เรื่องสั้นนะคะ
เพิ่งเคยลองเขียนค่ะ แท็กไม่ค่อยถูกเหมือนกัน
ขอลองแท็กห้องสมุด กับ ชานเรือนนะคะ เพราะเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว
ติชมได้ค่ะ
เพลงของเธอ
And you can tell everybody this is your song.
It may be quite simple but now that it's done.
I hope you don't mind.
I hope you don't mind that I put down in words.
How wonderful life is while you're in the world.
เขาจบท่อนสุดท้ายของเพลง พรมนิ้วต่อไปบนผืนคีย์เปียโนอีกสั้น ๆ เพลงก็จบสมบูรณ์ พร้อมด้วยเสียงปรบมือดังก้อง
รอยยิ้มและสายตาชื่นชมอย่างจริงใจท่วมท้นมองมานับร้อย ๆ คู่
น่าเสียดายที่คนที่เขาตั้งใจจะเล่นเพลงนี้ให้ มีเพียงยิ้มเรียบ ๆ อย่างสุภาพแต้มเบา ๆ บนใบหน้าเท่านั้น
เขาคาดเดาได้ว่าปฏิกิริยาเธอคงจะมีแค่นั้น หรือ จะพูดให้ถูก ก็คือ เขาควรจะพอใจที่ปฏิกิริยาเธอมีแค่นั้น
“ควรจะ” หรือ ? เขาถามตัวเองอยู่ในใจเหมือนกันว่า ลึก ๆ แล้ว นอกจาก ความควรไม่ควร
เขาอยากให้เธอมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเพลงนี้มากกว่า ?
เธอเอง จะมีปฏิกิริยาอะไรกับเพลงนี้ได้ล่ะ ... ในเมื่อ ... สำหรับสังคมขององค์กรนี้แล้ว
เธอเอง เพิ่งได้รับการแนะนำให้รู้จัก กับ ท่านรองผู้อำนวยการ สุรสิทธิ์ เมื่อสักครู่เองไม่ใช่หรือ ?
เรามักจะได้ยินมานานแล้วว่า โลกมันกลม โลกนี้ใบเล็กนัก
คนที่คุณไม่คิดว่า จะได้เจอ ในสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ คุณก็อาจจะได้เจอ
หรือ บางครั้ง จะพูดให้ถูกคือ กลับมาเจอ ... อีกครั้ง ...
เขาพบเธอครั้งแรกในโลกออนไลน์สิบกว่าปีที่แล้ว ในวันว่างจากงาน ในห้องเกมส์ที่เขาไม่คิดว่าจะลองเล่น
ถ้าไม่ใช่เพราะเขากำลังขาหักอยู่และเดินไปหยิบหนังสือมาอ่านต่อไม่ได้แล้วล่ะก็ เขาคงไม่ได้พบกับเธอเป็นแน่
สัญลักษณ์แทนตัวเธอ บนโลกออนไลน์ เป็นกุหลาบดอกกะจิดริด ๆ สีชมพู ส่วนของเขา เป็นรูปเด็กผู้ชายตาตี่
บนโลกออนไลน์ เธอจึงเป็น หนูกุหลาบ สำหรับเขา และ เขาเป็น คุณติ๊ดตี่ สำหรับเธอ
การทักทาย พูดคุยเพียงสั้น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยน item บางรายการในเกมส์ นำไปสู่บทสนทนาอันยาวเหยียดในมุมออนไลน์ที่เป็นส่วนตัวในเวลาต่อมา
ระลึกได้ไม่หมดว่าคุยกับเธอไปเรื่องอะไรบ้าง แต่จำไม่ได้ว่า มีเรื่องไหนบ้างในชีวิตเขาที่ไม่ได้พูดคุยแบ่งปันให้เธอฟัง
จะด้วยความประหลาดใจแกมยินดีที่พบคนที่มีบุคลิกทางความคิดคล้าย ๆ กัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
มีประสบการณ์บางเรื่องเหมือน ๆ กัน หรืออะไรก็ตามแต่ ในแต่ละปีที่ผ่านไป โลกเสมือนจริงกลับค่อย ๆ
เริ่มกลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้นอย่างช้า ๆ
เริ่มต้นจาก นางนวล โจนาธาน ลิฟวิงสตัน ฉบับเก่าแก่ ที่เขาส่งไปให้เธออ่าน และได้รับ ต้นส้มแสนรัก ส่งกลับมาเป็นของตอบแทน
ตามด้วย Lord of the Flies, เจ้าชายน้อย, โต๊ะโตะจัง, คุณพ่อขายาว, Through Time into Healing, The Brief History of Time,
The Alchemist,พระอภัยมณี, เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก และ ....................
