ใบตองแห้ง : นักการเมืองชื่อ "ตู่"
วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 18:15:00 น.
"นักท่องเที่ยวคิดว่าประเทศของเราสวยงามและปลอดภัย ก็เลยทำอะไรที่อยากทำ พวกเขาใส่บิกินีเดินไปไหนก็ได้ พวกเขาคิดว่าใส่บิกินีแล้วปลอดภัยเรอะ...เว้นแต่ว่าไม่สวย?"
ลบชื่อคนพูดไปก่อน ประโยคนี้พูดได้ไหม ตักเตือนกันได้ไหม ผมว่าได้นะครับ ถ้าเป็นความเห็นคนธรรมดาทั่วไป ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ที่เพิ่งจะมีหญิงสาวชาวอังกฤษถูกฆ่าตาย
แต่พอเป็นคำพูดของท่านนายกฯ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ในหนังสือพิมพ์อังกฤษ "นายกฯไทยกล่าวว่ามีแต่ผู้หญิงขี้เหร่เท่านั้นที่ใส่บิกินีแล้วไม่โดนข่มขืน" (เว็บ Cosmopolitan)
ที่ยกมาพูดไม่ใช่ซ้ำเติม เพราะชื่นชมท่านนายกฯ ที่รีบขออภัยอย่างสุภาพบุรุษ เพียงอยากชี้ให้เห็นว่าถ้อยคำบางคำคนธรรมดาพูดได้ ในบางกาลเทศะ แม้แต่ผู้บัญชาการทหารบกก็อาจพูดได้ แต่เป็นนายกรัฐมนตรีพูดแล้ว...เป็นเรื่อง ถูกมองว่า "โทษคนตาย" ไปโน่น
เหมือนวันก่อนท่านบอกว่า ยางพาราล้นตลาดราคา 60-70 บาท มาขอ 90-100 มันไม่ง่าย อย่างงี้เอาไปขายที่ ดาวอังคารเลยไหม คนฟังหัวเราะเกรียว ผมก็สะใจ หมั่นไส้ม็อบยางมาตั้งแต่ปิดถนนปีที่แล้ว แต่ถามว่าชาวสวนยาง จะคิดอย่างไร ชาวสวนยางไม่ได้มีแค่ประจวบฯ สุราษฎร์ฯ ขึ้นไปทางอีสานก็เพียบ
ท่านเป็นผู้นำประเทศแล้วนะครับ เป็นผู้รับผิดชอบชีวิต ปากท้องของคน 70 ล้าน ท่านชี้แจงได้ว่ารัฐบาลไม่สามารถ แบกรับภาระยางพาราล้นตลาด ประชาชนเข้าใจ แต่ต้องระวังไม่พูดกระทบความรู้สึกคน
ก็เข้าใจนะ ท่านเป็นทหาร เคยชินกับการแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมา นิสัยทหารน่ารักตรงเนี้ย แต่พอเป็นนายกฯ สังคมเรียกร้องสูงกว่า เป็นผู้นำ เป็นบุคคลสาธารณะ จะถูกจับจ้องละเอียดยิบ พลาดนิดเดียวก็ไม่ได้
อยากจะบอกว่านี่ไง "การเมือง" ถึงแม้ท่านไม่ได้มาจากเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง เมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วท่านก็ต้องเป็น "นักการเมือง" อย่างเลี่ยงไม่ได้ คำว่า "นักการเมือง" อย่ามองแค่ด้านเสียหาย แต่หมายความว่าท่านต้องบริหารความพึงพอใจของสังคม บริหารความรู้สึกของประชาชน ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า "เล่นการเมือง"
ที่สำคัญยังเป็น "การเมืองในระบอบประชาธิปไตย" ต่อให้มาจากรัฐประหาร ต่อให้ยังมีกฎอัยการศึก ก็ต้องแคร์ความรู้สึกคน ต้องฟังความคิดเห็น ความต้องการมีส่วนร่วม นั่นแหละ "ประชาธิปไตย" ถึงแม้ไม่มีเลือกตั้ง
