หลังเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553
วันต่อมา
กอ.รมน. บอกว่า
"กองทัพขอประณามการกระทำของกลุ่มที่สร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นระหว่างทหารและประชาชนคนเสื้อแดง
ซึ่งปฏิบัติการที่วางแผนมาอย่างดี เสร็จภารกิจแล้วก็จะสลายไป ขอประณามว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ทำร้ายประเทศชาติ ทำให้ประเทศไทยสูญเสีย"
"ขอให้ผู้ชุมนุมผลักคนเหล่านี้ออกจากการชุมนุม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย
พ.อ.ร่มเกล้า และนายทหารหน่วยนี้เป็นผู้ที่อยู่ในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา
ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้มีกลุ่มคนโกรธแค้น และเสียผลประโยน์ต้องการแก้แค้น ซึ่งจากการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า มีคนชี้เป้าแน่นอน
เพราะมีการรายงานว่า คนร้ายมีการยิงเลเซอร์ชี้เป้ามาที่กลุ่มนายทหารระดับสูงอยู่ จากนั้นยิงเครื่องยิงเอ็ม 79 เข้าใส่
ทำให้นายทหารระดับสูงหลายนายบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการตั้งใจลอบสังหารนายทหารระดับสูงเหล่านี้"
"กองทัพคงจะตั้งกรรมการตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อแน่ว่าคนที่ชี้เป้าให้คนร้ายรู้ว่ากลุ่มนายทหารระดับสูงอยู่ตรงไหน
และชี้เป้าว่าใคร คือ พ.อ.ร่มเกล้า ต้องเป็นคนที่รู้จักบุคคลเหล่านี้อย่างดี ดังนั้น คงไม่สามารถชี้เป้าได้ถูกต้อง
ด้วยเหตุนี้เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นการวางแผนมาเป็นอย่างดีของฝ่ายตรงข้าม อาจจะเป็นฝีมือของทหารที่อยู่ในราชการ
หรือทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีคนร้ายยิงอาวุธสงครามลงมาจากบนตึก
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ข้อมูล กอ.รมน.เคยพูดไว้ตลอดว่ามีกลุ่มคนต้องการสร้างความรุนแรงก่อวินาศกรรม"
รมว.กลาโหม บอกว่า
"ยืนยันว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่ฝ่ายข่าวจะนำข่าวสารมาชี้แจงให้กับคณะกรรมการและผู้บังคับบัญชาทุกคนได้ร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร
เจ้าหน้าที่ที่ไปปะทะกับประชาชนจะมีเฉพาะโล่ กระบอง เครื่องป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บ ซึ่งดูแลความปลอดภัยของประชาชน
แต่อีกส่วนหนึ่งซึ่งไม่คาดคิด เป็นผู้ที่ใช้อาวุธสงครามกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ระเบิดแบบขว้างซึ่งโยนมากลางวงของทหาร
ทำให้บาดเจ็บจำนวน 30 คน จึงเป็นคนละขั้นตอนกัน ต้องแยกออกว่าจะไปรวมกับประชาชนไม่ได้ ทหารเราไม่ได้ไปทำร้ายประชาชน ไม่ได้คิดที่จะทำ"
"แต่สิ่งที่กำลังโดนในขณะนี้คือคนที่นอกคอกทั้งหลายแหล่ที่ทำให้ทหารและประชาชนไม่เข้าใจกัน
ต่อไปนี้รัฐบาลเองคงจะต้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหารว่าก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการรุนแรงกับบุคคลที่อยู่นอกกรอบกฎหมายพวกนี้อย่างเด็ดขาด
ซึ่งเรื่องต่างๆ จะต้องใช้การข่าวและการดำเนินการ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ ส่วนประชาชนเราไม่แตะ
คนที่มุ่งสันติ อหิงสา ในการเรียกร้องประชาธิปไตยก็ว่าไปดำเนินการไป
แต่อย่าไปปะปนกับสิ่งที่เขาดำเนินการทำให้ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากอย่างนี้ อีกทั้งประชาชนบางส่วนโดนลูกหลงเสียชีวิตไปด้วย"
