จบไปแล้วค่ะสำหรับความฟิน เสียดายอุตส่าห์รอมาทั้งสัปดาห์แต่กลับมีนิดเดียว
ทีนี้ ดิฉันมีเรื่องอยากจะฝากถึงทีมงานผู้จัดทำ lovesick บางเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ในด้าน
กำกับ เทคนิค ตัดต่อ เพราะหลายคนได้พูดไปแล้ว...ดิฉันเห็นด้วยและจัดอยู่ในขั้น "แย่"
หวังว่าซีซั่นต่อไป จะมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นนะคะ อย่าทำลวกๆเหมือนดูถูกคนดูอีก
ถ้านี่ไม่ใช่เพราะเหตุผลข้างล่าง ดิฉันไม่ดูแน่ๆ คือ

1. นักแสดง
2. ละครไทยน่าจะเป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่มีคู่ ช-ช เป็นตัวหลัก
ไม่ใช่แค่เพียงตัวประกอบหรือตัวสร้างสีสันเหมือนเรื่องอื่นๆ
3. เนื้อหาที่ค่อนข้างขายฝัน

สามข้อนี้ทำให้ดิฉันดูค่ะ เพราะดิฉันอยากรู้ว่าละครบ้านเราจะพัฒนาในประเด็นนี้ไปถึงไหน
ส่วนเรื่องที่จะฝากไปยังทีมงานนั้น ผู้อ่านหลายท่านอาจยังมองไม่เห็น เพราะในตัวซีรีย์เองก็ยังไปไม่ถึง
แต่จากที่อ่านนิยายมาแล้ว ดิฉันจึงขอฝากไปยังซีซั่นต่อไปนะคะ

ด้านล่างนี้เป็นบทความที่ จขกท. เรียบเรียงใหม่นะคะ เนื่องจากมีสมาชิกบางท่านได้ส่งฟีดแบ็คว่าอ่านไม่เข้าใจ
เขียนอะไรของเธอ เลยขอเรียบเรียงใหม่ค่ะขออภัยด้วยค่ะ 55+ ส่วนเนื้อหาเก่าจะใส่ สปอยล์และโพสต์ไว้ที่
ความเห็นที่ 14 นะคะ

1. เรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิในการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของแก๊งค์นางฟ้า
ที่มา
ถ้าดิฉันจำไม่ผิด มันก็เคยมีประเด็น แบบนี้เกิดขึ้นจริงและยังมีเรื่อยๆ
ซึ่งดิฉันเคยติดตามเรื่องนี้มาก่อนน่าจะเป็นช่วง 4-5 ปีที่แล้วได้มั้งคะ ที่มีโรงเรียน ชายล้วน
ชื่อดังบางแห่ง(หรือหลายแห่ง) ทำการแอนตี้และไม่ยอมให้ ผู้ข้ามเพศ (ที่มีเพศสภาพไปทางผู้หญิง)
ขึ้นโชว์เป็นเชียร์ลีดเดอร์ในงานใหญ่งานหนึ่ง รวมถึงการสร้างวาทกรรมว่า เชียร์ลีดเดอร์ที่นี่มีแต่ ชายแท้ เท่านั้น

ซึ่งนี่คือการ เหยียดเพศและเลือกปฏิบัติ อย่างเห็นได้ชัดที่สุด และดีใจค่ะที่เห็นซีรีย์เรื่องนี้
หยิบขึ้นมาพูดมาเล่นว่าสังคมเรามีปัญหาแบบนี้อยู่จริงๆ และดีใจที่มีตัวละครที่ลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของพวกเขา
เสียดายที่เรื่องจบซะก่อน เลยยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน...

ปัญหา
ซีรีย์ได้เลือกเขียนบทให้บรรดาแก๊งค์กะเทยเหล่านั้นยอม จำนน ต่อการลิดรอนสิทธิของพวกเขา
ด้วยการไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติของฟี่ แต่กลับปล่อยให้เอิ้นซึ่งเป็น ผู้ชาย
ที่ดูมีลักษณะของอำนาจที่เหนือกว่าไปเป็นผู้ต่อสู้เรียกร้องแทน...หรือ

เมื่อมีการทะเลาะระหว่างเอิ้นกับฟี่ แกงค์นั้นก็เลือกที่จะยอมแพ้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากทำให้คนทั้งคู่
ต้องทะเลาะกัน ซึ่งดิฉันไม่ได้ซาบซึ้งหรือมองว่าเป็นความเสียสละของเหล่าแก๊งค์นางฟ้าเลยนะคะ
ดิฉันกลับมองว่าเป็นความเห็นแก่ตัวค่ะ เพราะพวกเขาแค่ไม่อยากรู้สึกรับผิดชอบที่เป็นชนวนเหตุดราม่า
และเลือกชดเชยด้วยการยอมจำนนแทนว่า ไม่เอาก็ได้นะถ้าพวกเธอทะเลาะกัน
โดยไม่คิดเลยว่าการทำแบบนั้น เป็นการส่งต่อปัญหาให้คงอยู่ต่อไปและคนรุ่นหลังก็ต้องมารับกรรมพวกนี้ต่อ

