เมื่อฉันต้องกลายมาเป็นผู้ค้ำประกัน

เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมาลูกพี่ลูกน้องของสามีต้องการที่จะซื้อรถยนต์มือสอง แต่เงินเดือนเค้าไม่ถึงหมื่นเลยใช้ชื่อพี่สาวของเค้าที่เป็นข้าราชการซื้อแทน ก่อนวันทำสัญญา1วัน เค้ามาขอสามีเราให้เราค้ำประกันให้ มันคงติดที่คำว่าพี่น้องนี่แหละสามีถึงไม่กล้าปฎิเสธ แล้วดั๊นลืมเล่าให้เราฟังอีกต่างหาก(เราประกอบธุรกิจส่วนตัว ค้าปลีก-ส่ง เครื่องดื่ม ทะเบียนพาณิชย์ Statement ทุกบัญชีเป็นชื่อของเรา)วันต่อมาเราก็เอาเงินไปเข้าแบงค์ในตัวเมืองตามปกติ มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่ของธนาคารมารออยู่ที่ร้าน เหลือเราเพียงคนเดียวที่ต้องเซ็นในส่วนของผู้ค้ำประกัน(เอ๋อ-ไปชั่วขณะ เพราะไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลย โดนมัดมือชกซะงั้น) แต่เราก็จำใจต้องเซ็นให้เพราะมันมาถึงขนาดนี้แล้ว จะปฎิเสธก็ไม่ทันแล้ว เนื่องด้วยเราทำธุรกิจส่วนตัวนี่แหละเลยไม่อยากเซ็น เราทำเครดิตของตัวเองให้ดีมาโดยตลอดไม่อยากต้องมาเสียประวัติเพราะเป็นคนค้ำประกันอะไรนี่เล๊ยยย และแล้วไม่กี่เดือนต่อมา เป็นไปตามที่เราคิดไว้ไม่มีผิด มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายติดตามทวงถามหนี้ของธนาคารโทรมาหาเราถามว่าติดต่อคุณ........ ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อได้มั๊ย แล้วก็บอกว่าเค้าค้างชำระค่างวดเข้ามาเดือนที่2แล้ว พึ่งจะจ่ายค่างวดมาได้แค่3เดือนเองก็จะมาเสียประวัติซะแล้ว พร้อมทั้งข่มขู่เราต่างๆนา ว่าถ้าเค้าไม่ชำระจะมีผลถึงผู้ค้ำประกันด้วยฯลฯ เราทั้งโกรธทั้งโมโห วางสายจากเจ้าหน้าที่แล้วโทรหาเค้าทันที เค้าก็ได้แต่คับๆๆๆ เดือนต่อมาเหมือนจะดีขึ้น เพราะว่าที่ร้านเราเปิดรับชำระบิลด้วย เค้าก็มาจ่ายกับเราทำให้เรารู้ความเคลื่อนไหวว่าเดือนไหนจ่ายไม่จ่าย ผ่านไป2เดือน เอาอีกแล้วววว เราก็ไม่อยากที่จะต้องไปเตือนตลอดเวลาว่าจ่ายค่างวดด้วยน๊า อะไรแบบนี้ โตๆกันแล้ว ช่วงก่อนเราเครียดมาถึงขนาดโทรไปสอบถามที่เครดิตบูโร ซึ่งเค้าก็แจ้งว่าเก็บประวัติเฉพาะผู้เช่าซื้อเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องติดแบล็คลิสต์กับธนาคารที่เค้าผ่อนอยู่ดี แอบเซ็ง เพื่อนๆคนไหนพอจะมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง แล้วเราพอจะทำไงได้บ้าง เปลี่ยนคนค้ำประกันได้รึเปล่า เราไม่อยากต้องมาทะเลาะกันทีหลัง ใครมีประสบการณ์มาแชร์กันได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่