ผบ.ทบ. บอกว่า
"
เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณสี่แยกคอกวัวจนมีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
รวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล ร.2 รอ.ลูกน้องคนสนิทที่เสียชีวิตด้วย
โดยยืนยันการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้เป็นสิ่งที่ล้มเหลว แต่เป็นสิ่งที่สุดยอดเป็นสิ่งประเสริฐเพราะถ้ายิงต้องมีการสูญเสีย
กองทัพก็อยู่ไม่ได้ วันนี้ก็อยู่ไม่ได้ แม้จะสามารถใช้อาวุธหนักตอบโต้กลับได้ แต่ทหารไม่ทำประชาชน"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฐานะ ผอ.ศอฉ. บอกว่า
"ครั้งต่อไป ทหารจะต้องไม่ไปมือเปล่าแน่นอน"
http://www.prachatai.com/journal/2010/04/28909
ครับ
จะเห็นว่า ทั้ง ผอ.ศอฉ. รมว.กลาโหม ผบ.ทบ. พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทหารไม่มีอาวุธ ทหารไม่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
ทั้งที่คืนนั้น ทหารซัดไปซะหลายศพ และซัดอีกหลายสิบศพจนถึง 19 พ.ค. 2553
เกือบร้อยศพ ไม่มีชายชุดดำ ไม่มีผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธ
มีแต่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ อาสาพยาบาล มูลนิธิ นักข่าว
ถ้าสังเกต จะเห็นว่า ทั้ง ผอ.ศอฉ. รมว.กลาโหม ผบ.ทบ.
จะพูดเป็นเสียงเดียวกันในท่วงทำนองว่า กลุ่มพลเอกร่มเกล้า โดนโจมตีที่สี่แยกคอกวัว
อันเป็นสถานที่ที่ชายชุดดำปรากฎตัว (หลังเหตุการณ์)
ทั้งที่ความจริงแล้ว กลุ่มพลเอกร่มเกล้าโดนโจมตีที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอน คนละทีปเลย
และหลังจากนั้นวันสองวัน
วาทกรรมชายชุดดำ กองกำลังติดอาวุธ ผู้ก่อการร้ายก็อุบัติขึ้น
บอกตลอดว่าทหารไม่มีอาวุธในคืน 10 เมษายน
แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม มีการใส่ร้ายว่าคนเสื้อแดงแย่งอาวุธไปจากทหารมากมาย (อ้าว แย่งไได้ไง ทหารไม่มีอาวุธ)
บอกว่าอาวุธยังหายไปอีกเยอะ เสื้อแดงคืนไม่หมด
มีการยัดข้อหาผู้ก่อการร้ายให้ซาเล้ง นายมานพ ชาญช่างทอง ที่เป็นคนขนอาวุธขึ้นไปวางหน้าเวทีที่ผ่านฟ้า
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56VXlNREU0TWc9PQ==
ฯลฯ
พ.อ.พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ระบุว่า มีทหาร 2 นาย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
คือ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
เนื่องจากมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะและลำตัวลักษณะถูกยิงหลายนัด
ส่วนทหารอีก 1 นายที่เสียชีวิต คือ พลทหารสิงหา อ่อนทรง
มีบาดแผลถูกยิงบริเวณอกซ้าย 1 นัด
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000050622
ภายหลังจากใช้เวลาชันสูตรศพกว่า 4 ชั่วโมง พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ
พร้อมคณะกรรมการร่วมกันแถลงข่าวผลการชันสูตรศพ
โดย พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์กล่าวว่า สำหรับผู้ตายทั้ง 11 ราย ที่ทำการชันสูตรศพนั้น มีจำนวน 1 ราย ที่เป็นผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น
ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องขออนุญาตญาติผู้ตาย รัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศก่อน
