Russian snipers killing german soldiers
http://ppantip.com/topic/32475255 สวยสังหาร ทหารหญิงรัสเซีย (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/32483380 สวยสังหาร ทหารหญิงรัสเซีย (ตอนที่ 2)
Nina Pavlovna Petrova ทหารหญิงซุ่มยิงที่กล้าหาญ
เธออยู่ในแนวหน้าป้องกันแผ่นดินปิติภูมิในวัย 48 ปี
ตามรายงานหนังสือพิมพ์กองทัพบก Army newspaper ปี 1944 ระบุว่า
“ เพราะเกลียดชังศัตรูอย่างมาก
ทำให้ฉันหญิงชราวัย 50 ปี ร่วมรบในแนวหน้า
ฉันยิงนาซีเยอรมันนีไป 32 ศพ และกับสหาย Konstantinova
ได้ร่วมกันฝึกอบรมทหารหญิงซุ่มยิง 774 คน
นักเรียนหญิงของเรายิงนาซีเยอรมันนี
ได้มากกว่า 2,000 ศพ (เฉลี่ยคนละ 3 ศพ) "
The sergeant Nina Pavlovna Petrova a sniper 1 st Battalion
284 th Infantry Regiment 86 th Infantry Division of Tartu
ในช่วงสุดท้ายของสงครามครั้งประวัติศาสตร์
เธอได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดเหรียญตราชั้นที่ 3
เหรียญ
Order of Glory ชั้นที่ 3 เป็นชั้นสูงสุด
ที่รัฐบาลโซเวียตรัสเซียมอบให้กับผู้ทำประโยชน์กับชาติ
นายพล Ivan Fedyuninsky ให้สัมภาษณ์ว่า
“ ผมรู้จักเธอเป็นอย่างดี
วันหนึ่งหลังการรบที่ Elbing (ตอนนี้อยู่ในโปแลนด์)
ขณะที่ผมกำลังจะลงนามเสนอรายชื่อทหาร
ที่สมควรได้รับเหรียญตราจากรัฐบาล
ขณะที่กำลังอ่านเพื่อตรวจสอบรายชื่อ
มีรายชื่อของ นายสิบทหารซุ่มยิง Petrova
ได้เสนอรับเหรียญชั้นที่ 1 Order of Glory I
ระบุว่าอายุของเธอ 52 ปี
ผมแทบไม่เชื่อกับสายตาตนเองว่า
อายุของเธอมากกว่า 50 ปีเลยหรือ
ผมถามย้ำไปกับหัวหน้านายทหารสารบรรณ
ทหารพิมพ์อายุผิดหรือไม่
ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีอะไรผิดพลาดครับ "
Nina Pavlovna Petrova เกิดวันที่ 27 มิถุนายน 1893
ใน Oranienbaum (ตอนนี้เป็น Lomonosov Leningrad Oblast)
ต่อมาครอบครัวเธออพยพไปอยู่ที่ St. Petersburg
แต่โชคดีไม่เคยอยู่กับใครได้ยาวนาน
เพราะพ่อเธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา
แม่ของเธอต้องเลี้ยงดูลูกวัยเยาว์ถึง 5 คน
นี่คือ เหตุผลอย่างหนึ่งที่หลังจากที่เธอจบการศึกษา
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายช่วงชั้นปีที่ 5
มารดาเธอแนะนำให้ไปเรียนต่อ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาด้านพาณิชย์ศาสตร์
3 ปีต่อมาเธอได้งานทำบัญชี
ที่ร้านของญาติเธอที่ Vladivostok
โดยทำงานในตอนเช้า
แล้ว
ตอนเย็นไปเรียนต่อที่วิทยาลัยธุรกิจ
ความยากลำบากอย่างหนึ่งคือ
โรคคิดถึงบ้านของเธอ
แต่ระยะทางเดินทางไปกลับที่ไกลมาก
เธอจึงย้ายไปทำงานที่อู่เรือ