4 เดือนที่ผ่านมาขอยืนยันว่าที่ คสช.ครองอำนาจได้ ไม่ใช่แค่ใช้ "ปืนจี้" บังคับ แน่ละท่านเริ่มด้วยรัฐประหาร แต่ท่านก็สามารถทำให้คนส่วนใหญ่ "พึงพอใจ" อย่างน้อยพอใจที่เกิดความสงบ สังคมเหนื่อยล้ากับความแตกแยก ตกอยู่ในสภาพ failed state มา 6 เดือน รัฐประหารแม้กวาดคนรายงานตัวแต่ไม่นองเลือด คนธรรมดาโล่งอกได้กลับมาทำมาหากิน ชื่นชมทหารจัดระเบียบ ปราบปรามการทำผิดต่างๆ ภาคธุรกิจก็ชอบ "การเมืองนิ่ง" แถมจะกระตุ้นลงทุนสาธารณูปโภค ครั้งใหญ่ ไม่ "แช่แข็ง" อย่างที่กลัวไว้ ฯลฯ
ท่านมาจากรัฐประหารแต่มีอำนาจอยู่บนความพึงพอใจ กระนั้น ความพึงพอใจนี้เป็นเพียง "ชั่วคราว" เมื่อประเทศต้องเคลื่อนไปข้างหน้า ท่านต้องมาบริหารบ้านเมือง เรื่องทุกข์ยากเดือดร้อน ข้อเรียกร้องคนกลุ่มต่างๆ ทำอย่างไร จะบริหารความพึงพอใจให้ต่อเนื่อง
นี่แหละ "การเมือง" เรื่องทุกเรื่องท่านจะตกเป็นเป้า คนไทยนะครับ ขี้ไม่ออกเยี่ยวไม่ได้ก็โทษรัฐบาล ซ้ำร้าย เราอยู่ในการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่เคยมีมาก่อนที่คนไทยเกินครึ่งประเทศโดดเข้ามามีส่วนร่วมโดยแยกเป็น 2 ข้าง ทศวรรษเศษๆ ที่ผ่านมาเป็นช่วง "ปลาอานนท์พลิกตัว" จึงเป็นการเมืองที่วูบวาบ อ่อนไหว ความตื่นตัวยังไม่นิ่ง บ่อยครั้งก็ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล จนทำให้แตกแยกอย่างที่เห็น
แล้วทหารซึ่งโดยธรรมชาติเป็นวิชาชีพที่ตรงไปตรงมา ขาลุย เห็นเป้าหมายอยู่ข้างหน้า ประจัญบาน! กลับต้องมา ปกครองประเทศในสถานการณ์ที่ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ทางการเมืองอย่างสูง
ท่านนายกฯ ดูเหมือนเข้าใจและทำใจไว้แล้ว เช่นท่านเตือนข้าราชการทุกคนต้องเปิดใจ "ทำแบบผม ผมเคยหน้างอ หน้าขี้โมโห เดี๋ยวนี้ยิ้ม อารมณ์ดีทั้งวัน" แถมยังร้องเพลงกับนักข่าวด้วยนะ
กระนั้นด้วยความห่วงใย ขอเรียนว่านี่แค่เข้าทำเนียบยังไม่ครบ 7 วัน ท่านต้องเตรียมใจให้มากๆ ว่าเป็น "นักการเมือง" แล้ว ท่านจะเจอทุกอย่างที่นักการเมืองเจอ เช่นพูดอะไรทำอะไรไป 100 เรื่อง ไม่มีคนสนใจเท่าทำผิดพูดผิดเรื่องเดียว แล้วถ้าออกอาการ ฮึดฮัด น้อยใจ ไม่พอใจ ยิ่งไปกันใหญ่ อ้อ แล้วอย่าไว้ใจนักข่าว เขาพยายามทำให้ท่านรู้สึกเป็นกันเอง จะได้พูดคุยง่าย แต่เผลอเมื่อไหร่ ฮิฮิ
คิดแล้วก็อยากเห็นใจ แต่เห็นใจดีมั้ย ในเมื่อท่าน ตัดสินใจมาเอง
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1411200387
ใบตองแห้ง : นักการเมืองชื่อ "ตู่"
วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 18:15:00 น.
