ทอย (54)

กระทู้สนทนา
“มันเป็นไปไม่ได้ สารวัตร”

    กู๊ดแมนส่ายหน้าเมื่อได้รับฟังการสันนิษฐานเกี่ยวกับเบื้องหลังการกระทำของแซนแมนที่โฮมปักใจเชื่อว่าเป็นการจงใจออกมาปรากฎตัวเพื่อให้โดนสาวน้อยหมวกแดงจับตัวไปแบบนี้

    “คุณยังไม่ได้ลองพยายามทำตามที่ผมเสนอเลย คุณกู๊ดแมน” โฮมไม่ค่อยพอใจกับการรีบแสดงความไม่เห็นด้วยของเขา “คุณบอกเองว่าถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่พิเศษ และที่คุณสามารถข้ามมาได้ก็เป็นเพราะเด็กคนนี้” เขาผายมือไปทาง คิง ปริ้น ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะสงบลงมากแล้ว เด็กชายตัวอวบขึ้นกว่าเดิมอีก พร้อมกับมีโดนัทเคลือบน้ำตาลหลากสีจากในตะกร้ากัดคาอยู่ภายในปากด้วย

    “แหล่งกบดานของสาวน้อยหมวกแดงก็คงต้องเป็นสถานที่พิเศษอีกแห่งหนึ่ง และตอนนี้ คิง แซนแมน ก็ได้ข้ามไปรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ซึ่งผมมั่นใจว่ามันเป็นความตั้งใจของเขา เพื่อที่จะนำทางให้พวกเราสามารถติดตามไปได้” มันฟังดูสมบูรณ์แบบในความคิดของเขา ฟังดูเหมือนเป็นแผนที่คนแบบแซนแมนจะคิดขึ้นมา

    “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก สารวัตร” กู๊ดแมนยังยืนยันคำเดิม “คุณยังไม่เข้าใจ” ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีกลิ่นของแซนแมนลอยค้างอยู่กลางอากาศ รวมถึงร่องรอยเส้นทางต่างๆ อย่างชัดเจน ซึ่งนับเป็นการท้าทายต่อสัญชาตญาณการล่าของมนุษย์หมาป่าอย่างเขาเป็นอย่างยิ่ง

    เขาไม่เคยพบเจอกับแซนแมนผู้นี้เป็นการส่วนตัวมาก่อน ไม่มีใครที่สามารถเดินทางผ่านไปมาระหว่างโลกแห่งความฝันอยากเจอะเจอกับแซนแมนผู้นี้ ผู้ที่ถือว่าตัวเองเป็นทั้งผู้ดูแล และเจ้าของเส้นทางระหว่างความฝันทั้งมวล ไม่มีใครรู้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร แต่ทั้งหมดต่างยอมรับอยู่ภายในใจถึงสถานะของแซนแมนผู้นี้

    แซนแมนคือจ้าวแห่งความฝันทั้งมวล

    “มันมีความแตกต่างมากมายระหว่างถ้ำแห่งนี้กับ...กับ...ที่นั่น” เขารู้สึกอึดอัดที่นักเขียนอย่างเขากลับไม่อาจนึกหาคำที่เหมาะสมมาเพื่อใช้เรียกมันได้ “มันไม่ใช่แม้แต่สถานที่ด้วยซ้ำ มันไม่มี พื้นที่ ไม่มี ขนาด ไม่มีแม้แต่ แม้แต่...” เขาได้แต่โบกสองมือไปมาตรงหน้า พยายามเค้นหาคำที่ต้องการ
    “มันไม่มีแม้แต่กาลเวลา หรืออะไรก็ตามที่เราจะเข้าใจได้” คุณนายวิกเซ่นพูดขึ้นเรียบๆ

    “ใช่ ใช่ แบบนั้นแหละ โดยมาตรฐานความเข้าใจของพวกเราก็คือ เราไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับมิตินั้นเลย มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีตัวตน ไม่เคยมี และไม่อาจจะมี” คำพูดของกู๊ดแมนหยุดชะงักลง พร้อมกับความประหลาดใจที่ดูเหมือนคุณนายวิกเซ่นจะไม่ได้ขัดแย้งกับเขาเป็นครั้งแรกหลังจากช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน นานราวกับเป็นชั่วกาลปาวสาน

    “...เหมือนโลกเทพนิยาย...” สโนวพึมพำขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ

