ทุกข์นิยม

ใจเป็นทุกข์ก็ "รู้" ว่าใจเป็นทุกข์

   ไม่เห็นว่าจะต้องไป "ทุกข์ใจ" เลย

   ใจเป็นทุกข์ก็เพียงแค่ "รู้" ว่าใจ (ได้) เป็นทุกข์

   ไฉนจะต้องไปทุกข์ใจกันด้วยเล่า (ทุกข์ใจกันไปทำไม)

   เมื่อ "รู้" ว่าใจเป็นทุกข์ ตอนนี้ไม่ได้เป็นทุกข์ใจ
   (เป็นไม่ได้เพราะกำลังรู้อยู่)

   และเพียงแค่ "รู้" ว่าใจเป็นทุกข์

   ก็พ้นไปจากทุกข์ทางใจเรียบร้อยแล้ว


   ดังนั้นเวลา "ใจเป็นทุกข์" อย่าเผลอไปทำอย่างอื่นเสียล่ะ

   อย่ามัวแต่จะไปทำอะไรก็ไม่รู้

   เพราะมัวแต่จะไปทำนี่แหละจึงไม่ได้ "รู้"

   ถ้าไม่ต้องไปทำอะไรก็จะ "รู้" ได้ทันทีทันใดเลย

   และ "รู้" นี้ก็จะเป็นเพียงแค่รู้จริงๆ รู้เพื่อการรู้จริงๆ



อันที่จริงใจเป็น "ทุกข์" นั้นก็เป็นเรื่องของใจ  ไม่ใช่ "เรา"
ใจจะเป็นอะไรเป็นเรื่องของใจ ใจก็ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เราสักหน่อย
เมื่อ "ทุกข์" เกิดก็รู้ว่าทุกข์เกิด ไม่เห็นจะต้องไปเกิดทุกข์เลย
เมื่อ "ทุกข์" (ได้) เกิด ก็เพียงแค่รู้ว่าทุกข์ (ได้) เกิดขึ้นแล้วก็เพียงแค่นั้น
ก็รู้เพียงเท่านั้น ทำไมจะต้องไปเป็นทุกข์กันด้วยเล่า
(ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะไปเป็นทุกข์)

"ทุกข์" เขาย่อมเกิดอยู่แล้ว
เพราะเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่สาธารณะกับสรรพสิ่ง
แต่เรามีความจำเป็นด้วยหรือที่จะต้อง "เกิดทุกข์"
เมื่อเวลาทุกข์เกิด
"ทุกข์" เขามาบังคับให้เราเกิดทุกข์กระนั้นหรือ
เมื่อเวลาที่ทุกข์เขาได้เกิดขึ้นมา
เขาก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะบังคับให้เราไปเป็นทุกข์หรอกนะ
เขาก็เกิดของเขาอยู่อย่างนั้น เขาก็เป็นของเขาอยู่อย่างนั้น



    "ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่
    ทุกข์เท่านั้นดับไป นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรเกิด
    นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรดับ"


    นี้มักเป็นคำอุทานของพระอรหันต์ทั้งหลาย
    ทุกข์ทั้งนั้น ท่านมีแต่ทุกข์จริงๆ
    แต่ทุกข์ก็คือทุกข์นะ ไม่ใช่เรา
    ถึงแม้สภาพบัญญัติที่เรียกว่า "เรา" ก็เป็นทุกข์เหมือนกัน
    แม้กระนั้นก็ไม่มีคำว่า "เรา" ในการเป็นทุกข์

    "ทุกข์" เป็นไม่ได้หรอกนะท่าน...
    ไม่มีใครเป็นทุกข์ได้จริงๆหรอกนะ
    มีแต่เป็นแบบหลอกๆเท่านั้น
    เป็นกันได้เพียงหลอกๆเท่านั้น
    ที่เป็นๆกันอยู่น่ะ จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นจริงๆ
    เป็นจริงๆไม่ได้ ที่มักบ่นกันว่า
    "เป็นทุกข์เหลือเกิน ช่างเป็นทุกข์เสียจริงๆ" เป็นต้น
    ล้วนเป็นมายาทั้งนั้นแหละท่าน
    โดนหลอกทั้งนั้นแหละท่าน
    เป็นละครตบตาหรือละครน้ำเน่าเรื่องหนึ่งของอวิชชาเท่านั้น
    แต่คนส่วนใหญ่ก็ชมชอบกัน
    เสมือนการชอบดูละครน้ำเน่านั้นแล


"ทุกข์" จึงเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในโลก...
เป็นสินค้าเบอร์หนึ่งของโลก
ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดมาตลอดทุกยุคทุกสมัย
ไม่เคยปรากฎว่ามียุคใดสมัยใดที่ทุกข์จะไม่ได้รับความนิยม
เพราะลัทธิ "ทุกขนิยม" ยังมีอยู่ตลอด
ยังได้รับความนิยมมาตลอด


แม้ปัจจุบันนี้ก็เห็นๆกันอยู่
บางท่านการเป็นทุกข์ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว
เป็นเรื่องสามัญประจำชีวิต
เป็นทุกข์จนเป็นปกติวิสัยไปเสียแล้ว
และเขาจะมีความสามารถมากกับการที่จะทำให้ตัวเองทุกข์
ไม่ว่าจะเป็นการคิด ก็สามารถที่จะคิด - คิด - คิด
คิดจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ขึ้นมาได้
หรือการพูดและการกระทำก็เหมือนกัน
แถมบางท่านเป็นถึงขั้นช่ำชอง  เชี่ยวชาญ  และชำนาญ
กลายเป็นผู้เลิศทาง "ทุกข์นิยม"
เป็นดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้าน "ทุกขนิยม"
แต่ถ้ามีใครโผล่ขึ้นมาแล้วไม่เป็นทุกข์นี่สิ  ผิดปกติแน่ๆ
จะถูกมองว่าเป็นผู้ที่ไม่ปกติไป
แหม...เธอนี่ไม่เป็นทุกข์ไม่เป็นร้อนเลยหรือยังไงจ๊ะ
เธอไม่เป็นทุกข์เลยหรือ  สุนัขหรือแมวตัวโปรดได้ตายไปทั้งที
หรือสามีนอกใจไปตั้งหลายที
ฉันว่าเธอนี่ไม่ปกติแน่ๆ  ผิดปกติแน่ๆ
ปกติคนเรามันก็ต้องเป็นทุกข์สิ  เป็นต้น


     ก็ไม่เป็นไรนะท่านทั้งหลาย...
     ถ้าปกติมันผิด  ก็ยอมผิดปกติดีกว่า...
     ผิดปกติ  แต่มีความเป็นปกติ  (ปกติแบบอริยชน)
     "ความเป็นอยู่ของปุถุชนประดุจดังอาการของคนบ้า"
     นี้เป็นพุทธพจน์นะท่าน (ปุถุชฺชโน อุมฺมตฺตโก วิย)





ดอกไม้   จากหนังสือ เพียงแค่รู้ (ฉบับปรัปรุง)  ของ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่