ที่หมู่บ้าน otchemu home ใน Revel (ตอนนี้ - Tallinn)
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง/การปฏิวัติ
ทำให้ข้าวยากหมากแพง
ตามมาด้วยความสับสนวุ่นวาย
พร้อม ๆ กับลูกสาวของเธอ
ทำให้ Petrova ย้ายไปที่ Lodeynoeye
ในที่นี้เธอเป็นอาสาสมัครที่กระตือรือร้นมาก
ในการทำงานอุทิศให้กับมวลชน
ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพแดง(รัสเซีย)
(พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตรัสเซีย)
ในปี 1927 เธอย้ายกลับไปที่ North Palmyra
โดยพำนักในห้องเล็ก ๆ ที่ Fontanka
ก่อนจะได้ย้ายไปอยู่ห้องที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ไม่มีใครทราบเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวเธอนัก
แต่กิจกรรมกีฬาต่าง ๆ ของเธอเป็นที่รู้จักมากกว่า เช่น
มวยปล้ำ ขี่ม้าแข่ง จักรยาน พายเรือ ว่ายน้ำ บาสเก็ตบอล สกี ฮ้อคกี้ แข่งขันสเก็ต
แต่เรื่องการยิงปืนไม่มีบันทึกไว้ในช่วงนี้
เพราะคงเป็นไปไม่ได้กับการเล่นกีฬาหลากหลายขนาดนี้
ความสำเร็จได้มาถึงอย่างรวดเร็ว
มีการแข่งขันกีฬาของ
สหภาพแรงงานทั้งประเทศ
ในกีฬาโอลิมปิคช่วงฤดูร้อน
ทีมของเธอชนะเลิศรางวัลรวมทั้งหมด
และได้รับรางวัลปืนยาวไรเฟิลหนึ่งกระบอก
ในปี 1934-1935 Petrova ได้เป็นกัปตันทีมฮอคกี้
Leningrad Military District
ทีมนี้เล่นได้ดีมากและได้รางวัลชนะเลิศ
โดยเฉพาะในปี 1936 เธอได้อยู่ในสังกัดของ
จอมพล Kliment Voroshilov
และ 3 ปีต่อมา (1939) ทีมของเธอชนะรางวัล
All-Union Cross ในตอนที่เธอวัย 46 ปี
แต่เธอยังต้องเรียนรู้อีกมากเกี่ยวกับการยิงปืน
เธอได้รับเข้าเรียนในโรงเรียนทหารซุ่มยิง
(น่าจะมาจากผลงานกีฬาในอดีตของเธอ
เพราะตอนสมัครเข้าเรียนอายุมากที่สุดในรุ่น)
ต่อมาได้เป็นครูฝึกสอนทหารหญิงซุ่มยิง
ในการเรียนเป็นทหารซุ่มยิงเธออยู่ในระดับแนวหน้า
แต่ต้องใช้เวลาอีกนานมากเธอจึงจะได้เข้าร่วมรบในแนวหน้า
ในปี 1943 เธอได้รายงานถึงค่าใช้จ่ายของกองทัพ
ในการฝึกอบรมทหารหญิงซุ่มยิง แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
เพราะตอนนั้นมีนโยบายระดับสูง ไม่มีลายลักษณ์อักษร
ห้ามทหารหญิงไปอยู่ในแนวหน้าร่วมรบ
ให้อยู่แนวหลังช่วยสนับสนุนการรบเพียงอย่างเดียว
(เรียกว่าลงทุนไปมาก ต้นทุนสูง ผลผลิตต่ำ
หรือไม่มี
การใช้งานแต่อย่างใด
แต่ถ้าไปใช้งานแล้วจะประโยชน์สูง ประหยัดสุด)
Kliment Voroshilov Chairman of the Presidium of the Supreme Soviet of the Soviet Union
ที่มา
http://goo.gl/FaVNnb
ในวันที่ 16 มกราคม 1944 เพียงวันเดียว
เธอยิงนายร้อยและพลทหารนาซีเยอรมันนีถึง 11 ศพ
เธอได้รับยศเป็นนายสิบที่มักจะประจำอยู่แนวหน้า Leningrad