"นักท่องเที่ยวคิดว่าประเทศของเราสวยงามและปลอดภัย ก็เลยทำอะไรที่อยากทำ พวกเขาใส่บิกินีเดินไปไหนก็ได้ พวกเขาคิดว่าใส่บิกินีแล้วปลอดภัยเรอะ...เว้นแต่ว่าไม่สวย?"
ลบชื่อคนพูดไปก่อน ประโยคนี้พูดได้ไหม ตักเตือนกันได้ไหม ผมว่าได้นะครับ ถ้าเป็นความเห็นคนธรรมดาทั่วไป ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ที่เพิ่งจะมีหญิงสาวชาวอังกฤษถูกฆ่าตาย
แต่พอเป็นคำพูดของท่านนายกฯ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ในหนังสือพิมพ์อังกฤษ "นายกฯไทยกล่าวว่ามีแต่ผู้หญิงขี้เหร่เท่านั้นที่ใส่บิกินีแล้วไม่โดนข่มขืน" (เว็บ Cosmopolitan)
ที่ยกมาพูดไม่ใช่ซ้ำเติม เพราะชื่นชมท่านนายกฯ ที่รีบขออภัยอย่างสุภาพบุรุษ เพียงอยากชี้ให้เห็นว่าถ้อยคำบางคำคนธรรมดาพูดได้ ในบางกาลเทศะ แม้แต่ผู้บัญชาการทหารบกก็อาจพูดได้ แต่เป็นนายกรัฐมนตรีพูดแล้ว...เป็นเรื่อง ถูกมองว่า "โทษคนตาย" ไปโน่น
เหมือนวันก่อนท่านบอกว่า ยางพาราล้นตลาดราคา 60-70 บาท มาขอ 90-100 มันไม่ง่าย อย่างงี้เอาไปขายที่ ดาวอังคารเลยไหม คนฟังหัวเราะเกรียว ผมก็สะใจ หมั่นไส้ม็อบยางมาตั้งแต่ปิดถนนปีที่แล้ว แต่ถามว่าชาวสวนยาง จะคิดอย่างไร ชาวสวนยางไม่ได้มีแค่ประจวบฯ สุราษฎร์ฯ ขึ้นไปทางอีสานก็เพียบ
ท่านเป็นผู้นำประเทศแล้วนะครับ เป็นผู้รับผิดชอบชีวิต ปากท้องของคน 70 ล้าน ท่านชี้แจงได้ว่ารัฐบาลไม่สามารถ แบกรับภาระยางพาราล้นตลาด ประชาชนเข้าใจ แต่ต้องระวังไม่พูดกระทบความรู้สึกคน
ก็เข้าใจนะ ท่านเป็นทหาร เคยชินกับการแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมา นิสัยทหารน่ารักตรงเนี้ย แต่พอเป็นนายกฯ สังคมเรียกร้องสูงกว่า เป็นผู้นำ เป็นบุคคลสาธารณะ จะถูกจับจ้องละเอียดยิบ พลาดนิดเดียวก็ไม่ได้
อยากจะบอกว่านี่ไง "การเมือง" ถึงแม้ท่านไม่ได้มาจากเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง เมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วท่านก็ต้องเป็น "นักการเมือง" อย่างเลี่ยงไม่ได้ คำว่า "นักการเมือง" อย่ามองแค่ด้านเสียหาย แต่หมายความว่าท่านต้องบริหารความพึงพอใจของสังคม บริหารความรู้สึกของประชาชน ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า "เล่นการเมือง"
ที่สำคัญยังเป็น "การเมืองในระบอบประชาธิปไตย" ต่อให้มาจากรัฐประหาร ต่อให้ยังมีกฎอัยการศึก ก็ต้องแคร์ความรู้สึกคน ต้องฟังความคิดเห็น ความต้องการมีส่วนร่วม นั่นแหละ "ประชาธิปไตย" ถึงแม้ไม่มีเลือกตั้ง