จากนั้น ชั้นหนังสือเล่มโปรดพิเศษของเขา ก็ทั้งพร่องลง และ พูนขึ้น ด้วยขบวนหนังสือที่แลกเปลี่ยนกันเป็นสายตลอดมา
เขาไม่เคยถามตัวเองว่า รู้สึกยังไงกับเธอ อันที่จริง แม้เขาจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างประณีต สุขุม ละเอียดรอบคอบ ชอบขบคิดเรื่องรอบตัวทั้งเรื่องงาน และ เรื่องปรัชญาการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้ง แต่เขากลับไม่เคยถามตัวเองเหมือนกันว่า รู้สึกยังไงกับผู้หญิงคนอื่น ๆ
ไม่กระทั่งตั้งคำถามด้วยว่า รู้สึกอย่างไรกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง
เป็นที่พูดกันในวงที่ทำงานโดยเปิดเผยว่า เขารักและเกรงใจภรรยามาก เธอเป็นคนถือบัตรเอทีเอ็ม สำหรับเงินเดือน และโบนัสของเขาทั้งหมด
แต่ก็เป็นที่รู้กันในหมู่ลูกน้องมือทำงานที่สนิทกันไม่กี่คนว่า สุรสิทธิ์ เป็นคนเก่งด้านสายงานของตัวเองอย่างหาตัวจับยาก งานออกแบบ เซ็นแบบ ประชุมบอร์ด หรือ เป็นที่ปรึกษาพิเศษนอกเวลางาน สามารถทำรายได้มากกว่าเงินเดือนประจำอยู่หลายเท่าตัว
และแม้ท่านรองฯ จะเป็นนักเที่ยวตัวยง จ่ายหนัก ใจกว้าง แต่จะไม่มีการผูกมัด และห้ามเด็ดขาดที่จะมีผู้หญิงคนไหนมาอ้างสิทธิ
หรือแสดงตัวให้ คุณเปรมจิต ระคายใจ
ในสายตาของคนนอก เขาเป็นผู้ชายที่วิเศษ ฉลาด พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเพชรแท้ในแวดวงของตนเอง ไม่มีประวัติด่างพร้อย รูปร่างหน้าตาดี สุภาพ แต่งตัวเนี้ยบ ดูภูมิฐาน รักครอบครัว ไม่เคยมีโทรศัพท์แปลกปลอมในเวลาหลังเลิกงาน เล่นกอล์ฟและอยู่บ้านให้เวลากับภรรยาในวันหยุด
แรกเริ่ม เขากับเธอเปิดเผยเรื่องสถานะทางครอบครัวต่อกันและกัน เธอบอกว่า แต่งงานแล้ว กับเพื่อนชายที่คบกันมาตั้งแต่สมัยวัยเรียน
และมีลูกเล็กอายุไม่ถึงขวบ ส่วนเขาทำงานในองค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง แต่งงาน ใช้ชีวิตคู่อย่างผาสุกกับภรรยามาสิบกว่าปีแล้ว
เมื่อต่างก็คิดว่าเปิดเผยต่อกันและกัน และไม่เคยตั้งคำถาม วางเงื่อนไขแบบชาย-หญิงที่หวังจะพบตัวจริงกัน จึงทำให้ การพูดคุย ไม่มีกรอบ ไร้แรงกดดัน ต่างฝ่าย ต่างเปิดเผย ความรู้สึก ทัศนคติ ตลอดจนถึงระบายปัญหาที่มีในชีวิตให้อีกฝ่ายฟังอย่างเต็มที่
ความนับถือในสติปัญญา และความคิดอ่านของกันและกันที่แลกเปลี่ยนผ่านอีเมล์ และข้อความสั้น จากการพูดคุย ทำให้ ความกดดันในชีวิต
เรื่องที่ไม่คิดว่า จะกล้าเล่าให้ใครฟังในชีวิตจริง หรือ พูดให้ถูกคือ สารภาพให้ใครฟัง ถูกถ่ายทอดสู่กันและกันอย่างเปิดใจ
