ios กับ Android ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้หรอกครับเพราะแตกต่างมาตั้งแต่แรก
จะเริ่มจากการเล่าตั้งแต่คุณทวด Android นะครับ
androidเกิดจากการออกแบบระบบตอนเริ่มต้น ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ touch screen แต่ออกแบบมาเพื่อสู้กับ blackberry จนเมื่อ iPhone(ios) ออกมา เจ้า android เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปสู้กับ ios แทน โดยยังไม่ทิ้งรากฐานเดิม...
แอนดรอยกินทรัพยากรระบบมากกว่า
มีประสิทธิภาพต่ำกว่า(ถ้าเทียบในspecที่เท่ากันนะครับ) เนื่องมาจากแนวคิดในการออกแบบระบบปฎิบัติการครับ แอนดรอยโอเอสมีแนวคิดที่ว่าทำระบบออกมาโดยไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์ม จะเป็น ARM Architechture ก็ได้ X86 Architecture ก็ได้ คือทำออกมาเพื่อให้รองรับฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย มุ่งเป้าที่จะเป็นโอเอสมหาชน ที่โทรศัพท์ยี่ห้ออะไรรุ่นอะไรก็เอาไปใช้ได้ ดังนั้นหลักการของมันก็คือการที่ทำให้โปรแกรมประยุกต์ต่างๆ รันบน Virtual machine อีกทีหนึ่ง (เจ้าดาร์วิกที่หลายคนรู้จักนั่นไง) ซึ่งแนวคิดนี้ ตอบโจทย์เรื่องความเข้ากันได้ของระบบ คือจะเอาแอนดรอยไปลงเครื่องฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์มอะไรก็ได้จริง แต่การรันบน VM นั้นทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์เครื่องได้เต็มประสิทธิภาพเช่นกัน
ส่วนAppleนั้นคิดเองทำเองทั้งฮาร์ดแวร์ซอฟแวร์ เป็นระบบปิด โปรแกรมต่างๆ ถูกคอมไฟล์โค๊ดมาให้ทำงานบนฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์มของAppleเท่านั้น เรียกว่าเป็น Native App ไม่ต้องมีตัวกลาง ไม่ต้องรันผ่าน VM มันถึงมีความเข้ากันได้สูงกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำงานได้เร็วกว่าไงครับ
ในส่วนของการกินทรัพยากรระบบ แอนดรอยมีพื้นฐานมาจากลีนุ๊กซ์ เป็นมัลติทาร์กกิ้งโอเอสของแท้มาแต่แรก ทุกแอพที่เราเปิดใช้งาน ตราบใดที่ยังไม่ Close task มันจะยังทำงานอยู่ในระบบ ไม่ว่าจะอยู่หน้าฉากหลังฉากก็ตาม (บางตัวยังไม่ได้เรียกใช้ยังแอบทำงานเลยด้วยซ้ำ โดยการทำงานเงียบๆ อยู่เบื้องหลังรอไว้ก่อน เวลาเรียกใช้จะได้พร้อมขึ้นมาโชว์บนหน้าฉากทันที) แนวคิดนี้ทำให้มันต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมากในการรันโปรแกรมต่างๆ ที่มีอยู่ในเครื่อง รวมถึงมีการเรียกใช้ซีพียูเพื่อประมวลผลโปรแกรมต่างๆ เหล่านี้ด้วย (เหมือนพีซีเรานั่นแหละครับ เห็นเครื่องเราโล่งๆ ยังไม่ได้เปิดโปรแกรมอะไร ลองเปิด Task manager ดูสิครับ คุณจะเห็นว่ามีโปรเซส/เซอร์วิสจำนวนมากกำลังทำงานอยู่เงียบๆ โดยที่คุณไม่รู้นั่นแหละ)