    “ไม่ ไม่ใช่แน่” เป็นคำตอบจากคุณนายวิกเซ่นที่แอบได้ยินด้วยหูอันว่องไวของนาง “โลกเทพนิยายนั้นมีอยู่จริง เธอก็รู้เรื่องนั้นดี เซฟ เธอรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมด” นางกระซิบเพียงเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคน

    “แต่คุณก็ยังไม่ได้ลองพยายามที่จะตามเขาไปเลยด้วยซ้ำ” โฮมรู้สึกหัวเสียอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เขาเคยเป็นคนที่ใจเย็นกว่านี้ เขาไม่ควรเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าวสันต์ ผู้ช่วยของเขา 'แล้วทำไมฉันถึงต้องเป็นแบบนั้นต่อหน้าเธอ' เขายิ่งรู้สึกสงสัยในความคิด ความรู้สึกแปลกๆ ของตนเองที่เป็นอยู่ ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่แซนแมนเคยแอบไปหาวสันต์ถึงในความฝัน ในห้องพักส่วนตัวของเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจกับอะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นทั้งสิ้น

    “เอ่อ...สารวัตรควรจะฟังพวกเขาหน่อยนะคะ” วสันต์พูดขึ้นอย่างระวัง เธอไม่เคยเห็นโฮมเป็นแบบนี้มาก่อน เขามักใช้ความคิดอย่างเป็นระบบ รอบคอบ และเก็บงำทุกสิ่งไว้ภายในทำให้คาดเดาได้ยาก โดยเฉพาะในระหว่างที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกชื่นชมเขาเสมอมา “พวกเขารู้ในสิ่งที่อยู่ในขอบเขตความสามารถของพวกเขาเอง และไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะต้องโกหก หรือไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเราในเวลาเช่นนี้ค่ะ”

    “...คุณพูดถูก” โฮมต้องยอมรับในที่สุด “และ ผมคง...ต้องขอโทษพวกคุณทั้งสองคนด้วย”

    “ว่าแต่ว่า...จี”

    กู๊ดแมนหันไปตามคำเรียกหานั้น แต่แววตาของคุณนายวิกเซ่นทำให้หัวใจของเขาต้องตกวูบลงอีกครั้ง เขารู้จักกับแววตาแบบนั้น เมื่อมีหมาป่าอยู่รวมกันมากกว่าหนึ่ง หนึ่งในนั้นจะต้องเป็นผู้นำ และแววตาแบบนั้นใช้ถามว่า
    'ฉันเป็นจ่าฝูงใช่หรือไม่'

    “มีอะไรหรือ วูฟ” เขาตอบกลับไปด้วยแววตาแบบเดียวกัน ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน หรืออันที่จริงแล้วมันเป็นการแสดงเขี้ยว อาวุธของตนให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็นนั่นเอง

    “เราข้ามไปที่นั่นไม่ได้จริงหรือ” นางถามอย่างท้าทาย

    “...ไม่มีใครเคยไปที่นั่นมาก่อน วูฟ เธอเองก็รู้” เขาตอบโต้

    “ฉันรู้” นางยิ้มอย่างหยาดเยิ้ม เขี้ยวขาวนั้นเป็นประกาย “แต่ มันข้ามไปไม่ได้ หรือ ไม่เคยมีใครข้ามไปมาก่อน กันแน่ คุณไม่เคยนึกสงสัยบ้างเลยหรือ”

    “ผมยอมรับ ว่าตัวผมเองก็เคยสงสัยเหมือนกัน” เขายิ้มกว้าง เขี้ยวพวกนั้นอาจใหญ่ยิ่งกว่าของนางเสียอีก “ผมเคยพยายามมาแล้ว และก็ได้รู้คำตอบที่คุณต้องการ มันข้ามไปไม่ได้จริงๆ วูฟ” เขาส่ายหน้า “จินตนาการของผมไม่อาจข้ามไปในที่แบบนั้น หรือแม้กระทั่งพวกตัวเลขที่มีพลังอย่างความเร็วแสงก็ตาม”

    รอยยิ้มของทั้งคู่ค่อยๆ จืดจางลง ยังไม่มีใครกระโจนเข้าใส่ลำคอ เข้าใส่เส้นเลือดสำคัญคู่นั้นของใคร อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้

    “...แล้วถ้ารวมทั้งสองวิธีเข้าด้วยกันล่ะคะ”