ในสายตาคนนอก เธอคือ ดร. รสริน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและการวางแผนทรัพยากรบุคคลในองค์กร เป็นคนมีการศึกษาสูงที่เลือกที่จะใช้ชีวิตสมถะ กินเงินเดือนต่ำกว่าความสามารถด้วยการสอนอยู่ในมหาวิทยาลัยรัฐย่านชานเมือง มีชีวิตเรียบง่าย ทำตัวติดดิน ไปไหนมาไหนใกล้ ๆ ด้วยการขี่รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ใช้ชีวิตคู่เรียบง่ายกับ นนท์ ลูกเศรษฐีเก่าที่ผันตัวเองมาเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น ทำงานอิสระ และดูแลรับส่งลูกชายคนเดียวของทั้งคู่
ภาพ ดร.รสริน คุณนนท์ และลูกชายของทั้งคู่ไปไหนต่อไหนด้วยกัน มักจะทำให้คนรอบข้างแซวอย่างเอ็นดูแกมอิจฉาอยู่บ่อย ๆ
มีแค่ คุณติ๊ดตี่ ของ หนูกุหลาบ เท่านั้นกระมัง ที่รู้ความจริงว่า
หนูกุหลาบของเขา เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่เรียนดี มาจากครอบครัวครูที่พอมีพอใช้แบบกระเบียดกระเสียรมาเท่านั้น เธอเริ่มทำงานตั้งแต่ก่อนจบปริญญาตรี เริ่มจากเป็นเสมียนฝึกงานในแผนก ช่วยงานเอกสาร จนค่อย ๆ เขยิบตำแหน่ง และได้ทุนเรียนจนจบปริญญาโท และ เอกในประเทศ
สามี ที่ใคร ๆ ก็มองว่า เป็นลูกเศรษฐีเก่า มีเค้าของความเป็นเศรษฐีผู้ดีเก่าเพียงสองอย่าง
ข้อแรก คือ นิสัย รักสบาย รักสนุก ไม่อดทนทำงานที่ไหนได้นาน
และข้อสอง คือ นิสัยการชอบใช้รถยุโรปหรูหรา
ความเป็นนักลงทุนของคุณนนท์ในสายตาของคนนอก ในความเป็นจริง ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า การพยายามเป็น day trader
ที่หนักไปทางแทงหุ้น มากกว่าวิเคราะห์ หนักเข้า พฤติกรรมนี้ ทำให้นนท์เปลี่ยนความสนใจจากหุ้นเป็นพนันบอล เล่นหลายคู่ ถัวไปมา ได้บ้าง เสียบ้าง
ได้มา ก็อารมณ์ดี เสียก็มักจะเย็นชาเงียบเฉย
รถตราดาวสามแฉก หรือ รถตราเสือ ที่ขับสลับกันไปมา ก็เป็นรุ่นเก่าโบราณของตระกูลที่โละมาให้ สมบัติที่คนนอกเห็นนั้น ส่วนใหญ่เป็นที่เช่าของกงสีที่นนท์ไม่ได้มีบทบาทในการบริหารมากนัก ปันผลที่ได้มา ถ้าไม่หมดไปกับการแทงหุ้นที่นนท์บอกกับใครต่อใครว่าลงทุน ก็หมดไปกับค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่ายประคองสถานะทางสังคมของตัวนนท์เองเสียเป็นส่วนมาก การที่ไปไหนต่อไหนกับครอบครัวได้อยู่เสมอ และตลอด เป็นเพียงการฆ่าเวลาของนนท์ที่ไม่ได้ทำงานทำการเป็นกิจจะลักษณะอะไรนัก