ทำให้ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ จึงเหลือผู้ตายทั้งหมด 10 ราย ที่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
1.นายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุหัวใจเข้าทางด้านหน้า บริเวณหน้าอกซ้ายทะลุเข้าด้านหลัง
2.นายสวาท วงงาม อายุ 43 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าจากศีรษะทะลุด้านหน้า
3.นายยุทธนา ทองเจริญพูนพร อายุ 23 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าจากบริเวณด้านหลังทะลุด้านหน้า
4.นายจรูญ ฉายแม้น อายุ 46 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอดและตับ กระสุนปืนเข้าบริเวณด้านหน้าขวาทะลุผ่านปอด ผ่านตับ เข้ากระดูกสันหลัง
5.นายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าศีรษะจากด้านหลังทะลุด้านหน้า
6.นายอำพน ตติยรัตน์ อายุ 36 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าศีรษะจากด้านหลังมาด้านหน้า
7.นายไพรศล ทิพย์ลม อายุ 37 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าบริเวณศีรษะด้านหน้ากลางหน้าผาก ออกที่ท้ายทอยด้านหลัง
8.นายธวัฒนะชัย กลัดสุข อายุ 36 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุปอดและเส้นเลือดใหญ่ เสียโลหิตปริมาณมาก กระสุนปืนเข้าจากด้านหน้าทะลุปอด ตับ เส้นเลือดแดงใหญ่ ออกด้านหลัง
9.ชายไทยไม่ทราบชื่อ เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุหลอดเลือดแดงใหญ่ ช่องอก และปอด เสียโลหิตปริมาณมาก กระสุนปืนเข้าบริเวณด้านหน้าผ่านช่องอก ผ่านปอด เส้นเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด
10.นายมนต์ชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี เสียชีวิตจากระบบการหายใจล้มเหลว
"ผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงส่วนใหญ่เป็นการยิงจากระยะไกล มีเพียงรายเดียวที่น่าจะเป็นระยะใกล้ ประมาณไม่เกิน 1 เมตร หรือระยะประชิด คือชายไทยไม่ทราบชื่อ"
http://www.thaipost.net/node/20762
คร่าว ๆ ครับ
ที่เหลือคิดต่อกันเอาเอง พิจารณากันเองเอง
.
ย้อนรอยชายชุดดำ 10 เมษายน 2553 และการโกหกคำโตอย่างหน้ามึน ๆ ของ....
วันต่อมา
กอ.รมน. บอกว่า
"กองทัพขอประณามการกระทำของกลุ่มที่สร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นระหว่างทหารและประชาชนคนเสื้อแดง
ซึ่งปฏิบัติการที่วางแผนมาอย่างดี เสร็จภารกิจแล้วก็จะสลายไป ขอประณามว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ทำร้ายประเทศชาติ ทำให้ประเทศไทยสูญเสีย"
"ขอให้ผู้ชุมนุมผลักคนเหล่านี้ออกจากการชุมนุม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย
พ.อ.ร่มเกล้า และนายทหารหน่วยนี้เป็นผู้ที่อยู่ในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา
ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้มีกลุ่มคนโกรธแค้น และเสียผลประโยน์ต้องการแก้แค้น ซึ่งจากการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า มีคนชี้เป้าแน่นอน
เพราะมีการรายงานว่า คนร้ายมีการยิงเลเซอร์ชี้เป้ามาที่กลุ่มนายทหารระดับสูงอยู่ จากนั้นยิงเครื่องยิงเอ็ม 79 เข้าใส่
ทำให้นายทหารระดับสูงหลายนายบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการตั้งใจลอบสังหารนายทหารระดับสูงเหล่านี้"
"กองทัพคงจะตั้งกรรมการตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อแน่ว่าคนที่ชี้เป้าให้คนร้ายรู้ว่ากลุ่มนายทหารระดับสูงอยู่ตรงไหน