4 เดือนที่ผ่านมาขอยืนยันว่าที่ คสช.ครองอำนาจได้ ไม่ใช่แค่ใช้ "ปืนจี้" บังคับ แน่ละท่านเริ่มด้วยรัฐประหาร แต่ท่านก็สามารถทำให้คนส่วนใหญ่ "พึงพอใจ" อย่างน้อยพอใจที่เกิดความสงบ สังคมเหนื่อยล้ากับความแตกแยก ตกอยู่ในสภาพ failed state มา 6 เดือน รัฐประหารแม้กวาดคนรายงานตัวแต่ไม่นองเลือด คนธรรมดาโล่งอกได้กลับมาทำมาหากิน ชื่นชมทหารจัดระเบียบ ปราบปรามการทำผิดต่างๆ ภาคธุรกิจก็ชอบ "การเมืองนิ่ง" แถมจะกระตุ้นลงทุนสาธารณูปโภค ครั้งใหญ่ ไม่ "แช่แข็ง" อย่างที่กลัวไว้ ฯลฯ
ท่านมาจากรัฐประหารแต่มีอำนาจอยู่บนความพึงพอใจ กระนั้น ความพึงพอใจนี้เป็นเพียง "ชั่วคราว" เมื่อประเทศต้องเคลื่อนไปข้างหน้า ท่านต้องมาบริหารบ้านเมือง เรื่องทุกข์ยากเดือดร้อน ข้อเรียกร้องคนกลุ่มต่างๆ ทำอย่างไร จะบริหารความพึงพอใจให้ต่อเนื่อง
นี่แหละ "การเมือง" เรื่องทุกเรื่องท่านจะตกเป็นเป้า คนไทยนะครับ ขี้ไม่ออกเยี่ยวไม่ได้ก็โทษรัฐบาล ซ้ำร้าย เราอยู่ในการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่เคยมีมาก่อนที่คนไทยเกินครึ่งประเทศโดดเข้ามามีส่วนร่วมโดยแยกเป็น 2 ข้าง ทศวรรษเศษๆ ที่ผ่านมาเป็นช่วง "ปลาอานนท์พลิกตัว" จึงเป็นการเมืองที่วูบวาบ อ่อนไหว ความตื่นตัวยังไม่นิ่ง บ่อยครั้งก็ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล จนทำให้แตกแยกอย่างที่เห็น
แล้วทหารซึ่งโดยธรรมชาติเป็นวิชาชีพที่ตรงไปตรงมา ขาลุย เห็นเป้าหมายอยู่ข้างหน้า ประจัญบาน! กลับต้องมา ปกครองประเทศในสถานการณ์ที่ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ทางการเมืองอย่างสูง
ท่านนายกฯ ดูเหมือนเข้าใจและทำใจไว้แล้ว เช่นท่านเตือนข้าราชการทุกคนต้องเปิดใจ "ทำแบบผม ผมเคยหน้างอ หน้าขี้โมโห เดี๋ยวนี้ยิ้ม อารมณ์ดีทั้งวัน" แถมยังร้องเพลงกับนักข่าวด้วยนะ
กระนั้นด้วยความห่วงใย ขอเรียนว่านี่แค่เข้าทำเนียบยังไม่ครบ 7 วัน ท่านต้องเตรียมใจให้มากๆ ว่าเป็น "นักการเมือง" แล้ว ท่านจะเจอทุกอย่างที่นักการเมืองเจอ เช่นพูดอะไรทำอะไรไป 100 เรื่อง ไม่มีคนสนใจเท่าทำผิดพูดผิดเรื่องเดียว แล้วถ้าออกอาการ ฮึดฮัด น้อยใจ ไม่พอใจ ยิ่งไปกันใหญ่ อ้อ แล้วอย่าไว้ใจนักข่าว เขาพยายามทำให้ท่านรู้สึกเป็นกันเอง จะได้พูดคุยง่าย แต่เผลอเมื่อไหร่ ฮิฮิ
คิดแล้วก็อยากเห็นใจ แต่เห็นใจดีมั้ย ในเมื่อท่าน ตัดสินใจมาเอง
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1411200387