บทที่ 2 – พี่สาวในความทรงจำ
“เดี๋ยวนะ ผมว่าคุณต้องเข้าใจอะไรผิดแล้วแน่ๆ”
กว่าที่ภุชงค์จะตั้งสติสลัดความงงงันออกไปได้ เสื้อของเขาก็เปียกชุ่มด้วยน้ำตาของเด็กน้อยแล้ว เขาพยายามแงะมือของเธอออก แต่หนูน้อยกลับกอดเขาแน่นมากขึ้นและร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเก่า
“เข้าใจผิดอะไรหรอคะ” ผู้มาเยือนหน้าสวยทำตาโต สองมือของเธอยกขึ้นกอดอก
“ผม...เอ่อ...ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนเลยนะ เด็กคนนี้จะเป็นลูกผมได้ยังไง” ภุชงค์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นและหัวเราะเหยียดๆ “อ๋อ นี่คุณจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่พ่อของออกัสสินะ”
“ก็...” เจ้าของอู่เม้มริมฝีปากเป็นสัญญาณว่ากำลังควบคุมอารมณ์เต็มที่ เขาจ้องตาคู่กรณีก่อนพยักหน้าในที่สุด “...ครับ ผมไม่มีทางใช่พ่อของลูกคุณหรอก คุณจำผิดคนแล้วล่ะ”
“ฉันนึกแล้วว่าผู้ชายเลวๆ ไร้ความรับผิดชอบอย่างคุณ มันคงไม่ยอมรับง่ายๆ อยู่แล้ว” คุลิกาโพล่งออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“เจ้ ใจเย็นๆ ก่อนน้า” ฉกาจรีบเอื้อมมือจับไหล่พี่สาวเมื่อเห็นเธอขยับเข้าไปยืนขึงตามองเจ้าของอู่หน้าหล่ออย่างเอาเรื่อง ส่วนเด็กอู่ทั้งสี่คนก็ได้แต่มองลูกพี่ตัวเองสลับกับหญิงสาวผู้มาเยือนอย่างทำอะไรไม่ถูก บรรยากาศโดยรอบจึงน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
คุลิกาสะบัดมือน้องชายออกไป ก่อนจะล้วงมือลงกระเป๋าสะพายและหยิบรูปภาพใบหนึ่งขึ้นมาชูใส่หน้าชายหนุ่ม
“ถ้าจำอะไรไม่ได้ แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะ พอจะทำให้คุณนึกอะไรออกขึ้นมาบ้างมั้ย”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอเห็นหนุ่มเจ้าของอู่เขม้นตามองรูปภาพ แล้วดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ก่อนที่สีหน้างงงันจะเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
“พี่แป๋ม!” ภุชงค์โพล่งออกมา
“ใช่ นี่คือพี่แป๋ม พี่สาวของฉันเอง” คุลิกาดึงรูปกลับมาเก็บใส่กระเป๋า แต่สองตายังจับจ้องชายหนุ่มราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อ “คุณทิ้งพี่แป๋มตอนเธอกำลังท้อง!”
นัยน์ตาของภุชงค์เป็นประกายบางอย่างวูบหนึ่ง เขาก้มหน้ามองเด็กหญิงที่ยังกอดเอวเขาไม่ปล่อยขณะพึมพำถามออกมา “เด็กคนนี้คือลูกของพี่แป๋ม?”
“อาฮะ” คุลิกาพยักหน้า “ที่เกิดกับคุณ”
หนุ่มหล่อเจ้าของอู่เผยยิ้มน้อยๆ “ไม่จริงน่า มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว”
หญิงสาวขมวดคิ้ว “บังเอิญอะไรของคุณ?”