แม้บ้านเดี่ยวหลังเก่ากะทัดรัดที่อยู่ จะเป็นของหมั้นของทางฝ่ายสามี แต่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้าน ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเล่าเรียนลูก ค่ารักษาพยาบาลดูแลพ่อแม่ รสรินเป็นผู้แบกภาระนั้นไว้เงียบ ๆ คนเดียว การขี่มอเตอร์ไซค์ในจังหวัดเล็ก ๆ ย่านชานเมืองที่เธออยู่ การใช้ครีมบำรุงผิวยี่ห้อทั่วไปที่หาซื้อได้ตามซูเปอร์นั้น เป็นวิธีที่รสรินจะสามารถบีบค่าใช้จ่ายให้พอเหมาะกับรายได้ตัวเองที่ยังขยับขยายไปทำงานที่อื่นไม่ได้เนื่องจากยังต้องใช้ทุน
แต่สำหรับสายตาคนนอกแล้ว กลับเข้าใจไปว่า นั่นคือ ความสมถะและประหยัดของเธอ
ทุกคนพากันอมยิ้ม เมื่อเธอยืนยันบอกนนท์ว่า ไม่ต้องขับรถมารับ เธอขับมอเตอร์ไซค์สะดวกกว่า
หลายคน ตีความว่า เธอห่วง กลัวสามีจะเหนื่อย
แต่ใครจะรู้ความจริงว่า เธอห่วงเงินค่าน้ำมันของนนท์มากกว่า เพราะหากวันไหนนนท์เสียพนัน หลายครั้ง
ก็มักจะทำเนียน ๆ มารับเธอแล้วแวะจอดให้เธอเติมน้ำมัน
หลายปีของการพูดคุยผ่านไป หนูกุหลาบ กับคุณติ๊ดตี่ สนิทกันมากพอที่จะแลกเปลี่ยนรูปถ่ายกัน
คุณติ๊ดตี่ ของเธอสุภาพ ผิวพรรณขาวสะอาด หน้าตาดี หน้าที่การงานใหญ่พอที่จะมีรถตราดาวเหมือนสามีเธอเช่นกัน
ต่างกันตรงที่ ของคุณติ๊ดตี่ เป็นรถประจำตำแหน่ง รุ่นล่าสุด และมีคนขับพร้อม
ส่วนรถส่วนตัวของเขา เป็นตราใบพัดขาว-ฟ้า รุ่นล่าสุด เขาเล่าเพียงสั้น ๆ ว่า
“ในแวดวงอาชีพผม ถ้าพอจ่ายได้ เราชอบของเยอรมันทั้งนั้น ”
เพลงของเธอ
เพิ่งเคยลองเขียนค่ะ แท็กไม่ค่อยถูกเหมือนกัน
ขอลองแท็กห้องสมุด กับ ชานเรือนนะคะ เพราะเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว
ติชมได้ค่ะ
เพลงของเธอ
And you can tell everybody this is your song.
It may be quite simple but now that it's done.
I hope you don't mind.
I hope you don't mind that I put down in words.
How wonderful life is while you're in the world.
เขาจบท่อนสุดท้ายของเพลง พรมนิ้วต่อไปบนผืนคีย์เปียโนอีกสั้น ๆ เพลงก็จบสมบูรณ์ พร้อมด้วยเสียงปรบมือดังก้อง
รอยยิ้มและสายตาชื่นชมอย่างจริงใจท่วมท้นมองมานับร้อย ๆ คู่
น่าเสียดายที่คนที่เขาตั้งใจจะเล่นเพลงนี้ให้ มีเพียงยิ้มเรียบ ๆ อย่างสุภาพแต้มเบา ๆ บนใบหน้าเท่านั้น
เขาคาดเดาได้ว่าปฏิกิริยาเธอคงจะมีแค่นั้น หรือ จะพูดให้ถูก ก็คือ เขาควรจะพอใจที่ปฏิกิริยาเธอมีแค่นั้น
“ควรจะ” หรือ ? เขาถามตัวเองอยู่ในใจเหมือนกันว่า ลึก ๆ แล้ว นอกจาก ความควรไม่ควร
เขาอยากให้เธอมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเพลงนี้มากกว่า ?
เธอเอง จะมีปฏิกิริยาอะไรกับเพลงนี้ได้ล่ะ ... ในเมื่อ ... สำหรับสังคมขององค์กรนี้แล้ว
เธอเอง เพิ่งได้รับการแนะนำให้รู้จัก กับ ท่านรองผู้อำนวยการ สุรสิทธิ์ เมื่อสักครู่เองไม่ใช่หรือ ?