รวมถึง การฝึกซ้อมลีดของแก๊งค์นางฟ้าที่ดูอ่อนแอไร้ศักยภาพ

ข้อพึงตระหนัก
1.1 นิยายต้องพึงระวังที่จะไม่ผลิตซ้ำมายาคติที่ว่า กะเทยหรือผู้ข้ามเพศนั้นต้องอ่อนแอ โวยวาย ไม่ต่อสู้
ซึ่งเป็นลักษณะของความเป็นหญิง และจำกัดความเข้มแข็งการต่อสู้ไว้ในผู้อื่นที่มีลักษณะความเป็นชายมากกว่า
ดิฉันปฏิเสธเรื่องพวกนี้ค่ะ ผู้หญิงหรือกะเทย ก็มีความเข้มแข็งทั้งจิตใจและท่วงท่าได้เหมือนกันค่ะ มันไม่ใช่ลักษณะจำกัดเฉพาะเพศใด
หรือความเป็นหญิงความเป็นชายใดใด มันเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนค่ะ ไม่ได้ขึ้นกับเพศสภาพ

1.2 นิยายต้องพึงตระหนักถึงประเด็นการต่อสู้เรียกร้องสิทธิ เพราะสิทธินั้นจะได้มาก็ต่อเมื่อผู้ถูกเอาเปรียบ
ออกไปต่อสู้ค่ะ ไม่ใช่หวังแต่ให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่ามาจัดการไป

ดิฉันฝากให้ทางทีมงานพึงตระหนักไว้ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเรา
แต่ซีรีย์นี้ควรไปไกลมากกว่าการสะท้อนสังคม แต่ควรเป็นซีรีย์ที่ชี้นำสังคมไปพร้อมๆกัน
ว่า คนชายขอบทั้งหลายต้องลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง
และ ชี้ให้สังคมเห็นว่าเพศสภาพความเป็นหญิงเป็นชาย นั้นไม่ได้เป็นสิ่งตายตัวค่ะ
(ชายเป็นต้องแบบนี้ หญิงต้องแบบนี้ กะเทยต้องแบบนี้)

2. เรื่องการยอมรับความรักที่ปราศจากสถานะแห่งเพศ แต่แฝงไปด้วยอคติต่อเพศสภาพอื่น
ที่มา
เป็นประเด็นเกี่ยวกับบทของ ปุณณ์+โน่ ซึ่งตรงนี้ในซีรีย์ยังเห็นไม่ชัดนักอาจเพราะยังไม่ถึงตอน
แต่ในนิยายที่ดิฉันอ่านนั้นมีบทที่ค่อนข้างอ่อนไหว คือมองเผินๆอาจไม่มีอะไร แต่ความจริงมันกำลังผลิตซ้ำ
และตอกย้ำทัศนคติหนึ่งลงไป นั่นคือ

ความเป็นชาย ที่กดทับตัวตนของเกย์

ในครั้งแรกดิฉันปรบมือให้กับความคิดที่ทำลายโครงสร้างเดิมของ ชายหญิงลงไป
ด้วยการปฏิเสธว่าความรักมันไม่จำกัดเพศ ปุณณ์รักโน่ที่โน่เป็นโน่ ไม่ใช่เพราะโน่เป็นผู้ชายจึงรัก
ดิฉันคิดว่ามันสุดยอดค่ะ นี่สิคะโครงสร้างความรักสมัยใหม่ที่ไม่ขึ้นกับเพศใดใด (เหมือนภูในHM)

ปัญหา
แต่ทว่า...ในนิยายกลับมีการเน้นย้ำอยู่บ่อยครั้งและใช้คำพูดที่สามารถตีความได้ว่า
ตัวละครทั้งสองนั้นรู้สึก ไม่โอเคกับคำว่าเกย์ เหมือนพวกเขารู้สึกแย่กับคำว่าเกย์
และปฏิเสธตัวตนว่าไม่ใช่เกย์ พยายามบอกว่านี่เป็นความรักของ ชายแท้ สองคน
ที่ไม่ใช่เกย์เพราะพวกเขามิเคยมองชายอื่นใดนอกจากกันและกันเท่านั้น ซึ่งบริบทในนิยาย
ของคนทั้งคู่เกิดขึ้นด้วยการที่พวกเขารู้สึกไปทางลบต่อคำว่า เกย์

