮียจะทำไงดีวะ ไม่ไปก็ไม่ได้ซะด้วย” ภุชงค์ยกมือเท้าเอว ส่ายหัวดิกอย่างอ่อนใจ
“ผมบอกให้เฮียแอ๊บเป็นตุ๊ด เฮียก็ไม่เชื่อผม” หมู – เด็กหนุ่มร่างอ้วนสมชื่อพูดและหัวเราะก๊าก “รับรอง วงแตกแน่”
“แอ๊บตุ๊ดพ่อเอ็งสิ ขืนทำแบบนั้นคุณสุพรได้เล่นงานเฮียตาย” ภุชงค์ขยำผ้าขนหนูสีดำปื้นที่พาดคอปาใส่ลูกน้องร่างอ้วน
“แหม แล้วมันไม่ดีหรอฮะ” จ๊อดโผล่หัวออกมาจากประตูรถฝั่งผู้โดยสาร “เฮียกำลังจะมีคุณนายอู่เป็นลูกสาวรองนายกฯ เชียวนะ”
“ไม่ดีโว้ย เฮียสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานกับใครถ้ายังตามหาคนๆ นึงไม่เจอ” ภุชงค์พึมพำออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่จะลอยไปถึงหูเด็กอู่ทั้งสี่คน
“ใครหรอครับ?” พวกเขาโพล่งถามพร้อมกัน
ภุชงค์เบือนหน้าเหม่อมองออกไปนอกอู่รถ แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอกสะท้อนประกายกับดวงตาของเขาวิบวับ
เขาตอบเสียงนุ่ม “รักแรกของเฮีย”
“ฮิ้ววว์”
จ๊อด โจ๊ก หมูและแว่นเป่าปากเฟี้ยวฟ้าว ก่อนที่เด็กหนุ่มใส่แว่นจะถาม
“แล้วเฮียกับรักแรกทำไมถึงแยกกันเสียล่ะครับ?”
ภุชงค์หันหน้ากลับมา ตอบเสียงนุ่มกว่าเดิม “เผือก”
คำตอบของเขาส่งผลให้เด็กอู่ทั้งสี่แยกย้ายกันกลับไปทำงานของแต่ละคนต่อจากเดิมได้ทันที
หนุ่มเจ้าของอู่เดินไปที่ประตูออฟฟิศที่อยู่ลึกเข้ามาด้านใน ปกติแล้วอู่แห่งนี้จะเปิดเพลงร็อคสากลดังกระหึ่มสร้างความคึกคักให้กับการทำงาน แต่ตอนนี้เขาปวดสมองเกินกว่าจะรับฟังอะไรอีก เขาจะจัดการกับปัญหาใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าอย่างไรดี เขายังไม่อยากคบใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงาน
เพราะหัวใจของเขา ยังคิดถึงแต่พี่สาวคนนั้นอยู่ตลอดเวลา
ภุชงค์เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและถอดชุดหมีสำหรับซ่อมรถออก เขามองเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจก ใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวของบุรุษหนุ่มหน้าตาคมคายจ้องตอบกลับมา มีหลายครั้งที่เขาอยากจ้างผู้หญิงสักคนให้แกล้งมาคบกับเขาเพื่อตบตาแม่ แต่เขาจะไว้ใจผู้หญิงพวกนั้นได้อย่างไร ประสบการณ์ที่ผ่านมาบนถนนราตรีของพัทยา สอนให้เขารู้ว่าผู้หญิงทุกคน มักซ่อนความเจ้าเล่ห์แสนกลไว้ภายใต้ความสวยงามเสมอ
แล้วเวลากระชั้นชิดแบบนี้ เขาจะไปหาหน้าม้าที่ไว้ใจได้จากที่ไหนกัน?
คิดแล้วก็อยากหาพาราเซตามอลกินแก้ปวดหัวสักเม็ดเพราะหาคำตอบไม่เจอจริงๆ
+++
สุดที่รักพิทักษ์เธอ บทที่ 1
“ไม่รู้แหละ แม่รับปากเค้าแล้ว วันศุกร์นี้แกต้องไปนัดดูตัวกับหนูดารา ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด!”