ในการสอนนักเรียนซุ่มยิงของเธอ
นักเรียนต่างรักใคร่เธอ
และเรียกเธอว่า Mama Nina
ในการพบกับนายพล Fedyuninsky
มีรายงานเป็นทางการว่า Pavlovna
เพิ่งยิงทหารนาซีเยอรมันนีไป 107 ศพ
รายงานสิ้นสุด ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 1945
เธอ
ยิงทหารนาซีเยอรมันนี 122 ศพ
และอีก 3 รายถูกจับกุม
เป็นเชลย
ในปี 1945 Petrova ต้องประสบความยากลำบาก
และความเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ในการรบครั้งสุดท้ายของ Petrova
ที่มีหลักฐานยืนยันจากจดหมายของเธอถึงลูกสาวฉบับหนึ่งว่า
“ ลูกรัก ลูกสาวที่รักของฉัน
ฉันเบื่อเหลือทนกับการรบ
เพราะสี่ปีที่อยู่ในแนวหน้า
อยากจะให้สงครามห่านี้จบลงเร็ว ๆ
จะได้รีบกลับบ้านหาลูก
จะได้กอดหลานรักลูกเธอให้ชื่นใจ
หวังว่าแม่ยังจะมีชีวิตอยู่
และเห็นวันฝันชื่นสุขร่วมกัน
รถบรรทุก ZIS-5
ในไม่ช้านี้ แม่จะได้รับรางวัล
เหรียญตราชั้นที่หนึ่ง Order of Glory
ย่าจะได้เป็นอัศวินในตอนจบ
จะได้บอกเล่าเรื่องราวสืบทอดกันต่อไป “
ในคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 1945
ได้รับคำสั่งจากกองทัพให้เธอกลับบ้านได้
หลังจากกองทัพโซเวียตมีชัยเหนือเมือง Szczecin
ในตอนกลางคืนคนขับรถบรรทุก ZIS-5
ไม่ทันสังเกตเห็นป้ายบอกทางเบี่ยง
จึงขับรถยนต์ตรงไปทำให้ตกหน้าผา
รถบรรทุกกลิ้งตกลงไปอย่างแรง
ทำให้ทหารในรถบรรทุกบาดเจ็บไปหลายนาย
แต่โชคร้าย Petrova บาดเจ็บสาหัสและตายในวันนั้น
เหลืออีกเพียง 7 วันก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติ
ปืน Sniper รัสเซีย
Mosin-Nagant
Tokarev SVT-40
SVD (1958)
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/cX77Li
http://goo.gl/5wlTJK
http://goo.gl/GEpj8n
http://goo.gl/xzKdPu
ภาพเพิ่มเติม
ทหารหญิงซุ่มยิง กองพลที่ 3 Shock Army กองพันแนวหน้าที่ 1 Belorussian Front
G = Guard Sgt = Sergeant Lt = Lieutenant
แถวแรก G. Staff Sgt VN Stepanov: 20 ศพ G. Sgt JP Belousov: 80 ศพ G. Sgt AE Vinogradov: 83 ศพ
แถวสอง G. Lt EK Zhibovskaya: 24 ศพ G. Sgt KF Marinkin: 79 ศพ G. Sgt OS Marenkina: 70 ศพ
แถวสาม G. Lt NP Belobrova: 70 ศพ Lt N. Lobkovsky: 89 ศพ G. Lt VI Artamonov: 89 ศพ G. Sgt MG Zubchenko: 83 ศพ
แถวสี่ G. Sgt NP Obukhov: 64 ศพ G. Sgt AR Belyakov 24 ศพ
ยอดรวมที่ยืนยันเป็นทางการ 775 ศพ ถ่ายภาพร่วมในเยอรมันนี 4 พฤษภาคม 1945
ที่มา
http://goo.gl/jHPfqb
สงครามกับนาซีเยอรมันนีที่ยืดเยื้อ ทำให้ขาดแคลนกำลังพลและกำลังสนับสนุนด้านเสบียงอาวุธ
รัสเซียได้เกณฑ์ผู้หญิงมาช่วยราชการทหารมากกว่า 7,750,000 คน จำนวน 800,000 คนเป็นทหาร