ในขณะที่ IOS พัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นโอเอสสมาร์ทโฟนโดยตรง จึงมีการออกแบบที่เอื้อต่อการใช้งานในแบบสมาร์ทโฟนมากกว่า อย่างเช่น โปรเซสการเรนเดอร์หน้าจอ จะถือเป็นโปรเซสหลักที่มี Priority สูงสุด ต้องเกณฑ์ซีพียูไปทำก่อนเสมอ ทำให้การควบคุม การสัมผัสเป็นไปอย่างรวดเร็ว เรียบลื่น สั่งได้ดังใจ หรือการรันโปรแกรม โปรแกรมที่เป็นตัวหลัก ถ้าถูกเรียกขึ้นมา ตัวอื่นๆ ที่ทำงานก่อนหน้าจะถูกฟรีซเอาไว้ก่อน (คือหยุดทำงานชั่วคราว) เพื่อให้โปรแกรมที่ Active อยู่ทำงานก่อน (ยกเว้นแอพบางประเภท อย่างพวกแอพเล่นเพลง เป็นต้น) ทำให้มันกินทรัพยากร ทั้งซีพียูและหน่วยความจำน้อยกว่า ทำงานได้เร็วกว่าครับ
ทางออกของ android เรื่องความลื่นของระบบจึงออกมาในรูปของการอัดระบบ อัดซีพียู อัดแรมให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วน iPhone สามารถทำงานได้ดีแม้แรม 1 Gb เพราะมันไม่ต้องเหนื่อยกับภาระงานเบื้องหลังใน multitask ครับ นอกจากนี้ถ้าจะแก้ปัญหาความลื่นของการแสดงให้เท่ากับไอโฟน
โดยไม่ต้องเพิ่มความเร็วระบบ ก็ต้องรื้อฐานของ os ใหม่ จะทำให้แอพที่มีอยู่ในปัจจุบันจะรันไม่ได้นะครับ
IOS กับ android จึงแตกต่างทั้งการกำเนิด และปรัชญาการทำงาน
เหมือน+ -หน่วยที่แตกต่างกัน 1 US Dollar(สหรัฐ)มา - กับ 1 SGD-Singapore Dollar
หรือเป็น
1 Us dollar ที่ = 32บาท
แต่เอา 1 Us dollar ไปลบ กับ 1 บาทไทย = 0
จะมาเทียบโบ้ยๆแบบนี้มันก็ผิดหลักการนะครับ
จึงไม่ควรเอา Specของ Androidเทียบกับ spec ของios นะครับ
อย่างเช่น เอา Android Snapdragon 2.5Ghz Ram3Gb มาเทียบกับ ios A7(64bit) 1.3 Ghz Ram1Gb
มันเทียบกันไม่ได้นะครับ ก็แรง พอๆกัน ราบลื่น พอๆกันนะครับ
เรื่องที่ Androidยังได้เปรียบอยู่ก็เป็น Rom ที่ให้มากกว่าถ้าเทียบกับราคาเท่าๆกันนะครับ
ทั้งหมดทั้งมวลที่พยายามอธิบายมา อยากบอกเพียงว่าอย่ามองแค่ตัวเลข เป็นหลักในการตัดสินว่าอีกตัวดีกว่าอีกตัว
สุดท้ายแล้วจะใช้ระบบปฏิบัติการ Android ios ก็ขึ้นกับผู้ใช้นะครับ
ผมเป็นUserทั้งAndroidและiosครับ
นี่คือ oppo find7ครับ Snapdragon 2.5Ghz Ram3Gb Rom32Gb เพิ่งเปิดตัวไม่นาน ซื้อมา19K
อันนี้ iphone5s ชิปA7(64bit) 1.3Ghz Ram1Gb นี่ซื้อมาตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆ จะปีแล้วมั้งครับ ซื้อมา23k
นี่คือเกมส์ที่ iosเขาเล่นกันครับ
Andoridไม่มีแน่ๆไม่ต้องไปหาหรอกครับ
Oppo find7 ดีครับ แรงครับ แต่แบตสูบ เพราะหน้าจอ4Kมั้ง
Android ดีที่มีอิสระในการใช้อยากปรับแต่งอะไรก็ได้
Iosดีที่ระบบเสถียรไม่ค้างไม่หน่วงแม้จะลงแอพมากเพียงใดก็ตาม Applicationเยอะกว่ามีคุณภาพมากกว่า
ในPlay store แอพขยะเยอะครับ ที่เคยมีข่าวแอพธนาคารปลอมเป็นมัลแวร์ดักจับบัญชีผู้ใช้ไงครับ
Oppoให้romมา32gbผมบอกตรงๆ ใช้ไม่หมดหรอกลงแอพเยอะเครื่องจะข้าลงไปเรื่อยๆเพราะมีแอพเบื้องหลังแอบทำงาน
ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมัน ทำไมแบรนด์ Apple ถึงมีมูลค่ามากที่สุดในโลก
เพราะIphoneขายดี แล้วทำไมถึงขายดี ก็เพราะมันดีไงครับใครจะบ้าแห่ไปซื้อถ้ามันไม่ดี โดนสกดจิตรทั้งโลก ??