หนูดาราที่คุณนายสุพรสุดเคารพรักของเขาพูดถึง ภุชงค์ทราบดีว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของรองนายกเทศมนตรีประจำเมืองพัทยา นายสาธิต ผลิตชัย และยังพ่วงตำแหน่งน้องสาวเจ้าของรถยนต์สีแดงตรงหน้าเขาคันนี้อีกด้วย
ดาราคือชื่อจริง ส่วนชื่อเล่นคือเดือนดาว อายุยี่สิบสามปี เพิ่งจบการศึกษาจากเกาหลีใต้สาขาบริหารการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยโซล ส่วนสูง 168 ซ.ม. หนัก 42 กิโลกรัม เลือดกรุ๊ปเอ ยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนเพราะเป็นเด็กที่สนใจแต่การเรียน...ประวัติที่คุณนายสุพรได้รับมาว่าไว้อย่างนั้น
ภุชงค์โน้มตัวลงตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องยนต์ที่เด็กอู่ประกอบ เมื่อไม่พบความผิดปกติ เขาก็ยืดตัวขึ้น พยักหน้าให้เด็กอู่หัวโล้นนามว่าจ๊อดไปลองสตาร์ทเครื่อง พวกเขามีลานซีเมนต์โล่งๆ สำหรับลองดริฟท์รถอยู่ห่างจากอู่ไปราวสิบกิโลเมตร ภุชงค์วางแผนว่าจะนำเจ้าคันนี้ไปลองเครื่องที่นั่น หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเหมือนที่เคยเป็นมา เขาจะได้เงินโบนัสก้อนโตทีเดียวเมื่อเจ้าของรถแข่งชนะ
“อายุก็ยี่สิบแปดยี่สิบเก้าเข้าไปแล้ว แม่คนอื่นๆ เค้าได้รับขวัญลูกสะใภ้กันหมดแล้วนะ บางคนได้อุ้มหลานแล้วด้วยซ้ำไป แกต้องรอให้แม่ตายก่อนใช่มั้ยถึงจะสำนึก ไอ้ลูกเนรคุณ”
ภุชงค์ถอยหลังออกมาเมื่อเครื่องยนต์ครางหึ่ง เขายกแขนเสื้อชุดหมีปาดเหงื่อบนหน้าผาก ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาไม่ยอมไปนัดบอดหรือดูตัวหญิงสาวที่แม่เลือกตลอดหกเดือนที่ผ่านมานั้น มันทำให้เขากลายเป็นลูกอกตัญญูได้อย่างไร ทั้งที่เงินสำหรับให้คุณนายแม่ไปเล่นไพ่ก็มีไม่ได้ขาด แถมก่อนหน้านี้เขายังถอยนกกรงหัวจุกราคากว่าสองแสนบาทตัวใหม่ให้พ่อเป็นของขวัญวันเกิดอีกด้วย
“ในปีนี้แกจะต้องแต่งงาน เซียนหมูหูทิพย์ก็บอกไว้ว่าถ้าแกแต่งงานปีนี้ ดวงแกจะเจริญรุ่งเรืองสุดๆ ถ้าหาเมียไม่ได้ แม่จะหาให้แกเอง”
คำประกาศิตของแม่ทำภุชงค์ขนลุกเกรียวด้วยความหวาดหวั่น ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเพราะเขาพาพ่อกับแม่ไปร่วมงานแต่งของเพื่อนสนิทที่ลำปางแท้ๆ ถ้าบนโลกนี้มีเครื่องย้อนเวลาอยู่จริง ภุชงค์จะเลือกไปงานแต่งของเพื่อนสนิทกับพวกเด็กอู่เท่านั้นจะดีกว่า
แต่ว่าไปแล้ว เขาก็พอเข้าใจเหตุผลที่แม่อยากให้เขาแต่งงานอยู่หรอก ก็ไอ้นายพีภัทรเพื่อนรักนั่นสิ ได้แต่งงานกับลูกสาวพ่อเลี้ยงเมืองเหนือนามว่าริสาทั้งคน ในงานแต่งแขกทุกคนแทบจะสำลักความหวานที่บ่าวสาวสาดใส่กันโดยไม่เกรงใจใคร ยิ่งตอนที่ริสากล่าวออกไมค์บนเวทีว่า ที่ผ่านมาพีภัทรคอยดูแลปกป้องเธอมามากแล้ว ต่อจากนี้ไป เป็นหน้าที่ของเธอบ้างที่จะดูแลปกป้องเขาไปตลอดชีวิต คุณนายสุพรน้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้ง ประหนึ่งกำลังดูฉากที่แสนกินใจของละครหลังข่าว
โชคดีที่ตอนเจ้าสาวโยนดอกไม้ ภุชงค์ทำเนียนปวดท้องเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ไปยืนรอแย่งรับดอกไม้ตามคำสั่งเสด็จแม่ เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์จะหนักหนากว่านี้สักขนาดไหนหากวันนั้นเกิดดวงซวยช่อดอกไม้ตกใส่มือพอดี
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อดูสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่...
ผู้หญิงที่คุณนายสุพรจับมานัดบอดให้เขาดูตัว ถ้าไม่ใช่ลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็เป็นเด็กที่มาจากบริษัทจัดหาคู่ ไม่เคยมีใครครบครันเพียบพร้อมด้วยฐานะทางบ้านและทางสังคมสูงส่งเท่าคุณหนูดารามาก่อน เขาจะปฏิเสธเสียงแข็งแบบครั้งก่อนก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะรองนายกเทศมนตรีสาธิตเป็นผู้มีอิทธิพลค่อนข้างมาก ทุกคนในเมืองพัทยาต่างก็ให้ความเกรงใจ แถมพี่ชายคนโตของดาราก็นำรถมาแต่งที่อู่ของเขาอยู่บ่อยๆ การไม่ไปทานข้าวกับดาราคงถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันอย่างยิ่ง
“โฮ้ย ปวดหมองว้อย!”