ประมาณว่าในปี 1943 มีทหารหญิงซุ่มยิงมากกว่า 2,000 คน ยิงทหารนาซีเยอรมันนีได้มากกว่า 12,000 ศพ
เฉลี่ยรายละ 6 ศพ แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงเหลือพวกเธอรอดชีวิตไม่เกินกว่า 500 คน
เพราะความกล้าหาญและมุทะลุบ้าบิ่น แม้ว่าจะมีคำสั่งเป็นการภายในของกองทัพ ห้ามทหารหญิงไปรบในแนวหน้า
แต่ส่วนมากตายกับการปะทะกับทหารนาซีเยอรมันนี จากการถูกซุ่มยิงกลับ และการถูกยิงตอบโต้กลับด้วยปืนครก
หมายเหตุ
สวยสังหาร ทหารหญิงกองทัพ PKK ชาว Kurk ในอิรัค
ส่วนมากเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่เหมือนกับกลุ่ม ISIS
นักรบกลุ่ม ISIS กลัว/โกรธมากกับทหารหญิงกลุ่มนี้
เพราะเสียเหลี่ยม เสียศักดิ์ศรี ถ้าถูกทหารหญิงยิงเสียชีวิต
ต่างพากันหลบหนีเวลาปะทะกับกลุ่มทหารหญิง
ทหารหญิงบอกพร้อมพลีชีพดีกว่าถูกจับเป็น
ISIS กดขี่ผู้หญิงในเรื่องการแต่งกาย การเรียนหนังสือ
มักจะขายเหยื่อผู้หญิงบังคับให้ไปเป็นเมียแบบ Mudhah
แต่งงานที่มีเวลาแน่นอนครบกำหนดหย่าทันที เช่น ไปรบ ไปต่างแดน
มุสลิมไทยมีกิ๊กที่อื่นชอบทำแบบนี้
ท่านจุฬาราชมนตรี ประนามคนทำแบบนี้มากเพราะเลี่ยงหลักศาสนา
ที่มา facebook : BBC THAI
สวยสังหาร ทหารหญิงรัสเซีย (ตอนที่ 3)
Russian snipers killing german soldiers
http://ppantip.com/topic/32475255 สวยสังหาร ทหารหญิงรัสเซีย (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/32483380 สวยสังหาร ทหารหญิงรัสเซีย (ตอนที่ 2)
Nina Pavlovna Petrova ทหารหญิงซุ่มยิงที่กล้าหาญ
เธออยู่ในแนวหน้าป้องกันแผ่นดินปิติภูมิในวัย 48 ปี
ตามรายงานหนังสือพิมพ์กองทัพบก Army newspaper ปี 1944 ระบุว่า
“ เพราะเกลียดชังศัตรูอย่างมาก
ทำให้ฉันหญิงชราวัย 50 ปี ร่วมรบในแนวหน้า
ฉันยิงนาซีเยอรมันนีไป 32 ศพ และกับสหาย Konstantinova
ได้ร่วมกันฝึกอบรมทหารหญิงซุ่มยิง 774 คน
นักเรียนหญิงของเรายิงนาซีเยอรมันนี
ได้มากกว่า 2,000 ศพ (เฉลี่ยคนละ 3 ศพ) "
The sergeant Nina Pavlovna Petrova a sniper 1 st Battalion
284 th Infantry Regiment 86 th Infantry Division of Tartu
ในช่วงสุดท้ายของสงครามครั้งประวัติศาสตร์
เธอได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดเหรียญตราชั้นที่ 3
เหรียญ Order of Glory ชั้นที่ 3 เป็นชั้นสูงสุด
ที่รัฐบาลโซเวียตรัสเซียมอบให้กับผู้ทำประโยชน์กับชาติ
ที่มา http://goo.gl/RrNXAV
นายพล Ivan Fedyuninsky ให้สัมภาษณ์ว่า
“ ผมรู้จักเธอเป็นอย่างดี
วันหนึ่งหลังการรบที่ Elbing (ตอนนี้อยู่ในโปแลนด์)
ขณะที่ผมกำลังจะลงนามเสนอรายชื่อทหาร
ที่สมควรได้รับเหรียญตราจากรัฐบาล