ในปีที่ผ่านมาแอปเปิ้ลสามารถขาย Iphone 5s ได้ถึง9ล้านเครื่องภายในสัปดาห์แรก(ซึ่งเป็นสถิติระดับโลก)
และเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในโลก 100ล้าน+เครื่องทั่วโลก ข้อมูลเมษายน 57
http://droidsans.com/what-is-the-best-selling-phone-in-the-world
iphone 6 6+ ยอดจองถล่มทลายหมดเกลี้ยงภายใน 30นาที !!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้APPLEเปิดให้ประเทศกลุ่มแรกได้จอง iphone 6 ประมาณช่วงบ่ายของเมื่อวาน ของเมืองไทย(12/ก.ย/57)ซึ่งหลังที่เริ่มเปิดจองภายในไม่กี่นาที สินค้าในหลายประเทศเริ่มหมดเกลี้ยง!! เพียงเวลา30-40นาที
สำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่เปิดให้จองรอบแรก 9 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร เรียกได้ว่า ได้รับความสนใจอย่างมาก จนเว็บ Apple ล่มนานหลายชั่วโมง
นอกจากนี้ ทางเครือข่าย AT&T และ T-Mobile ในสหรัฐฯ เผยว่า วันจัดส่ง iPhone 6 Plus จะต้องรอนานถึง 3 สัปดาห์ นั่นหมายความว่า ถึงจะสั่งซื้อไปแล้ว แต่กว่าจะได้สินค้า ก็ต้องรอวันที่ 7 ตุลาคม ส่วนรุ่นที่ขายดีสุด ก็เป็น iPhone 6 Plus ทั้ง 2 ความจุ 64 GB และ 128 GB
ตอนนี้หลายรุ่นถ้าหากต้องการจองก็จะต้องรอสินค้านานถึง 2-3 สัปดาห์
น่าสนใจว่าปีนี้แอปเปิ้ลจะทำลายสถิติเดิมด้วย iphone 6 iphone 6 plus !!
ขอบคุณเนื้อหาข่าว Techmoblog , Macthai
ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่Userเลือกใช้เองครับ อะไรดีผมก็บอกดี ไม่ดีผมจะแอ๊บไปมโนว่ามันดีทำไม เป็นคนบ้าแล้วแหละแบบนั้นอะ
ใครอยากเล่นไรก็เล่น มีเงินก็ซื้อ อยากเล่นทั้ง2ระบบปฏิบัติการก็ซื้อไป ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อยจริงไหม?
แต่คนที่ผมคิดว่าเป็นบ้า คือบางคนที่
ชอบจิกกัด ตัวเองไม่เคยใช้iosแท้ๆมาดิสเครดิตเขา โรคจิต!
ทุกๆอย่างมีเหตุมีผลของมันครับ ลองคิดแค่ว่าทำไม ทำไม ดูแล้วคุณจะได้คำตอบ
อะสุดท้าย ผมถอยแน่ๆหละ iphone 6plus และบางทีอาจจะถอย Nexus 6 Android L ซะด้วย
ความจริงของ ios ความจริงของ android ความจริงของ Apple
จะเริ่มจากการเล่าตั้งแต่คุณทวด Android นะครับ
androidเกิดจากการออกแบบระบบตอนเริ่มต้น ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ touch screen แต่ออกแบบมาเพื่อสู้กับ blackberry จนเมื่อ iPhone(ios) ออกมา เจ้า android เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปสู้กับ ios แทน โดยยังไม่ทิ้งรากฐานเดิม...
