น้องเราพบพ่อล้มที่พื้นห้องนอนอยู่ นอนแน่นิ่งตาค้างไม่รู้สึกตัว จึงเขย่าตัวและเรียกพ่อจนรู้สึกตัว และพบว่าแขนขาซ้ายของพ่ออ่อนแรง จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล....(เอกชนแถวหัวหมาก) แต่คุณพ่อมีสิทธิ์บัตรทองหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่รพ.นพรัตน์ เรารู้มาว่าเคสแบบนี้ต้องรีบรักษาให้ทันภายใน 3 ชม.เพื่อป้องกันการเป็นอัมพฤต อัมพาต ซึ่งเราไม่รู้ว่าคุณพ่อล้มตั้งแต่กี่โมง เรามาพบก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว หากจะพาไปรพ.นพรัตน์ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีหมอตรวจทันทีไหม เพราะคนไข้ของรัฐบาลเยอะ เราไม่มีเวลาคิดนาน...จึงต้องรีบนำส่งรพ.นั้น คุณหมอบอกคุณพ่อเส้นเลือดในสมองแตก ต้องรีบผ่าตัดเอาก้อนเลือดออกด่วน หากก้อนเลือดไหลจนถึงก้านสมอง จะทำให้คุณพ่อหลับไม่ตื่น (แบบเจ้าชายนิทรา) และพักรักษาอยู่ ICU คุณหมอยังไม่ให้ย้ายไปรพ.นพรัตน์ ระหว่างนั้นเราได้ติดต่อสปสช.(หน่วยงานสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เบอร์โทร 1330) เนื่องจากทราบว่า "นโยบายรัฐบาลเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้าขั้นวิกฤติหรือเร่งด่วนถึงแก่ชีวิต การรักษาที่รวดเร็วจะช่วยให้รอดชีวิตหรือลดความพิการได้ ใกล้รพ.ไหนไปที่นั่นประชาชนไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล" "กรณีฉุกเฉินสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการอื่นนอกเหนือหน่วยบริการประจำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง" ซึ่ง สปสช.แนะนำเราให้แจ้งรพ. ที่ทำการรักษา ให้ทำเรื่องแจ้งไปที่สปสช.โดยผ่านเข้าระบบ EMCO เมื่อเราแจ้งรพ....ทางรพ.ตอบว่ารพ.ยกเลิกไปแล้ว ให้คนไข้ไปดำเนินการเอง ซึ่งสปสช.บอกเราเองว่าทางคนไข้ไม่มีสิทธิทำเรื่องเอง จะต้องเป็นรพ.ทำเรื่องให้ได้เท่านั้น เราพยายามคุยกับรพ.ขอให้ช่วยเหลือ ทางรพ.แจ้งจะเอาเรื่องเข้าที่ประชุมขออนุมัติ แต่ผลออกมาไม่อนุมัติ โดยไม่บอกสาเหตุ เราไม่อยากเชื่อว่ารพ.แห่งนี้ไม่สามารถทำได้ ก็ใหญ่โตมีชื่อเสียงอยู่ แค่ทำเรื่องให้ผู้ป่วยก็กลับปัดภาระหน้าที่ ไม่คำนึงถึงความทุกข์ของผู้ป่วย คนป่วยกับญาติก็ทุกข์ใจมากแล้ว กลับต้องมาพบกับรพ.แบบนี้อีก ค่าใช้จ่ายก็เข้าไปหลักห้าหกแสนแล้ว พักรักษาในรพ.2 อาทิตย์ ต้องรีบออกเลย กลับมาดูแลทำกายภาพให้เอง (เนื่องจากก่อนหน้านี้คุณแม่ก็ป่วยเส้นเลือดตีบ เป็นอัมพฤตแขนขาขวาอ่อนแรง จึงพอเคยทำกายภาพมาบ้าง) เราจะทำอย่างไรได้บ้าง ในกรณีแบบนี้
ทำไมโรงพยาบาล...จึงไม่ยอมช่วยทำเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายสิทธิ์บัตรทองให้กับคนไข้