เรามักจะได้ยินมานานแล้วว่า โลกมันกลม โลกนี้ใบเล็กนัก
คนที่คุณไม่คิดว่า จะได้เจอ ในสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ คุณก็อาจจะได้เจอ
หรือ บางครั้ง จะพูดให้ถูกคือ กลับมาเจอ ... อีกครั้ง ...
เขาพบเธอครั้งแรกในโลกออนไลน์สิบกว่าปีที่แล้ว ในวันว่างจากงาน ในห้องเกมส์ที่เขาไม่คิดว่าจะลองเล่น
ถ้าไม่ใช่เพราะเขากำลังขาหักอยู่และเดินไปหยิบหนังสือมาอ่านต่อไม่ได้แล้วล่ะก็ เขาคงไม่ได้พบกับเธอเป็นแน่
สัญลักษณ์แทนตัวเธอ บนโลกออนไลน์ เป็นกุหลาบดอกกะจิดริด ๆ สีชมพู ส่วนของเขา เป็นรูปเด็กผู้ชายตาตี่
บนโลกออนไลน์ เธอจึงเป็น หนูกุหลาบ สำหรับเขา และ เขาเป็น คุณติ๊ดตี่ สำหรับเธอ
การทักทาย พูดคุยเพียงสั้น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยน item บางรายการในเกมส์ นำไปสู่บทสนทนาอันยาวเหยียดในมุมออนไลน์ที่เป็นส่วนตัวในเวลาต่อมา
ระลึกได้ไม่หมดว่าคุยกับเธอไปเรื่องอะไรบ้าง แต่จำไม่ได้ว่า มีเรื่องไหนบ้างในชีวิตเขาที่ไม่ได้พูดคุยแบ่งปันให้เธอฟัง
จะด้วยความประหลาดใจแกมยินดีที่พบคนที่มีบุคลิกทางความคิดคล้าย ๆ กัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
มีประสบการณ์บางเรื่องเหมือน ๆ กัน หรืออะไรก็ตามแต่ ในแต่ละปีที่ผ่านไป โลกเสมือนจริงกลับค่อย ๆ
เริ่มกลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้นอย่างช้า ๆ
เริ่มต้นจาก นางนวล โจนาธาน ลิฟวิงสตัน ฉบับเก่าแก่ ที่เขาส่งไปให้เธออ่าน และได้รับ ต้นส้มแสนรัก ส่งกลับมาเป็นของตอบแทน
ตามด้วย Lord of the Flies, เจ้าชายน้อย, โต๊ะโตะจัง, คุณพ่อขายาว, Through Time into Healing, The Brief History of Time,
The Alchemist,พระอภัยมณี, เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก และ ....................
จากนั้น ชั้นหนังสือเล่มโปรดพิเศษของเขา ก็ทั้งพร่องลง และ พูนขึ้น ด้วยขบวนหนังสือที่แลกเปลี่ยนกันเป็นสายตลอดมา
เขาไม่เคยถามตัวเองว่า รู้สึกยังไงกับเธอ อันที่จริง แม้เขาจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างประณีต สุขุม ละเอียดรอบคอบ ชอบขบคิดเรื่องรอบตัวทั้งเรื่องงาน และ เรื่องปรัชญาการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้ง แต่เขากลับไม่เคยถามตัวเองเหมือนกันว่า รู้สึกยังไงกับผู้หญิงคนอื่น ๆ
ไม่กระทั่งตั้งคำถามด้วยว่า รู้สึกอย่างไรกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง
เป็นที่พูดกันในวงที่ทำงานโดยเปิดเผยว่า เขารักและเกรงใจภรรยามาก เธอเป็นคนถือบัตรเอทีเอ็ม สำหรับเงินเดือน และโบนัสของเขาทั้งหมด