แอนดรอยกินทรัพยากรระบบมากกว่า มีประสิทธิภาพต่ำกว่า(ถ้าเทียบในspecที่เท่ากันนะครับ) เนื่องมาจากแนวคิดในการออกแบบระบบปฎิบัติการครับ แอนดรอยโอเอสมีแนวคิดที่ว่าทำระบบออกมาโดยไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์ม จะเป็น ARM Architechture ก็ได้ X86 Architecture ก็ได้ คือทำออกมาเพื่อให้รองรับฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย มุ่งเป้าที่จะเป็นโอเอสมหาชน ที่โทรศัพท์ยี่ห้ออะไรรุ่นอะไรก็เอาไปใช้ได้ ดังนั้นหลักการของมันก็คือการที่ทำให้โปรแกรมประยุกต์ต่างๆ รันบน Virtual machine อีกทีหนึ่ง (เจ้าดาร์วิกที่หลายคนรู้จักนั่นไง) ซึ่งแนวคิดนี้ ตอบโจทย์เรื่องความเข้ากันได้ของระบบ คือจะเอาแอนดรอยไปลงเครื่องฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์มอะไรก็ได้จริง แต่การรันบน VM นั้นทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์เครื่องได้เต็มประสิทธิภาพเช่นกัน
ส่วนAppleนั้นคิดเองทำเองทั้งฮาร์ดแวร์ซอฟแวร์ เป็นระบบปิด โปรแกรมต่างๆ ถูกคอมไฟล์โค๊ดมาให้ทำงานบนฮาร์ดแวร์แพลทฟอร์มของAppleเท่านั้น เรียกว่าเป็น Native App ไม่ต้องมีตัวกลาง ไม่ต้องรันผ่าน VM มันถึงมีความเข้ากันได้สูงกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำงานได้เร็วกว่าไงครับ
ในส่วนของการกินทรัพยากรระบบ แอนดรอยมีพื้นฐานมาจากลีนุ๊กซ์ เป็นมัลติทาร์กกิ้งโอเอสของแท้มาแต่แรก ทุกแอพที่เราเปิดใช้งาน ตราบใดที่ยังไม่ Close task มันจะยังทำงานอยู่ในระบบ ไม่ว่าจะอยู่หน้าฉากหลังฉากก็ตาม (บางตัวยังไม่ได้เรียกใช้ยังแอบทำงานเลยด้วยซ้ำ โดยการทำงานเงียบๆ อยู่เบื้องหลังรอไว้ก่อน เวลาเรียกใช้จะได้พร้อมขึ้นมาโชว์บนหน้าฉากทันที) แนวคิดนี้ทำให้มันต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมากในการรันโปรแกรมต่างๆ ที่มีอยู่ในเครื่อง รวมถึงมีการเรียกใช้ซีพียูเพื่อประมวลผลโปรแกรมต่างๆ เหล่านี้ด้วย (เหมือนพีซีเรานั่นแหละครับ เห็นเครื่องเราโล่งๆ ยังไม่ได้เปิดโปรแกรมอะไร ลองเปิด Task manager ดูสิครับ คุณจะเห็นว่ามีโปรเซส/เซอร์วิสจำนวนมากกำลังทำงานอยู่เงียบๆ โดยที่คุณไม่รู้นั่นแหละ)
ในขณะที่ IOS พัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นโอเอสสมาร์ทโฟนโดยตรง จึงมีการออกแบบที่เอื้อต่อการใช้งานในแบบสมาร์ทโฟนมากกว่า อย่างเช่น โปรเซสการเรนเดอร์หน้าจอ จะถือเป็นโปรเซสหลักที่มี Priority สูงสุด ต้องเกณฑ์ซีพียูไปทำก่อนเสมอ ทำให้การควบคุม การสัมผัสเป็นไปอย่างรวดเร็ว เรียบลื่น สั่งได้ดังใจ หรือการรันโปรแกรม โปรแกรมที่เป็นตัวหลัก ถ้าถูกเรียกขึ้นมา ตัวอื่นๆ ที่ทำงานก่อนหน้าจะถูกฟรีซเอาไว้ก่อน (คือหยุดทำงานชั่วคราว) เพื่อให้โปรแกรมที่ Active อยู่ทำงานก่อน (ยกเว้นแอพบางประเภท อย่างพวกแอพเล่นเพลง เป็นต้น) ทำให้มันกินทรัพยากร ทั้งซีพียูและหน่วยความจำน้อยกว่า ทำงานได้เร็วกว่าครับ