    มนุษย์หมาป่าทั้งสองต่างหันไปหาเจ้าของคำถามด้วยใบหน้าที่อธิบายไม่ถูก ซึ่งทำให้วสันต์ต้องก้าวถอยหลังไปอย่างลืมตัว “คุณตำรวจหญิงว่าอะไรนะครับ” กู๊ดแมนยังคงถามซ้ำอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ได้ยินอย่างกระจ่างแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อาจคิดในสิ่งที่ถูกพูดออกมานั้นได้เลย

    'เส้นทางที่รวมเอาจินตนาการกับตัวเลขเข้าไว้ด้วยกัน'

    “ฟังดูเข้าท่าดี” สโนวสนับสนุน โฮมเองก็เช่นกัน มีเพียงทอยเท่านั้นที่ยังคงเงียบไม่ได้แสดงความเห็นอะไร จึงดูเหมือนจะเหลือเพียงมนุษย์หมาป่าทั้งคู่เท่านั้นที่พยายามจะปฏิเสธแนวคิดนี้

    “ฉันขอร้องล่ะ วูฟ” สโนวว่า “เพื่อเห็นแก่คุณครอส เห็นแก่มหานคร”

    “ผมก็ขอร้องคุณด้วย คุณกู๊ดแมน” โฮมพูดอย่างจริงจัง “ผมต้องตามจับตัวสาวน้อยหมวกแดงคนนั้นมาลงโทษให้ได้ มันเป็นหน้าที่ของผม” นั่นค่อยฟังเหมือนสารวัตรโฮมที่วสันต์รู้จักขึ้นมาหน่อย

    “ก็ได้ เราจะลองดู” ซึ่งที่จริงแล้วกู๊ดแมนเองก็อยากจะรู้อยู่เหมือนกันว่ามันจะทำได้หรือไม่

    “ไม่คิดจะถามความเห็นจากฉันบ้างเลยหรือ คุณกู๊ดแมน” นางยิ้มแยกเขี้ยวใส่เขาอีกครั้ง

    “พอเถอะ วูฟ” สโนวไม่อยากให้เรื่องนี้ยืดเยื้อต่อไปอีก เพราะมีแต่จะทำให้เสียเวลา ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าจะยังเหลืออยู่อีกหรือไม่

    “ก็ได้” นางยอมรับปากในที่สุด

    มนุษย์หมาป่าทั้งสองต่างเดินเข้าหากัน ก่อนหยุดยืนเผชิญหน้าอยู่ในระยะที่เอื้อมถึง กลิ่นของแซนแมนนั้นเด่นชัดจนแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม แต่ทั้งสองต่างก็พยายามตั้งสมาธิเพื่อสัมผัสกับกลิ่นนั้นให้ชัดเจนที่สุด สิ่งที่ยากกลับเป็นการที่ต้องจ้องมองฝ่ายตรงข้าม และพยายามที่จะไม่นึกถึงเรื่องราวในอดีต

    “นิยายของคุณมันห่วย เป็นแค่เรื่องหลอกลวง” นางกระซิบ

    “ตัวเลขในบัญชีพวกนั้นก็ไม่เคยทำให้คุณมีความสุข” เขากระซิบโต้

    “พอได้แล้ว ทั้งสองคน” สโนวกระซิบเตือน ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างขยับล้อมวงใกล้เข้ามา นางจึงล้วงหยิบปากกาด้ามหนึ่งออกมาพร้อมกับเขียนตัวเลขสองร้อยเก้าสิบเก้าล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นสองพันสี่ร้อยห้าสิบแปดลงในฝ่ามือของตนเองแล้วยื่นมันออกไปข้างหน้า

    “อย่างน้อยตัวเลขก็เป็นความจริงแท้ที่ไม่บิดเบือน” นางยิ้ม

    “ในนิยายก็เช่นกัน ผมไม่อาจเขียนทุกสิ่งได้ตามใจ มันก็มีวิถี มีความเป็นจริงของมันเช่นกัน” เขายิ้มก่อนยื่นมือออกไปสัมผัสกับมือของนาง ทั้งคู่ต่างเพ่งสมาธิไปที่กลิ่นของแซนแมน ไปที่จุดหมายปลายทางของสาวน้อยหมวกแดง เป็นอีกครั้งที่ความรู้สึกเหมือนถูกยืดพร้อมกับบิดเป็นเกลียวนั้นเกิดขึ้นกับทุกคน และครั้งนี้ทอยคิดว่ามันรุนแรงมากขึ้นเป็นสองเท่า

#####
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่