และชี้เป้าว่าใคร คือ พ.อ.ร่มเกล้า ต้องเป็นคนที่รู้จักบุคคลเหล่านี้อย่างดี ดังนั้น คงไม่สามารถชี้เป้าได้ถูกต้อง
ด้วยเหตุนี้เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นการวางแผนมาเป็นอย่างดีของฝ่ายตรงข้าม อาจจะเป็นฝีมือของทหารที่อยู่ในราชการ
หรือทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีคนร้ายยิงอาวุธสงครามลงมาจากบนตึก
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ข้อมูล กอ.รมน.เคยพูดไว้ตลอดว่ามีกลุ่มคนต้องการสร้างความรุนแรงก่อวินาศกรรม"
รมว.กลาโหม บอกว่า
"ยืนยันว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่ฝ่ายข่าวจะนำข่าวสารมาชี้แจงให้กับคณะกรรมการและผู้บังคับบัญชาทุกคนได้ร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร
เจ้าหน้าที่ที่ไปปะทะกับประชาชนจะมีเฉพาะโล่ กระบอง เครื่องป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บ ซึ่งดูแลความปลอดภัยของประชาชน
แต่อีกส่วนหนึ่งซึ่งไม่คาดคิด เป็นผู้ที่ใช้อาวุธสงครามกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ระเบิดแบบขว้างซึ่งโยนมากลางวงของทหาร
ทำให้บาดเจ็บจำนวน 30 คน จึงเป็นคนละขั้นตอนกัน ต้องแยกออกว่าจะไปรวมกับประชาชนไม่ได้ ทหารเราไม่ได้ไปทำร้ายประชาชน ไม่ได้คิดที่จะทำ"
"แต่สิ่งที่กำลังโดนในขณะนี้คือคนที่นอกคอกทั้งหลายแหล่ที่ทำให้ทหารและประชาชนไม่เข้าใจกัน
ต่อไปนี้รัฐบาลเองคงจะต้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหารว่าก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการรุนแรงกับบุคคลที่อยู่นอกกรอบกฎหมายพวกนี้อย่างเด็ดขาด
ซึ่งเรื่องต่างๆ จะต้องใช้การข่าวและการดำเนินการ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ ส่วนประชาชนเราไม่แตะ
คนที่มุ่งสันติ อหิงสา ในการเรียกร้องประชาธิปไตยก็ว่าไปดำเนินการไป
แต่อย่าไปปะปนกับสิ่งที่เขาดำเนินการทำให้ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากอย่างนี้ อีกทั้งประชาชนบางส่วนโดนลูกหลงเสียชีวิตไปด้วย"
ผบ.ทบ. บอกว่า
"เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณสี่แยกคอกวัวจนมีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
รวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล ร.2 รอ.ลูกน้องคนสนิทที่เสียชีวิตด้วย
โดยยืนยันการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้เป็นสิ่งที่ล้มเหลว แต่เป็นสิ่งที่สุดยอดเป็นสิ่งประเสริฐเพราะถ้ายิงต้องมีการสูญเสีย
กองทัพก็อยู่ไม่ได้ วันนี้ก็อยู่ไม่ได้ แม้จะสามารถใช้อาวุธหนักตอบโต้กลับได้ แต่ทหารไม่ทำประชาชน"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฐานะ ผอ.ศอฉ. บอกว่า
"ครั้งต่อไป ทหารจะต้องไม่ไปมือเปล่าแน่นอน"
http://www.prachatai.com/journal/2010/04/28909
ครับ
จะเห็นว่า ทั้ง ผอ.ศอฉ. รมว.กลาโหม ผบ.ทบ. พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทหารไม่มีอาวุธ ทหารไม่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
ทั้งที่คืนนั้น ทหารซัดไปซะหลายศพ และซัดอีกหลายสิบศพจนถึง 19 พ.ค. 2553
เกือบร้อยศพ ไม่มีชายชุดดำ ไม่มีผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธ
มีแต่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ อาสาพยาบาล มูลนิธิ นักข่าว
ถ้าสังเกต จะเห็นว่า ทั้ง ผอ.ศอฉ. รมว.กลาโหม ผบ.ทบ.