ทางออกของ android เรื่องความลื่นของระบบจึงออกมาในรูปของการอัดระบบ อัดซีพียู อัดแรมให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วน iPhone สามารถทำงานได้ดีแม้แรม 1 Gb เพราะมันไม่ต้องเหนื่อยกับภาระงานเบื้องหลังใน multitask ครับ นอกจากนี้ถ้าจะแก้ปัญหาความลื่นของการแสดงให้เท่ากับไอโฟนโดยไม่ต้องเพิ่มความเร็วระบบ ก็ต้องรื้อฐานของ os ใหม่ จะทำให้แอพที่มีอยู่ในปัจจุบันจะรันไม่ได้นะครับ
IOS กับ android จึงแตกต่างทั้งการกำเนิด และปรัชญาการทำงาน
เหมือน+ -หน่วยที่แตกต่างกัน 1 US Dollar(สหรัฐ)มา - กับ 1 SGD-Singapore Dollar
หรือเป็น
1 Us dollar ที่ = 32บาท
แต่เอา 1 Us dollar ไปลบ กับ 1 บาทไทย = 0
จะมาเทียบโบ้ยๆแบบนี้มันก็ผิดหลักการนะครับ
จึงไม่ควรเอา Specของ Androidเทียบกับ spec ของios นะครับ
อย่างเช่น เอา Android Snapdragon 2.5Ghz Ram3Gb มาเทียบกับ ios A7(64bit) 1.3 Ghz Ram1Gb
มันเทียบกันไม่ได้นะครับ ก็แรง พอๆกัน ราบลื่น พอๆกันนะครับ
เรื่องที่ Androidยังได้เปรียบอยู่ก็เป็น Rom ที่ให้มากกว่าถ้าเทียบกับราคาเท่าๆกันนะครับ
ทั้งหมดทั้งมวลที่พยายามอธิบายมา อยากบอกเพียงว่าอย่ามองแค่ตัวเลข เป็นหลักในการตัดสินว่าอีกตัวดีกว่าอีกตัว
สุดท้ายแล้วจะใช้ระบบปฏิบัติการ Android ios ก็ขึ้นกับผู้ใช้นะครับ
ผมเป็นUserทั้งAndroidและiosครับ
นี่คือ oppo find7ครับ Snapdragon 2.5Ghz Ram3Gb Rom32Gb เพิ่งเปิดตัวไม่นาน ซื้อมา19K
อันนี้ iphone5s ชิปA7(64bit) 1.3Ghz Ram1Gb นี่ซื้อมาตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆ จะปีแล้วมั้งครับ ซื้อมา23k
นี่คือเกมส์ที่ iosเขาเล่นกันครับ
Andoridไม่มีแน่ๆไม่ต้องไปหาหรอกครับ
Oppo find7 ดีครับ แรงครับ แต่แบตสูบ เพราะหน้าจอ4Kมั้ง
Android ดีที่มีอิสระในการใช้อยากปรับแต่งอะไรก็ได้
Iosดีที่ระบบเสถียรไม่ค้างไม่หน่วงแม้จะลงแอพมากเพียงใดก็ตาม Applicationเยอะกว่ามีคุณภาพมากกว่า
ในPlay store แอพขยะเยอะครับ ที่เคยมีข่าวแอพธนาคารปลอมเป็นมัลแวร์ดักจับบัญชีผู้ใช้ไงครับ
Oppoให้romมา32gbผมบอกตรงๆ ใช้ไม่หมดหรอกลงแอพเยอะเครื่องจะข้าลงไปเรื่อยๆเพราะมีแอพเบื้องหลังแอบทำงาน
ในปีที่ผ่านมาแอปเปิ้ลสามารถขาย Iphone 5s ได้ถึง9ล้านเครื่องภายในสัปดาห์แรก(ซึ่งเป็นสถิติระดับโลก)
และเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในโลก 100ล้าน+เครื่องทั่วโลก ข้อมูลเมษายน 57
http://droidsans.com/what-is-the-best-selling-phone-in-the-world
iphone 6 6+ ยอดจองถล่มทลายหมดเกลี้ยงภายใน 30นาที !!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่Userเลือกใช้เองครับ อะไรดีผมก็บอกดี ไม่ดีผมจะแอ๊บไปมโนว่ามันดีทำไม เป็นคนบ้าแล้วแหละแบบนั้นอะ
ใครอยากเล่นไรก็เล่น มีเงินก็ซื้อ อยากเล่นทั้ง2ระบบปฏิบัติการก็ซื้อไป ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อยจริงไหม?
แต่คนที่ผมคิดว่าเป็นบ้า คือบางคนที่ชอบจิกกัด ตัวเองไม่เคยใช้iosแท้ๆมาดิสเครดิตเขา โรคจิต!