สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องเครียดๆอยากจะขอมาระบายในห้องนี้บ้างนะคะ เพราะเห็นเพื่อนๆในห้องสวนลุมเป็นกำลังใจให้กันเสมอ เราอยากได้กำลังใจมากๆค่ะ ตอนนี้เราท้อมาก
ก่อนอื่นเราต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่าแม่เราเคยผ่าตัดมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 เมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นท่านอายุ 50 ปี ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ สมเด็จพระเทพฯ จ.นครนายก แม่เราตรวจพบเพราะท่านจะตรวจร่างกายประจำปีอยู่ทุกๆปีค่ะ ขนาดตรวจประจำยังเจอระยะ 2 ทำไมไม่เจอระยะ 0 นะ ครั้งนั้นแม่เราร้องไห้ทุกคืนก่อนผ่าตัด ท่านเขียนจดหมายลาตายวันละหลายฉบับนะคะ ห่วงลูก ห่วงหลานยังไม่อยากตาย จากคนร่าเริงกลายเป็นคนขี้งอน นิดหน่อยก็ไม่ได้เลยค่ะ กระทบกระเทือนจิตใจท่านไปหมด แม่โชคดีมากๆนะคะ พ่อเราดูแลแม่ตลอด คอยทำให้แม่หัวเราะ ไม่เครียด พ่อไม่เคยทิ้งแม่ไปไหน บางครั้งเรายังคิดว่าลูกอย่างเราที่ต้องทำงานประจำยังมีเวลาให้ท่านน้อยไปด้วยซ้ำ หลังจากที่ท่านได้ทำผ่าตัด จนทำคีโมเรียบร้อยแล้วนั้น ในเวลา 1 ปี แม่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใช้ชีวิตอย่างคนปกติ แต่ยังต้องไปตรวจทุก 6 เดือน ท่านก็จะระวังเรื่องการกินมากๆ ชอบทำบุญ ถือศีล ชอบช่วยเหลือผู้อื่นประกอบกับท่านเป็น อสม. ประจำหมู่บ้าน (เราอยู่บ้านนอกนะคะ) แม่เราเลยได้รับคัดเลือกให้ไปประกวด อสม.ระดับตำบล โดยการขึ้นไปเล่าชีวิตตัวเองบนเวที จนท่านได้ที่ 1 แล้วก็ยังไปประกวดระดับจังหวัดได้ที่ 2 มาค่ะ ชีวิตท่านจึงมีความสุขอยู่กับการได้พูดคุยกับคนนั้นคนนี้ ใครป่วยท่านก็ไปปลอบ บอกให้สู้ๆเหมือนท่าน เราเห็นท่านยิ้มก็มีความสุขแล้วค่ะ เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่แม่ยิ้มตลอด ไม่เคยเจ็บป่วยทั้งกายและใจเลย
แต่แล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็ถึงเวลานัดตรวจ 6 เดือน เรื่องที่ไม่อยากให้มันเกิดก็เกิดอีกครั้ง หมอแมมโมแกรมพบหินปูนในเต้านมของแม่ ซึ่งหมอบอกว่าไม่สามารถเจาะเอาเชื้อมาตรวจได้ เนื่องจากหินปูนกระจายอยู่ จึงต้องขอทำการผ่าตัดคว้านชิ้นเนื้อในเต้านมอีกข้างที่เหลืออยู่ของแม่ไปตรวจหาเชื้อมะเร็ง หากไม่พบเชื้อมะเร็งก็ไม่ต้องรักษา แต่หากหินปูนที่ว่าเป็นสาเหตุของมะเร็ง ก็ต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดและคีโมอีกครั้ง