แต่ภุชงค์ไม่ตอบคำถาม เขาฉีกยิ้มร่า ถามผู้มาเยือนด้วยความกระตือรือร้น “ตอนนี้พี่แป๋มอยู่ไหน เธอมากับคุณด้วยหรือเปล่า”
คุลิกาหรี่ตา คาดเดาไม่ถูกว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะมาไม้ไหน เมื่อกี้ยังไม่ยอมรับว่าออกัสเป็นลูก ทำไมตอนนี้ถึงทำท่าอยากจะเจอพี่สาวเธอแบบนี้
หญิงสาวตัดสินใจบอกความจริง “พี่แป๋มคงมาหาคุณไม่ได้หรอก เธอเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่หกปีก่อน”
คำตอบของคุลิกาตามมาด้วยความเงียบ รอยยิ้มบนริมฝีปากภุชงค์แข็งค้างและจางหายลงอย่างช้าๆ ดวงตาคมที่หากจ้องสาวคนไหนเจ้าหล่อนเป็นต้องหลงเสน่ห์เบิกค้างเลื่อนลอย ราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
“คุณว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มถึงกับพูดตะกุกตะกัก
เมื่อพูดถึงพี่สาว คุลิกาก็ชักขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเหมือนกัน แต่เธอก็ฝืนแสดงสีหน้าที่เข้มแข็งเอาไว้
“พี่ฉันถูกรถชนตอนออกัสอายุได้หนึ่งขวบ เธอไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว”
คุลิกาพินิจปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แล้วเธอก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร ใบหน้าของเขากลับสลดวูบ ซีดเซียว และเหมือนกับจะช็อกจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเลยทีเดียว
“คะ...คุณพ่อ”
เมื่อเสียงเด็กหญิงดังขึ้น ภุชงค์ถึงได้สลัดความตกตะลึงออกไปได้ เขาหันหน้าไปทางอื่น สูดหายใจลึกเรียกสติก่อนวางมือลูบศีรษะเด็กหญิงและหันกลับมาพูดกับคุลิกา
“ผมไม่รู้นะว่าทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นพ่อเด็ก แต่เข้าไปนั่งคุยกันข้างในก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มหันไปสั่งลูกน้อง “จ๊อด โจ๊ก ไปหาน้ำหาขนมมาให้น้องด้วย”
+++
สุดที่รักพิทักษ์เธอ บทที่ 2 – พี่สาวในความทรงจำ
“เดี๋ยวนะ ผมว่าคุณต้องเข้าใจอะไรผิดแล้วแน่ๆ”
กว่าที่ภุชงค์จะตั้งสติสลัดความงงงันออกไปได้ เสื้อของเขาก็เปียกชุ่มด้วยน้ำตาของเด็กน้อยแล้ว เขาพยายามแงะมือของเธอออก แต่หนูน้อยกลับกอดเขาแน่นมากขึ้นและร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเก่า
“เข้าใจผิดอะไรหรอคะ” ผู้มาเยือนหน้าสวยทำตาโต สองมือของเธอยกขึ้นกอดอก
“ผม...เอ่อ...ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนเลยนะ เด็กคนนี้จะเป็นลูกผมได้ยังไง” ภุชงค์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นและหัวเราะเหยียดๆ “อ๋อ นี่คุณจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่พ่อของออกัสสินะ”
“ก็...” เจ้าของอู่เม้มริมฝีปากเป็นสัญญาณว่ากำลังควบคุมอารมณ์เต็มที่ เขาจ้องตาคู่กรณีก่อนพยักหน้าในที่สุด “...ครับ ผมไม่มีทางใช่พ่อของลูกคุณหรอก คุณจำผิดคนแล้วล่ะ”
“ฉันนึกแล้วว่าผู้ชายเลวๆ ไร้ความรับผิดชอบอย่างคุณ มันคงไม่ยอมรับง่ายๆ อยู่แล้ว” คุลิกาโพล่งออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“เจ้ ใจเย็นๆ ก่อนน้า” ฉกาจรีบเอื้อมมือจับไหล่พี่สาวเมื่อเห็นเธอขยับเข้าไปยืนขึงตามองเจ้าของอู่หน้าหล่ออย่างเอาเรื่อง ส่วนเด็กอู่ทั้งสี่คนก็ได้แต่มองลูกพี่ตัวเองสลับกับหญิงสาวผู้มาเยือนอย่างทำอะไรไม่ถูก บรรยากาศโดยรอบจึงน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
คุลิกาสะบัดมือน้องชายออกไป ก่อนจะล้วงมือลงกระเป๋าสะพายและหยิบรูปภาพใบหนึ่งขึ้นมาชูใส่หน้าชายหนุ่ม
“ถ้าจำอะไรไม่ได้ แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะ พอจะทำให้คุณนึกอะไรออกขึ้นมาบ้างมั้ย”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอเห็นหนุ่มเจ้าของอู่เขม้นตามองรูปภาพ แล้วดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ก่อนที่สีหน้างงงันจะเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
“พี่แป๋ม!” ภุชงค์โพล่งออกมา
“ใช่ นี่คือพี่แป๋ม พี่สาวของฉันเอง” คุลิกาดึงรูปกลับมาเก็บใส่กระเป๋า แต่สองตายังจับจ้องชายหนุ่มราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อ “คุณทิ้งพี่แป๋มตอนเธอกำลังท้อง!”