แต่ก็เป็นที่รู้กันในหมู่ลูกน้องมือทำงานที่สนิทกันไม่กี่คนว่า สุรสิทธิ์ เป็นคนเก่งด้านสายงานของตัวเองอย่างหาตัวจับยาก งานออกแบบ เซ็นแบบ ประชุมบอร์ด หรือ เป็นที่ปรึกษาพิเศษนอกเวลางาน สามารถทำรายได้มากกว่าเงินเดือนประจำอยู่หลายเท่าตัว
และแม้ท่านรองฯ จะเป็นนักเที่ยวตัวยง จ่ายหนัก ใจกว้าง แต่จะไม่มีการผูกมัด และห้ามเด็ดขาดที่จะมีผู้หญิงคนไหนมาอ้างสิทธิ
หรือแสดงตัวให้ คุณเปรมจิต ระคายใจ
ในสายตาของคนนอก เขาเป็นผู้ชายที่วิเศษ ฉลาด พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเพชรแท้ในแวดวงของตนเอง ไม่มีประวัติด่างพร้อย รูปร่างหน้าตาดี สุภาพ แต่งตัวเนี้ยบ ดูภูมิฐาน รักครอบครัว ไม่เคยมีโทรศัพท์แปลกปลอมในเวลาหลังเลิกงาน เล่นกอล์ฟและอยู่บ้านให้เวลากับภรรยาในวันหยุด
แรกเริ่ม เขากับเธอเปิดเผยเรื่องสถานะทางครอบครัวต่อกันและกัน เธอบอกว่า แต่งงานแล้ว กับเพื่อนชายที่คบกันมาตั้งแต่สมัยวัยเรียน
และมีลูกเล็กอายุไม่ถึงขวบ ส่วนเขาทำงานในองค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง แต่งงาน ใช้ชีวิตคู่อย่างผาสุกกับภรรยามาสิบกว่าปีแล้ว
เมื่อต่างก็คิดว่าเปิดเผยต่อกันและกัน และไม่เคยตั้งคำถาม วางเงื่อนไขแบบชาย-หญิงที่หวังจะพบตัวจริงกัน จึงทำให้ การพูดคุย ไม่มีกรอบ ไร้แรงกดดัน ต่างฝ่าย ต่างเปิดเผย ความรู้สึก ทัศนคติ ตลอดจนถึงระบายปัญหาที่มีในชีวิตให้อีกฝ่ายฟังอย่างเต็มที่
ความนับถือในสติปัญญา และความคิดอ่านของกันและกันที่แลกเปลี่ยนผ่านอีเมล์ และข้อความสั้น จากการพูดคุย ทำให้ ความกดดันในชีวิต
เรื่องที่ไม่คิดว่า จะกล้าเล่าให้ใครฟังในชีวิตจริง หรือ พูดให้ถูกคือ สารภาพให้ใครฟัง ถูกถ่ายทอดสู่กันและกันอย่างเปิดใจ
ในสายตาคนนอก เธอคือ ดร. รสริน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและการวางแผนทรัพยากรบุคคลในองค์กร เป็นคนมีการศึกษาสูงที่เลือกที่จะใช้ชีวิตสมถะ กินเงินเดือนต่ำกว่าความสามารถด้วยการสอนอยู่ในมหาวิทยาลัยรัฐย่านชานเมือง มีชีวิตเรียบง่าย ทำตัวติดดิน ไปไหนมาไหนใกล้ ๆ ด้วยการขี่รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ใช้ชีวิตคู่เรียบง่ายกับ นนท์ ลูกเศรษฐีเก่าที่ผันตัวเองมาเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น ทำงานอิสระ และดูแลรับส่งลูกชายคนเดียวของทั้งคู่
ภาพ ดร.รสริน คุณนนท์ และลูกชายของทั้งคู่ไปไหนต่อไหนด้วยกัน มักจะทำให้คนรอบข้างแซวอย่างเอ็นดูแกมอิจฉาอยู่บ่อย ๆ
มีแค่ คุณติ๊ดตี่ ของ หนูกุหลาบ เท่านั้นกระมัง ที่รู้ความจริงว่า
หนูกุหลาบของเขา เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่เรียนดี มาจากครอบครัวครูที่พอมีพอใช้แบบกระเบียดกระเสียรมาเท่านั้น เธอเริ่มทำงานตั้งแต่ก่อนจบปริญญาตรี เริ่มจากเป็นเสมียนฝึกงานในแผนก ช่วยงานเอกสาร จนค่อย ๆ เขยิบตำแหน่ง และได้ทุนเรียนจนจบปริญญาโท และ เอกในประเทศ