ข้อพึงตระหนัก
ความรักไม่มีเพศจริงค่ะ และหลากหลายรูปแบบเกินกว่าคำว่า เกย์ เลสเบี้ยน ฯลฯ
แต่อยากให้ทีมงานในซีซั่นต่อไป พึงตระหนักค่ะว่า

จะสื่อสารอย่างไรเพื่อไม่ให้การอธิบายความรักที่อยู่เหนือเพศสภาพของปุณณ์และโน่
กลายเป็นการไปกดทับอีกเพศสภาพหนึ่งไว้

นี่จึงเป็นอีกประเด็นที่ดิฉันคาดหวังว่าทางทีมงานต้องพึงระวังการส่งสารในเรื่องเหล่านี้ออกไปค่ะ
แม้เจตนาจะเป็นอย่างไร แต่การตีความของผู้คนย่อมไม่อาจตรงกับผู้เขียน/ผู้กำกับได้ค่ะ
หรือแม้จะพยายามบอกว่านี่คือเรื่องทัศนคติที่เกิดขึ้นจริง ทางซีรีย์ก็ต้องตระหนักถึงผลกระทบอีกด้านไว้ด้วยค่ะ
เพื่อไม่ให้ไปกดทับคนกลุ่มใด

ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ ในสังคมเกย์ปัจจุบัน ก็มีค่านิยมเรื่องความเป็นชายอยู่สูง เกย์ที่ออกสาวก็มักจะกลายเป็น
คนชายขอบของกลุ่มเกย์อีกทอดหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่าค่านิยมนี้ได้ตกไปอยู่ในหมู่สาววายและผู้เขียนด้วยหรือไม่
ซึ่งดิฉันมองว่าทัศนคติเหล่านี้นอกจากจะเหยียดเกย์ด้วยกันเองแล้ว มันก็คือการเหยียดความเป็นหญิงนี่แหล่ะค่ะ
คือหลายคนทั้งเกย์และสาววาย พึงพอใจกับการที่เห็น ชายรักชาย ชอบพอกันบนพื้นฐานของความเป็นชายเท่าๆกัน
โดยผลักคนในรูปแบบอื่นให้ตกชายขอบไปน่ะค่ะ

สุดท้าย

ดิฉันคิดว่า lovesick คือพัฒนาการของละครไทยที่กำลังไปไกลในแง่ของบทที่เป็นสมัยใหม่
ในเรื่องเพศและความรัก และจะดีมากถ้าซีรีย์เรื่องนี้สามารถเคลียร์ปัญหาในประเด็นดังกล่าวออกไปได้
และส่งสารชี้นำสังคมถึงความเข้าใจแบบใหม่ มันจะเป็นเรื่องดีต่อสังคมค่ะ ดีต่อทั้งผู้ดูและชาว LGTB ด้วย
เพราะการยอมรับของคนไทยต่อกลุ่ม LGTB อยู่บนพื้นฐานของการ "ยอมทน" ไม่ใช่ "การยอมรับและเข้าใจ" ค่ะ

สุดท้ายนี้ฝากไปถึงละครเรื่องอื่นๆที่จะใส่ประเด็น LGTB เข้ามาค่ะ ว่ายุคแห่งเนื้อหาเกย์ค้นหาตัวเอง
ต่อสู้กับที่บ้าน เปิดเผยตัวตนกับพ่อแม่ ใกล้จะหมดยุคแล้วค่ะ

ละครไทยได้เวลาเปิดยุคใหม่ของ LGTB บนพื้นที่แห่งใหม่ เช่น พื้นที่ทางกฏหมาย พื้นที่ทางการเมือง
และที่สำคัญคือ พื้นที่ธรรมดาเฉกเช่นละครชายหญิง ที่เป็นเรื่องราวของตัวละคร "เกย์" แต่มีเนื้อหา
เหมือนตัวละครทั่วไป ไม่ว่าจะชีวิตรัก ชีวิตทำงาน ชีวิตตามหาความหมาย ฯลฯ

ถึงยุคที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า ละครเรื่องนี้ก็คือ "ละคร" ไม่ใช่เป็นเพียง "ละครของเกย์"

หวังว่าจะเห็นศักราชใหม่ของ LGTB บนพื้นที่ของฟรีทีวีค่ะ

ปล. Pantip น่าจะมี tag LGTB ได้แล้วนะคะ

----

ขอบคุณค่ะ ที่อ่านบทความจำนวน 6,828 ตัวอักษรนี้ได้หมด
ด้วยรักต่อซีรีย์เรื่องนี้นะคะ