ขณะที่กำลังอ่านเพื่อตรวจสอบรายชื่อ
มีรายชื่อของ นายสิบทหารซุ่มยิง Petrova
ได้เสนอรับเหรียญชั้นที่ 1 Order of Glory I
ระบุว่าอายุของเธอ 52 ปี
ผมแทบไม่เชื่อกับสายตาตนเองว่า
อายุของเธอมากกว่า 50 ปีเลยหรือ
ผมถามย้ำไปกับหัวหน้านายทหารสารบรรณ
ทหารพิมพ์อายุผิดหรือไม่
ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีอะไรผิดพลาดครับ "
ที่มา http://goo.gl/w4KlT3
Nina Pavlovna Petrova เกิดวันที่ 27 มิถุนายน 1893
ใน Oranienbaum (ตอนนี้เป็น Lomonosov Leningrad Oblast)
ต่อมาครอบครัวเธออพยพไปอยู่ที่ St. Petersburg
แต่โชคดีไม่เคยอยู่กับใครได้ยาวนาน
เพราะพ่อเธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา
แม่ของเธอต้องเลี้ยงดูลูกวัยเยาว์ถึง 5 คน
นี่คือ เหตุผลอย่างหนึ่งที่หลังจากที่เธอจบการศึกษา
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายช่วงชั้นปีที่ 5
มารดาเธอแนะนำให้ไปเรียนต่อ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาด้านพาณิชย์ศาสตร์
3 ปีต่อมาเธอได้งานทำบัญชี
ที่ร้านของญาติเธอที่ Vladivostok
โดยทำงานในตอนเช้า แล้ว
ตอนเย็นไปเรียนต่อที่วิทยาลัยธุรกิจ
ความยากลำบากอย่างหนึ่งคือ
โรคคิดถึงบ้านของเธอ
แต่ระยะทางเดินทางไปกลับที่ไกลมาก
เธอจึงย้ายไปทำงานที่อู่เรือ
ที่หมู่บ้าน otchemu home ใน Revel (ตอนนี้ - Tallinn)
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง/การปฏิวัติ
ทำให้ข้าวยากหมากแพง
ตามมาด้วยความสับสนวุ่นวาย
พร้อม ๆ กับลูกสาวของเธอ
ทำให้ Petrova ย้ายไปที่ Lodeynoeye
ในที่นี้เธอเป็นอาสาสมัครที่กระตือรือร้นมาก
ในการทำงานอุทิศให้กับมวลชน
ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพแดง(รัสเซีย)
(พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตรัสเซีย)
ในปี 1927 เธอย้ายกลับไปที่ North Palmyra
โดยพำนักในห้องเล็ก ๆ ที่ Fontanka
ก่อนจะได้ย้ายไปอยู่ห้องที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ไม่มีใครทราบเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวเธอนัก
แต่กิจกรรมกีฬาต่าง ๆ ของเธอเป็นที่รู้จักมากกว่า เช่น
มวยปล้ำ ขี่ม้าแข่ง จักรยาน พายเรือ ว่ายน้ำ บาสเก็ตบอล สกี ฮ้อคกี้ แข่งขันสเก็ต
แต่เรื่องการยิงปืนไม่มีบันทึกไว้ในช่วงนี้
เพราะคงเป็นไปไม่ได้กับการเล่นกีฬาหลากหลายขนาดนี้
ความสำเร็จได้มาถึงอย่างรวดเร็ว มีการแข่งขันกีฬาของ
สหภาพแรงงานทั้งประเทศ ในกีฬาโอลิมปิคช่วงฤดูร้อน
ทีมของเธอชนะเลิศรางวัลรวมทั้งหมด
และได้รับรางวัลปืนยาวไรเฟิลหนึ่งกระบอก
ในปี 1934-1935 Petrova ได้เป็นกัปตันทีมฮอคกี้