สามี ที่ใคร ๆ ก็มองว่า เป็นลูกเศรษฐีเก่า มีเค้าของความเป็นเศรษฐีผู้ดีเก่าเพียงสองอย่าง
ข้อแรก คือ นิสัย รักสบาย รักสนุก ไม่อดทนทำงานที่ไหนได้นาน
และข้อสอง คือ นิสัยการชอบใช้รถยุโรปหรูหรา
ความเป็นนักลงทุนของคุณนนท์ในสายตาของคนนอก ในความเป็นจริง ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า การพยายามเป็น day trader
ที่หนักไปทางแทงหุ้น มากกว่าวิเคราะห์ หนักเข้า พฤติกรรมนี้ ทำให้นนท์เปลี่ยนความสนใจจากหุ้นเป็นพนันบอล เล่นหลายคู่ ถัวไปมา ได้บ้าง เสียบ้าง
ได้มา ก็อารมณ์ดี เสียก็มักจะเย็นชาเงียบเฉย
รถตราดาวสามแฉก หรือ รถตราเสือ ที่ขับสลับกันไปมา ก็เป็นรุ่นเก่าโบราณของตระกูลที่โละมาให้ สมบัติที่คนนอกเห็นนั้น ส่วนใหญ่เป็นที่เช่าของกงสีที่นนท์ไม่ได้มีบทบาทในการบริหารมากนัก ปันผลที่ได้มา ถ้าไม่หมดไปกับการแทงหุ้นที่นนท์บอกกับใครต่อใครว่าลงทุน ก็หมดไปกับค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่ายประคองสถานะทางสังคมของตัวนนท์เองเสียเป็นส่วนมาก การที่ไปไหนต่อไหนกับครอบครัวได้อยู่เสมอ และตลอด เป็นเพียงการฆ่าเวลาของนนท์ที่ไม่ได้ทำงานทำการเป็นกิจจะลักษณะอะไรนัก
แม้บ้านเดี่ยวหลังเก่ากะทัดรัดที่อยู่ จะเป็นของหมั้นของทางฝ่ายสามี แต่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้าน ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเล่าเรียนลูก ค่ารักษาพยาบาลดูแลพ่อแม่ รสรินเป็นผู้แบกภาระนั้นไว้เงียบ ๆ คนเดียว การขี่มอเตอร์ไซค์ในจังหวัดเล็ก ๆ ย่านชานเมืองที่เธออยู่ การใช้ครีมบำรุงผิวยี่ห้อทั่วไปที่หาซื้อได้ตามซูเปอร์นั้น เป็นวิธีที่รสรินจะสามารถบีบค่าใช้จ่ายให้พอเหมาะกับรายได้ตัวเองที่ยังขยับขยายไปทำงานที่อื่นไม่ได้เนื่องจากยังต้องใช้ทุน
แต่สำหรับสายตาคนนอกแล้ว กลับเข้าใจไปว่า นั่นคือ ความสมถะและประหยัดของเธอ
ทุกคนพากันอมยิ้ม เมื่อเธอยืนยันบอกนนท์ว่า ไม่ต้องขับรถมารับ เธอขับมอเตอร์ไซค์สะดวกกว่า
หลายคน ตีความว่า เธอห่วง กลัวสามีจะเหนื่อย
แต่ใครจะรู้ความจริงว่า เธอห่วงเงินค่าน้ำมันของนนท์มากกว่า เพราะหากวันไหนนนท์เสียพนัน หลายครั้ง
ก็มักจะทำเนียน ๆ มารับเธอแล้วแวะจอดให้เธอเติมน้ำมัน
หลายปีของการพูดคุยผ่านไป หนูกุหลาบ กับคุณติ๊ดตี่ สนิทกันมากพอที่จะแลกเปลี่ยนรูปถ่ายกัน
คุณติ๊ดตี่ ของเธอสุภาพ ผิวพรรณขาวสะอาด หน้าตาดี หน้าที่การงานใหญ่พอที่จะมีรถตราดาวเหมือนสามีเธอเช่นกัน
ต่างกันตรงที่ ของคุณติ๊ดตี่ เป็นรถประจำตำแหน่ง รุ่นล่าสุด และมีคนขับพร้อม
ส่วนรถส่วนตัวของเขา เป็นตราใบพัดขาว-ฟ้า รุ่นล่าสุด เขาเล่าเพียงสั้น ๆ ว่า
“ในแวดวงอาชีพผม ถ้าพอจ่ายได้ เราชอบของเยอรมันทั้งนั้น ”