กุศลโลบาย ให้ได้ผลบุญจากการอาสาพระสงฆ์.....ด้วยวิธี ป ว า ร ณ า

กระทู้สนทนา
แหม ! ชื่อ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องลึกลับเลยสำหรับชาวพุทธบางท่านที่ไม่รู้

ขอเฉลย  ๑ ในเคล็ดลับความสำเร็จ และ เห็นผลเร็วจากการทำบุญ ที่มาจากกระทู้นี้  http://m.ppantip.com/topic/32588594
ซึ่งมาจาก กุศลบุญ ด้วยวิธีการ ปวารณา ( อ่านว่า ปะวาระนา ) ก่อนเข้าเนื้อเรื่อง มาทำความเข้าใจคำ กุศลบุญ กันก่อน

หลวงปู่ฯ ท่านเมตตาให้ความกระจ่างเรื่อง กุศลบุญไว้ และขอสรุปย่อให้อ่านดังนี้

" คำว่า กุศล " ย่อมาจากคำว่า กุศโลบาย  
" คำว่า บุญ " มาจากสิ่งต่างๆที่เราทำ

รวมได้คำว่า  " กุ ศ ล บุ ญ "  

ส่วนกุศลหรือกุศโลบาย หมายถึง ความฉลาดที่จะหาเหตุสร้างบุญให้เกิดขึ้นกับตัวเรา  ส่วนอานิสงส์บุญจะมาก จะน้อย ขึ้นกับความดีงามของเหตุนั้นๆด้วย  เช่นเลี้ยงหมาแมว บริจาคให้คนยากไร้  ถวายอาหารกับผู้มีศีลมีธรรม  ฯลฯ  หลังจากทำไปแล้ว  ใจจะมีความสุข
( สุขที่เกิดจากอารมณ์กุศลธรรม เปรียบเหมือนอาหารดีหล่อเลี้ยง จิ ต )

ทั้งนี้  บุญที่เราทำ  ต้องทำด้วยความน้อมใจ  และการทำบุญนั้น  ต้องไม่หวังสิ่งตอบแทนด้วย  เพราะการคาดหวัง เพื่อจะขอนู่นนี่  จะไม่ทำให้อานิสงส์บุญตอบสนองกลับมา  

เพราะฉะนั้น  การทำบุญด้วยการหวังผลตอบแทน  จึงเป็นคนละเรื่อง  กับการได้อานิสงส์บุญ

-------------------
แล้วผลบุญจะเกี่ยวเนื่องกับหัวข้อกระทู้อย่างไร
คำว่า  ป ว า ร ณ า  แปลว่า  บอกยอมให้ใช้ด้วยความเต็มใจ  หรือพูดสั้นๆว่า  รับอาสา

โดยทั่วไปพระภิกษุรูปไหนๆ  ถ้าต้องการสิ่งของบางอย่างเช่น จีวร บาตร  ด้ายเพื่อเย็บจีวร  อาหาร  ผลไม้  ยารักษาโรค  ฯลฯ
ถ้าให้ถูกต้องตามวินัยของพระ   ท่านจะขอได้แค่กับ พ่อ แม่  พี่น้องท้องเดียวกัน  เท่านั้น  

จากประสบการณ์ ที่ จขกท. เข้าออกวัดบ่อย  ขอบอกว่า พระสงฆ์บางรูป ในทุกๆวัด บางรูปก็มีถิ่นฐานที่อยู่ในเขตนั้น  ท่านไม่ลำบากเพราะใกล้ พ่อแม่ พี่น้อง แต่หลายๆรูปจะมาจากถิ่นอื่นๆ  ไกลบ้าง ใกล้บ้าง  หากพระรูปนั้นยึดวินัยสงฆ์เป็นหลัก กรณีมีความจำเป็นบางอย่างเกิดขึ้น  ท่านจะไม่สามารถบอกความต้องการอะไรกับใครได้เลย  