Leningrad Military District
ทีมนี้เล่นได้ดีมากและได้รางวัลชนะเลิศ
โดยเฉพาะในปี 1936 เธอได้อยู่ในสังกัดของ
จอมพล Kliment Voroshilov
และ 3 ปีต่อมา (1939) ทีมของเธอชนะรางวัล
All-Union Cross ในตอนที่เธอวัย 46 ปี
แต่เธอยังต้องเรียนรู้อีกมากเกี่ยวกับการยิงปืน
เธอได้รับเข้าเรียนในโรงเรียนทหารซุ่มยิง
(น่าจะมาจากผลงานกีฬาในอดีตของเธอ
เพราะตอนสมัครเข้าเรียนอายุมากที่สุดในรุ่น)
ต่อมาได้เป็นครูฝึกสอนทหารหญิงซุ่มยิง
ในการเรียนเป็นทหารซุ่มยิงเธออยู่ในระดับแนวหน้า
แต่ต้องใช้เวลาอีกนานมากเธอจึงจะได้เข้าร่วมรบในแนวหน้า
ในปี 1943 เธอได้รายงานถึงค่าใช้จ่ายของกองทัพ
ในการฝึกอบรมทหารหญิงซุ่มยิง แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
เพราะตอนนั้นมีนโยบายระดับสูง ไม่มีลายลักษณ์อักษร
ห้ามทหารหญิงไปอยู่ในแนวหน้าร่วมรบ
ให้อยู่แนวหลังช่วยสนับสนุนการรบเพียงอย่างเดียว
(เรียกว่าลงทุนไปมาก ต้นทุนสูง ผลผลิตต่ำ
หรือไม่มี การใช้งานแต่อย่างใด
แต่ถ้าไปใช้งานแล้วจะประโยชน์สูง ประหยัดสุด)
Kliment Voroshilov Chairman of the Presidium of the Supreme Soviet of the Soviet Union
ที่มา http://goo.gl/FaVNnb
ในวันที่ 16 มกราคม 1944 เพียงวันเดียว
เธอยิงนายร้อยและพลทหารนาซีเยอรมันนีถึง 11 ศพ
เธอได้รับยศเป็นนายสิบที่มักจะประจำอยู่แนวหน้า Leningrad
ในการสอนนักเรียนซุ่มยิงของเธอ
นักเรียนต่างรักใคร่เธอ
และเรียกเธอว่า Mama Nina
ในการพบกับนายพล Fedyuninsky
มีรายงานเป็นทางการว่า Pavlovna
เพิ่งยิงทหารนาซีเยอรมันนีไป 107 ศพ
รายงานสิ้นสุด ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 1945
เธอ ยิงทหารนาซีเยอรมันนี 122 ศพ
และอีก 3 รายถูกจับกุม เป็นเชลย
ในปี 1945 Petrova ต้องประสบความยากลำบาก
และความเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ในการรบครั้งสุดท้ายของ Petrova
ที่มีหลักฐานยืนยันจากจดหมายของเธอถึงลูกสาวฉบับหนึ่งว่า
“ ลูกรัก ลูกสาวที่รักของฉัน
ฉันเบื่อเหลือทนกับการรบ
เพราะสี่ปีที่อยู่ในแนวหน้า
อยากจะให้สงครามห่านี้จบลงเร็ว ๆ
จะได้รีบกลับบ้านหาลูก
จะได้กอดหลานรักลูกเธอให้ชื่นใจ
หวังว่าแม่ยังจะมีชีวิตอยู่
และเห็นวันฝันชื่นสุขร่วมกัน
รถบรรทุก ZIS-5
ในไม่ช้านี้ แม่จะได้รับรางวัล
เหรียญตราชั้นที่หนึ่ง Order of Glory
ย่าจะได้เป็นอัศวินในตอนจบ
จะได้บอกเล่าเรื่องราวสืบทอดกันต่อไป “
ในคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 1945
ได้รับคำสั่งจากกองทัพให้เธอกลับบ้านได้
หลังจากกองทัพโซเวียตมีชัยเหนือเมือง Szczecin
ในตอนกลางคืนคนขับรถบรรทุก ZIS-5
ไม่ทันสังเกตเห็นป้ายบอกทางเบี่ยง