จะพูดเป็นเสียงเดียวกันในท่วงทำนองว่า กลุ่มพลเอกร่มเกล้า โดนโจมตีที่สี่แยกคอกวัว
อันเป็นสถานที่ที่ชายชุดดำปรากฎตัว (หลังเหตุการณ์)
ทั้งที่ความจริงแล้ว กลุ่มพลเอกร่มเกล้าโดนโจมตีที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอน คนละทีปเลย
และหลังจากนั้นวันสองวัน
วาทกรรมชายชุดดำ กองกำลังติดอาวุธ ผู้ก่อการร้ายก็อุบัติขึ้น
บอกตลอดว่าทหารไม่มีอาวุธในคืน 10 เมษายน
แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม มีการใส่ร้ายว่าคนเสื้อแดงแย่งอาวุธไปจากทหารมากมาย (อ้าว แย่งไได้ไง ทหารไม่มีอาวุธ)
บอกว่าอาวุธยังหายไปอีกเยอะ เสื้อแดงคืนไม่หมด
มีการยัดข้อหาผู้ก่อการร้ายให้ซาเล้ง นายมานพ ชาญช่างทอง ที่เป็นคนขนอาวุธขึ้นไปวางหน้าเวทีที่ผ่านฟ้า
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56VXlNREU0TWc9PQ==
ฯลฯ
พ.อ.พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ระบุว่า มีทหาร 2 นาย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
คือ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
เนื่องจากมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะและลำตัวลักษณะถูกยิงหลายนัด
ส่วนทหารอีก 1 นายที่เสียชีวิต คือ พลทหารสิงหา อ่อนทรง มีบาดแผลถูกยิงบริเวณอกซ้าย 1 นัด
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000050622
ภายหลังจากใช้เวลาชันสูตรศพกว่า 4 ชั่วโมง พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ
พร้อมคณะกรรมการร่วมกันแถลงข่าวผลการชันสูตรศพ
โดย พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์กล่าวว่า สำหรับผู้ตายทั้ง 11 ราย ที่ทำการชันสูตรศพนั้น มีจำนวน 1 ราย ที่เป็นผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น
ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องขออนุญาตญาติผู้ตาย รัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศก่อน
ทำให้ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ จึงเหลือผู้ตายทั้งหมด 10 ราย ที่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
1.นายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุหัวใจเข้าทางด้านหน้า บริเวณหน้าอกซ้ายทะลุเข้าด้านหลัง
2.นายสวาท วงงาม อายุ 43 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าจากศีรษะทะลุด้านหน้า
3.นายยุทธนา ทองเจริญพูนพร อายุ 23 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าจากบริเวณด้านหลังทะลุด้านหน้า
4.นายจรูญ ฉายแม้น อายุ 46 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอดและตับ กระสุนปืนเข้าบริเวณด้านหน้าขวาทะลุผ่านปอด ผ่านตับ เข้ากระดูกสันหลัง
5.นายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าศีรษะจากด้านหลังทะลุด้านหน้า
6.นายอำพน ตติยรัตน์ อายุ 36 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าศีรษะจากด้านหลังมาด้านหน้า
7.นายไพรศล ทิพย์ลม อายุ 37 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง กระสุนปืนเข้าบริเวณศีรษะด้านหน้ากลางหน้าผาก ออกที่ท้ายทอยด้านหลัง
8.นายธวัฒนะชัย กลัดสุข อายุ 36 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุปอดและเส้นเลือดใหญ่ เสียโลหิตปริมาณมาก กระสุนปืนเข้าจากด้านหน้าทะลุปอด ตับ เส้นเลือดแดงใหญ่ ออกด้านหลัง
9.ชายไทยไม่ทราบชื่อ เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุหลอดเลือดแดงใหญ่ ช่องอก และปอด เสียโลหิตปริมาณมาก กระสุนปืนเข้าบริเวณด้านหน้าผ่านช่องอก ผ่านปอด เส้นเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด
10.นายมนต์ชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี เสียชีวิตจากระบบการหายใจล้มเหลว
"ผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงส่วนใหญ่เป็นการยิงจากระยะไกล มีเพียงรายเดียวที่น่าจะเป็นระยะใกล้ ประมาณไม่เกิน 1 เมตร หรือระยะประชิด คือชายไทยไม่ทราบชื่อ"
http://www.thaipost.net/node/20762
คร่าว ๆ ครับ
ที่เหลือคิดต่อกันเอาเอง พิจารณากันเองเอง
.