ภุชงค์ยกมือขยี้ศีรษะ ตะโกนออกมาดังลั่นระบายความอึดอัดจนลูกน้องสี่คนที่มีนามว่าจ๊อด โจ๊ก แว่นและหมูซึ่งห้อมล้อมอยู่ที่รถยนต์สีแดงหันมามองเป็นตาเดียว
“ปวดหมองเรื่องอะไรครับเฮีย?” โจ๊กผู้เป็นหนุ่มผิวเข้มถาม แต่นัยน์ตาเป็นประกายขบขันเล็กน้อย ใครๆ ต่างก็รู้ว่าลูกพี่ของพวกเขากำลังปวดหัวเรื่องอะไร
“ศุกร์นี้เฮียจะทำไงดีวะ ไม่ไปก็ไม่ได้ซะด้วย” ภุชงค์ยกมือเท้าเอว ส่ายหัวดิกอย่างอ่อนใจ
“ผมบอกให้เฮียแอ๊บเป็นตุ๊ด เฮียก็ไม่เชื่อผม” หมู – เด็กหนุ่มร่างอ้วนสมชื่อพูดและหัวเราะก๊าก “รับรอง วงแตกแน่”
“แอ๊บตุ๊ดพ่อเอ็งสิ ขืนทำแบบนั้นคุณสุพรได้เล่นงานเฮียตาย” ภุชงค์ขยำผ้าขนหนูสีดำปื้นที่พาดคอปาใส่ลูกน้องร่างอ้วน
“แหม แล้วมันไม่ดีหรอฮะ” จ๊อดโผล่หัวออกมาจากประตูรถฝั่งผู้โดยสาร “เฮียกำลังจะมีคุณนายอู่เป็นลูกสาวรองนายกฯ เชียวนะ”
“ไม่ดีโว้ย เฮียสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานกับใครถ้ายังตามหาคนๆ นึงไม่เจอ” ภุชงค์พึมพำออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่จะลอยไปถึงหูเด็กอู่ทั้งสี่คน
“ใครหรอครับ?” พวกเขาโพล่งถามพร้อมกัน
ภุชงค์เบือนหน้าเหม่อมองออกไปนอกอู่รถ แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอกสะท้อนประกายกับดวงตาของเขาวิบวับ
เขาตอบเสียงนุ่ม “รักแรกของเฮีย”
“ฮิ้ววว์”
จ๊อด โจ๊ก หมูและแว่นเป่าปากเฟี้ยวฟ้าว ก่อนที่เด็กหนุ่มใส่แว่นจะถาม
“แล้วเฮียกับรักแรกทำไมถึงแยกกันเสียล่ะครับ?”
ภุชงค์หันหน้ากลับมา ตอบเสียงนุ่มกว่าเดิม “เผือก”
คำตอบของเขาส่งผลให้เด็กอู่ทั้งสี่แยกย้ายกันกลับไปทำงานของแต่ละคนต่อจากเดิมได้ทันที
หนุ่มเจ้าของอู่เดินไปที่ประตูออฟฟิศที่อยู่ลึกเข้ามาด้านใน ปกติแล้วอู่แห่งนี้จะเปิดเพลงร็อคสากลดังกระหึ่มสร้างความคึกคักให้กับการทำงาน แต่ตอนนี้เขาปวดสมองเกินกว่าจะรับฟังอะไรอีก เขาจะจัดการกับปัญหาใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าอย่างไรดี เขายังไม่อยากคบใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงาน
เพราะหัวใจของเขา ยังคิดถึงแต่พี่สาวคนนั้นอยู่ตลอดเวลา
ภุชงค์เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและถอดชุดหมีสำหรับซ่อมรถออก เขามองเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจก ใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวของบุรุษหนุ่มหน้าตาคมคายจ้องตอบกลับมา มีหลายครั้งที่เขาอยากจ้างผู้หญิงสักคนให้แกล้งมาคบกับเขาเพื่อตบตาแม่ แต่เขาจะไว้ใจผู้หญิงพวกนั้นได้อย่างไร ประสบการณ์ที่ผ่านมาบนถนนราตรีของพัทยา สอนให้เขารู้ว่าผู้หญิงทุกคน มักซ่อนความเจ้าเล่ห์แสนกลไว้ภายใต้ความสวยงามเสมอ
แล้วเวลากระชั้นชิดแบบนี้ เขาจะไปหาหน้าม้าที่ไว้ใจได้จากที่ไหนกัน?
คิดแล้วก็อยากหาพาราเซตามอลกินแก้ปวดหัวสักเม็ดเพราะหาคำตอบไม่เจอจริงๆ