นี่แหละคือประเด็นสำคัญ ที่ทำให้แม่เราท้อ เครียด หมดหวัง หมอนัดผ่าตัดวันที่ 29 ก.ย. แต่จิตใจของแม่ตอนนี้ละ แม่กลับไปเป็นคนเดิมที่เคยป่วย ท่านเศร้า ร้องไห้ ท่านบอกว่าท่านกลัว ท่านไม่อยากจะสู้กับมันอีกแล้ว ตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้ว ทุกคนในบ้านก็ได้แต่ปลอบท่านว่าไม่ใช่หรอก แค่หินปูนธรรมดา ท่านก็พูดแต่ว่าแล้วถ้ามันไม่ใช่ละ แม่จะไม่ขอรักษาแล้วนะ จะขอตายไปเลยดีกว่า ไม่อยากคีโมแล้ว เคยสู้มาแล้วครั้งหนึ่ง นี่ยังไม่จบอีกหรือ ยังต้องสู้ไปอีกเท่าไหร่ ต้องตายใช่มั้ยถึงจะจบ ท่านพูดแบบนี้ทุกวันนะ เราบอกตรงๆทุกวันนี้เรามาทำงาน เราทำงานไม่รู้เรื่องนึกถึงแต่คำพูดของแม่ แล้วเมื่อวานตอนเย็นท่านพูดกับเราว่า "แม่ขอบุญที่หนูทำไว้ได้มั้ย บุญของลูก ให้ลูกใช้ภาวนาให้หินปูนนี้ไม่เป็นเนื้อร้าย" เราเลยตอบว่าไม่เป็นหรอกแม่ บุญหนูมีเยอะ แล้วเราก็น้ำตาไหลพรากเลยเดินหนีเข้าบ้านมาเลย กลัวแม่จะเห็นน้ำตาเรา แม่จ๋า หนูไม่ได้ภาวนาแค่นั้นหรอก หนูภาวนามากกว่านั้น หนูอยากให้แม่อยู่กับหนู อยู่กับพวกเราไปนานๆโดยที่แม่ไม่ต้องเจ็บป่วย ทุกข์ใจ แบบนี้ หนูจะทำยังไง บางครั้งหนูก็อยากให้มันถึงวันผ่าตัดเร็วๆ หนูอยากได้คำตอบว่ามันเป็นแค่หินปูนธรรมดา และมันต้องเป็นอย่างที่หนูภาวนาแม่คอยดู
เล่าซะยาว เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี้แหละค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณห้องสวนลุม ที่สร้างขึ้นให้เรามีเพื่อนดีๆเป็นกำลังใจให้กันเสมอมา
แม่ขอให้เราภาวนาให้หินปูนในเต้านมแม่ไม่เป็นเนื้อร้าย แม่จะรู้มั้ยหนูขอมากกว่านั้น
ก่อนอื่นเราต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่าแม่เราเคยผ่าตัดมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 เมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นท่านอายุ 50 ปี ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ สมเด็จพระเทพฯ จ.นครนายก แม่เราตรวจพบเพราะท่านจะตรวจร่างกายประจำปีอยู่ทุกๆปีค่ะ ขนาดตรวจประจำยังเจอระยะ 2 ทำไมไม่เจอระยะ 0 นะ ครั้งนั้นแม่เราร้องไห้ทุกคืนก่อนผ่าตัด ท่านเขียนจดหมายลาตายวันละหลายฉบับนะคะ ห่วงลูก ห่วงหลานยังไม่อยากตาย จากคนร่าเริงกลายเป็นคนขี้งอน นิดหน่อยก็ไม่ได้เลยค่ะ กระทบกระเทือนจิตใจท่านไปหมด แม่โชคดีมากๆนะคะ พ่อเราดูแลแม่ตลอด คอยทำให้แม่หัวเราะ ไม่เครียด พ่อไม่เคยทิ้งแม่ไปไหน บางครั้งเรายังคิดว่าลูกอย่างเราที่ต้องทำงานประจำยังมีเวลาให้ท่านน้อยไปด้วยซ้ำ หลังจากที่ท่านได้ทำผ่าตัด จนทำคีโมเรียบร้อยแล้วนั้น ในเวลา 1 ปี แม่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใช้ชีวิตอย่างคนปกติ แต่ยังต้องไปตรวจทุก 6 เดือน ท่านก็จะระวังเรื่องการกินมากๆ ชอบทำบุญ ถือศีล ชอบช่วยเหลือผู้อื่นประกอบกับท่านเป็น อสม. ประจำหมู่บ้าน (เราอยู่บ้านนอกนะคะ) แม่เราเลยได้รับคัดเลือกให้ไปประกวด อสม.