จึงขับรถยนต์ตรงไปทำให้ตกหน้าผา
รถบรรทุกกลิ้งตกลงไปอย่างแรง
ทำให้ทหารในรถบรรทุกบาดเจ็บไปหลายนาย
แต่โชคร้าย Petrova บาดเจ็บสาหัสและตายในวันนั้น
เหลืออีกเพียง 7 วันก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติ
ทหารเยอรมันนีเดินเล่นบนทางเท้ารอบแม่น้ำที่ Stettin
ใจกลางเมืองในปี 1945
สภาพเมืองในตอนนี้
http://en.wikipedia.org/wiki/Szczecin
Mosin-Nagant
Tokarev SVT-40
SVD (1958)
http://goo.gl/cX77Li
http://goo.gl/5wlTJK
http://goo.gl/GEpj8n
http://goo.gl/xzKdPu
ภาพเพิ่มเติม
ทหารหญิงซุ่มยิง กองพลที่ 3 Shock Army กองพันแนวหน้าที่ 1 Belorussian Front
G = Guard Sgt = Sergeant Lt = Lieutenant
แถวแรก G. Staff Sgt VN Stepanov: 20 ศพ G. Sgt JP Belousov: 80 ศพ G. Sgt AE Vinogradov: 83 ศพ
แถวสอง G. Lt EK Zhibovskaya: 24 ศพ G. Sgt KF Marinkin: 79 ศพ G. Sgt OS Marenkina: 70 ศพ
แถวสาม G. Lt NP Belobrova: 70 ศพ Lt N. Lobkovsky: 89 ศพ G. Lt VI Artamonov: 89 ศพ G. Sgt MG Zubchenko: 83 ศพ
แถวสี่ G. Sgt NP Obukhov: 64 ศพ G. Sgt AR Belyakov 24 ศพ
ยอดรวมที่ยืนยันเป็นทางการ 775 ศพ ถ่ายภาพร่วมในเยอรมันนี 4 พฤษภาคม 1945
ที่มา http://goo.gl/jHPfqb
สงครามกับนาซีเยอรมันนีที่ยืดเยื้อ ทำให้ขาดแคลนกำลังพลและกำลังสนับสนุนด้านเสบียงอาวุธ
รัสเซียได้เกณฑ์ผู้หญิงมาช่วยราชการทหารมากกว่า 7,750,000 คน จำนวน 800,000 คนเป็นทหาร
ประมาณว่าในปี 1943 มีทหารหญิงซุ่มยิงมากกว่า 2,000 คน ยิงทหารนาซีเยอรมันนีได้มากกว่า 12,000 ศพ
เฉลี่ยรายละ 6 ศพ แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงเหลือพวกเธอรอดชีวิตไม่เกินกว่า 500 คน
เพราะความกล้าหาญและมุทะลุบ้าบิ่น แม้ว่าจะมีคำสั่งเป็นการภายในของกองทัพ ห้ามทหารหญิงไปรบในแนวหน้า
แต่ส่วนมากตายกับการปะทะกับทหารนาซีเยอรมันนี จากการถูกซุ่มยิงกลับ และการถูกยิงตอบโต้กลับด้วยปืนครก
หมายเหตุ
สวยสังหาร ทหารหญิงกองทัพ PKK ชาว Kurk ในอิรัค
ส่วนมากเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่เหมือนกับกลุ่ม ISIS
นักรบกลุ่ม ISIS กลัว/โกรธมากกับทหารหญิงกลุ่มนี้
เพราะเสียเหลี่ยม เสียศักดิ์ศรี ถ้าถูกทหารหญิงยิงเสียชีวิต
ต่างพากันหลบหนีเวลาปะทะกับกลุ่มทหารหญิง
ทหารหญิงบอกพร้อมพลีชีพดีกว่าถูกจับเป็น
ISIS กดขี่ผู้หญิงในเรื่องการแต่งกาย การเรียนหนังสือ
มักจะขายเหยื่อผู้หญิงบังคับให้ไปเป็นเมียแบบ Mudhah
แต่งงานที่มีเวลาแน่นอนครบกำหนดหย่าทันที เช่น ไปรบ ไปต่างแดน
มุสลิมไทยมีกิ๊กที่อื่นชอบทำแบบนี้
ท่านจุฬาราชมนตรี ประนามคนทำแบบนี้มากเพราะเลี่ยงหลักศาสนา
ที่มา facebook : BBC THAI