นัยน์ตาของภุชงค์เป็นประกายบางอย่างวูบหนึ่ง เขาก้มหน้ามองเด็กหญิงที่ยังกอดเอวเขาไม่ปล่อยขณะพึมพำถามออกมา “เด็กคนนี้คือลูกของพี่แป๋ม?”
“อาฮะ” คุลิกาพยักหน้า “ที่เกิดกับคุณ”
หนุ่มหล่อเจ้าของอู่เผยยิ้มน้อยๆ “ไม่จริงน่า มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว”
หญิงสาวขมวดคิ้ว “บังเอิญอะไรของคุณ?”
แต่ภุชงค์ไม่ตอบคำถาม เขาฉีกยิ้มร่า ถามผู้มาเยือนด้วยความกระตือรือร้น “ตอนนี้พี่แป๋มอยู่ไหน เธอมากับคุณด้วยหรือเปล่า”
คุลิกาหรี่ตา คาดเดาไม่ถูกว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะมาไม้ไหน เมื่อกี้ยังไม่ยอมรับว่าออกัสเป็นลูก ทำไมตอนนี้ถึงทำท่าอยากจะเจอพี่สาวเธอแบบนี้
หญิงสาวตัดสินใจบอกความจริง “พี่แป๋มคงมาหาคุณไม่ได้หรอก เธอเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่หกปีก่อน”
คำตอบของคุลิกาตามมาด้วยความเงียบ รอยยิ้มบนริมฝีปากภุชงค์แข็งค้างและจางหายลงอย่างช้าๆ ดวงตาคมที่หากจ้องสาวคนไหนเจ้าหล่อนเป็นต้องหลงเสน่ห์เบิกค้างเลื่อนลอย ราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
“คุณว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มถึงกับพูดตะกุกตะกัก
เมื่อพูดถึงพี่สาว คุลิกาก็ชักขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเหมือนกัน แต่เธอก็ฝืนแสดงสีหน้าที่เข้มแข็งเอาไว้
“พี่ฉันถูกรถชนตอนออกัสอายุได้หนึ่งขวบ เธอไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว”
คุลิกาพินิจปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แล้วเธอก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร ใบหน้าของเขากลับสลดวูบ ซีดเซียว และเหมือนกับจะช็อกจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเลยทีเดียว
“คะ...คุณพ่อ”
เมื่อเสียงเด็กหญิงดังขึ้น ภุชงค์ถึงได้สลัดความตกตะลึงออกไปได้ เขาหันหน้าไปทางอื่น สูดหายใจลึกเรียกสติก่อนวางมือลูบศีรษะเด็กหญิงและหันกลับมาพูดกับคุลิกา
“ผมไม่รู้นะว่าทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นพ่อเด็ก แต่เข้าไปนั่งคุยกันข้างในก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มหันไปสั่งลูกน้อง “จ๊อด โจ๊ก ไปหาน้ำหาขนมมาให้น้องด้วย”