ระดับตำบล โดยการขึ้นไปเล่าชีวิตตัวเองบนเวที จนท่านได้ที่ 1 แล้วก็ยังไปประกวดระดับจังหวัดได้ที่ 2 มาค่ะ ชีวิตท่านจึงมีความสุขอยู่กับการได้พูดคุยกับคนนั้นคนนี้ ใครป่วยท่านก็ไปปลอบ บอกให้สู้ๆเหมือนท่าน เราเห็นท่านยิ้มก็มีความสุขแล้วค่ะ เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่แม่ยิ้มตลอด ไม่เคยเจ็บป่วยทั้งกายและใจเลย
แต่แล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็ถึงเวลานัดตรวจ 6 เดือน เรื่องที่ไม่อยากให้มันเกิดก็เกิดอีกครั้ง หมอแมมโมแกรมพบหินปูนในเต้านมของแม่ ซึ่งหมอบอกว่าไม่สามารถเจาะเอาเชื้อมาตรวจได้ เนื่องจากหินปูนกระจายอยู่ จึงต้องขอทำการผ่าตัดคว้านชิ้นเนื้อในเต้านมอีกข้างที่เหลืออยู่ของแม่ไปตรวจหาเชื้อมะเร็ง หากไม่พบเชื้อมะเร็งก็ไม่ต้องรักษา แต่หากหินปูนที่ว่าเป็นสาเหตุของมะเร็ง ก็ต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดและคีโมอีกครั้ง
นี่แหละคือประเด็นสำคัญ ที่ทำให้แม่เราท้อ เครียด หมดหวัง หมอนัดผ่าตัดวันที่ 29 ก.ย. แต่จิตใจของแม่ตอนนี้ละ แม่กลับไปเป็นคนเดิมที่เคยป่วย ท่านเศร้า ร้องไห้ ท่านบอกว่าท่านกลัว ท่านไม่อยากจะสู้กับมันอีกแล้ว ตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้ว ทุกคนในบ้านก็ได้แต่ปลอบท่านว่าไม่ใช่หรอก แค่หินปูนธรรมดา ท่านก็พูดแต่ว่าแล้วถ้ามันไม่ใช่ละ แม่จะไม่ขอรักษาแล้วนะ จะขอตายไปเลยดีกว่า ไม่อยากคีโมแล้ว เคยสู้มาแล้วครั้งหนึ่ง นี่ยังไม่จบอีกหรือ ยังต้องสู้ไปอีกเท่าไหร่ ต้องตายใช่มั้ยถึงจะจบ ท่านพูดแบบนี้ทุกวันนะ เราบอกตรงๆทุกวันนี้เรามาทำงาน เราทำงานไม่รู้เรื่องนึกถึงแต่คำพูดของแม่ แล้วเมื่อวานตอนเย็นท่านพูดกับเราว่า "แม่ขอบุญที่หนูทำไว้ได้มั้ย บุญของลูก ให้ลูกใช้ภาวนาให้หินปูนนี้ไม่เป็นเนื้อร้าย" เราเลยตอบว่าไม่เป็นหรอกแม่ บุญหนูมีเยอะ แล้วเราก็น้ำตาไหลพรากเลยเดินหนีเข้าบ้านมาเลย กลัวแม่จะเห็นน้ำตาเรา แม่จ๋า หนูไม่ได้ภาวนาแค่นั้นหรอก หนูภาวนามากกว่านั้น หนูอยากให้แม่อยู่กับหนู อยู่กับพวกเราไปนานๆโดยที่แม่ไม่ต้องเจ็บป่วย ทุกข์ใจ แบบนี้ หนูจะทำยังไง บางครั้งหนูก็อยากให้มันถึงวันผ่าตัดเร็วๆ หนูอยากได้คำตอบว่ามันเป็นแค่หินปูนธรรมดา และมันต้องเป็นอย่างที่หนูภาวนาแม่คอยดู
เล่าซะยาว เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี้แหละค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณห้องสวนลุม ที่สร้างขึ้นให้เรามีเพื่อนดีๆเป็นกำลังใจให้กันเสมอมา