ปัญหาตรงนี้  ในวินัยสงฆ์ได้เอื้อทางออกไว้  โดยให้ผู้ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง  ได้มีโอกาส กล่าวคำ ปวารณา  กับพระสงฆ์  หรือ  สามเณร รูปนั้นๆได้

การกล่าวคำ  ปวารณา  เช่น  หากพระคุณเจ้า  ต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่ไม่เหลือวิสัย ที่โยมจะทำให้หรือหาให้ โปรดบอกกล่าวได้เลย  
และภายหลังหากเราไม่สะดวก เราก็ไปกราบเรียนพระท่านได้เหมือนกัน  โยมขอหยุดเรื่องการปวารณาไว้ก่อน

ทั้งนี้  อายุของการ  ปวารณา  ตามวินัยสงฆ์  จะมีอายุ ๔ เดือนนับจากวันที่เราเริ่มปวารณา  หากเราจะปวารณานานกว่านั้น ก็บอกพระท่านไปว่า  " ขอปวารณาเป็นนิตย์ "  แค่นี้กาลอายุปวารณาจะไม่ขาด  เพราะบางทีเกินขอบเวลา ๔ เดือน  พระท่านก็ไม่สามารถบอกเราได้อีก

จริงๆแล้วใน สังคมของพระก็ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน  แต่ในหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ท่านยังเป็นสมมุติสงฆ์ พระท่านก็มีเหตุจำเป็นต้องทำต้องใช้  หากเราชาวพุทธศึกษาและทำความเข้าใจกับวินัยสงฆ์บางอย่างได้  เราจะเข้าใจและรู้วิธีการเพื่อทำบุญและได้ผลบุญกับพระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  ด้วย กุศโลบาย แห่งการ   ป ว า ร ณ า  
-----------------
ตัวอย่างสิ่งที่ จขกท. ได้เคยปวารณา เช่น เติมเงินโทรศัพท์มือถือ  /  เปลี่ยนไส้เครื่องกรองน้ำ ฯลฯ
หมายเหตุ   ธรรมเนียมวัดป่าส่วนใหญ่ จะเรียกพระภิกษุสงฆ์ เช่น พระครูบา...(ชื่อ)....  ถ้าไม่รู้จักชื่อไม่เป็นไร

การเรียกพระภิกษุสงฆ์ ต่างกันตามลำดับพรรษา ดังนี้
พรรษาที่ ๑ - ๑๐      เรียก พระครูบาฯ
พรรษาที่ ๑๐ ขึ้นไป   เรียก พระอาจารย์ฯ

จขกท. หวังว่ากระทู้นี้คงเป็นประโยชน์ให้เพื่อนสมาชิกห้องศาสนา ศรัทธาในข้อวัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ที่ยังสมบูรณ์ด้วยไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเนื้อนาบุญคงอยู่เพื่อจรรโลงศาสนาสืบไป
--------------------
เจตนาการเขียนกระทู้นี้ เพราะ จขกท.ผ่านประสบการณ์ในวัด/สำนักสงฆ์/ที่พักสงฆ์  มา ๘ ปีเต็ม  จึงเข้าใจปัญหานี้ เพราะจริงๆแล้ว อยู่ดีๆ พระภิกษุสงฆ์  ท่านก็ไม่สามารถไปบอกโยมๆทั้งหลาย ให้มาปวารณาท่านได้  นอกจากบังเอิญมีโยมที่อยู่ประจำที่วัดและฉลาด บอกกล่าวเล่าให้ฟังถึงวิธีการนี้  หากเพื่อนสมาชิก เห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์

เอ่อถ้าคิดว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ กรุณากด

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

-----------------------------------

ต้นทุนทำบุญเหมือนเงินฝาก   อานิสงส์บุญเหมือนดอกเบี้ย
ดอกเบี้ยจะมากจะน้อย          ขึ้นกับการขยันสร้างเหตุ

คติประจำใจของจ จขกท. " บุญอยู่ในใจ  กุศลอยู่ที่เราทำ "

ขอน้อมใจ เผยแพร่เป็นธรรมทาน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่