มีใครเป็นแบบนี้มั้ยคะ..เห็นภาพเวลาคิด..ได้ยินเสียงเวลาอ่าน

เวลาอ่านและเวลาพิมพ์จะได้ยินเสียงตัวเองคะ
แต่มันไม่แค่นั้นพอมันมีเสียงหรือเกิดคำขึ้นมันมีภาพประกอบในหัวให้ด้วย!!

ตอนแรกเราคิดว่าเพราะเราติส ชอบศิลปะชอบจินตนาการ
แต่พอมาถามเพื่อนที่เรียนศิลปะด้วยกัน เพื่อนบอกมันไม่เห็นเป็น
ซึ้งเราเคยสงสัยสิ่งที่ตัวเองเป็นมากขนาดเคยคิดว่าตัวเองเป็นบ้าด้วย!!..
แล้วก็เลยหาข้อมูลจนมาเจออันนึง

>>คนเราเวลาคิด จะมีพฤติกรรมอย่างน้อย 2 แบบ คือคิดแบบเป็นเสียงดังอยู่ภายใน และการคิดแบบเห็นภาพ คนธรรมดา ๆ จะมีพฤติกรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คนที่มี IQ สูงทั้งหลายมักจะเป็นคนประเภทคิดแล้วสามารถเห็นภาพตามไปด้วยพร้อมกัน ทำให้สามารถสร้างภาพต่าง ๆ ขึ้นในใจได้ ตามที่ตนต้องการ มีรายละเอียด สีสัน มิติชัดเจนแทบจะเหมือนของจริง
การสามารถคิดเป็นภาพก็คือ ความสามารถที่จะรับรู้ข้อมูลที่ จิตใต้สำนึกส่งมาให้เราได้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจิตใต้สำนึกของเราคือ genious ตัวจริงภายในตัวมนุษย์ทุกคนจิตใต้สำนึกของเรา ที่จริงก็คือ คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงยอดเยี่ยม
ซึ่งเก็บข้อมูลทุกเรื่องที่ผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ของเราเอาไว้ทั้งหมดไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไรแล้วก็ตาม แต่โดยปรกติเราจะไม่รู้วิธีสื่อสารเพื่อดึงข้อมูลจากจิตใต้สำนึกมาใช้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า จิตใต้สำนึกของเรามักจะสื่อสารกับเรา ตลอดทั้งวัน แต่สื่อสารเป็นภาพ (image) จะเป็นภาพที่ปรากฏในความฝัน หรือภาพที่แว่บเข้ามาในใจชั่วครู่เดียว แต่จะมีเฉพาะคนที่คุ้นเคยกับคิดเป็นภาพ และการเห็นภาพแสงสีเสียงในใจชัดเจนเท่านั้น ที่จะสามารถจับภาพข้อมูลที่จิตใต้สำนึกส่งมาให้เราอยู่ตลอดเวลาได้
ที่มาแบบเต็มๆ:http://www.novabizz.com/NovaAce/Intelligence/Five_Faces_of_Genious.htm

เจอแค่นี้จริงๆ ไม่ได้จะอวยว่าตัวเองอัจฉริยะนะ
บางคนอาจจะสงสัยว่าภาพที่เห็นมาจากไหน?..ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอก
แต่พอเจอบทความบอกว่าจากจิตใต้สำนึก ก็เลยเข้าใจ
ภาพที่ได้มี2แบบนะ คือแบบข้อมูลไม่เจาะจง กับแบบข้อมูลเจาะจง
ถ้าเป็นแบบไม่เจาะจง การรับข้อมูลของอะไรก็ตามที่ไม่ได้ถูกเจาะจงมา
ภาพที่เห็นในหัวจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆแล้วแต่ว่าจะเคยเห็นอะไรแบบไหนมา
เช่น หมาข้างถนน รถบิ๊กไบท์ กระเป๋าแบรนด์ เดสสีแดง
ภาพมันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ต้องทิ้งระยะนะถ้าพูดซ้ำๆเลยมันก็เห็นเหมือนเดิม
ส่วนแบบเจาะจงก็คือชี้เป้าไปเลย
หมาข้างถนนตรง7-11หน้าบ้าน รถบิ๊กไบท์ของพี่ที่กองถ่าย ตัวละครในหนังต่างๆ
แต่ถ้าเป็นข้อมูลเจาะจงที่ไม่เคยเห็นเช่น ไดโนเสาร์พันธุ์อาราปาก้า...ตัวอะไร้?
เห็นเป็นไดโนเสาร์ทีเล็ก..ซึ่งพอได้ยินเราก็จะรู้อยู่แล้วว่าไม่เคยเห็นแต่ในหัวก็ยังส่งภาพมาให้เห็นอีกซึ่งเราก็จะเข้าใจในหัวอีกทีว่าไม่ใช่โว้ยนั้นมันทีเล็ก...
เหนื่อยแทนสมอง...

ระบบจำภาพแล้วคัดภาพมาให้เห็นอัตโนมัตนี่มันทำให้เราดูอะไรที่
โหด สยอง ฆ่ากันเลือดสาส เละเทะ สะเทือนใจ ไม่ค่อยได้เลย
เพราะมันตามหลอกหลอนมาก ปัจจุบันยังไม่ชอบคำว่า ยางรถยนต์
ท่อนซุง บรรไดหนีไฟ และอื่นๆที่ไม่อยากกล่าวถึง เป็นข้อเสียมากๆ
แล้วมันควบคุมไม่ได้ด้วยนะ
ฟังอะไร อ่านอะไรก็เห็นภาพด้วยไปหมด
หมายความว่าเรารับรู้อะไรๆได้แค่ทีละอย่าง
ถ้าฟังเพลงไทยจะอ่านอะไรไม่รู้เรื่องเลย
ต้องใช้สมาธิจดจอการอ่านให้อยู่ในขั้นไม่ได้ยินเสียงรอบตัว(คนชอบอ่านหน้าจะเคยเป็นกันมาบ้างนะอาการจดจ่ออะไรมากๆแล้วจะตัดขาดโลกรอบตัว)
เวลาขับรถต้องงดการชวนคุยเพราะภาพมันมาแล้วเสียสมาธิขับรถ
ที่สำคัญมันทำให้เหม่อง่ายมาก เพราะเป็นคนฟุ้ง คิดบ้าไรไม่รู้ตลอดเวลา
มันก็เลยมีภาพให้สนใจดูในหัวตลอด ก็เหม่อตลอด บางทีเป็นภาพในอดีต
บางทีเป็นจินตนาการถึงอนาคต หรืออะไรที่แบบหลุดโลกบ้าบอคอแตกไปเลย
หลังๆนี่มีปัญหาชีวิตเยอะ จิตตก เวลาพีคมากๆ แบบสับสนมากๆจะหลุดไปเลย
คือจะคิดย้ำๆกับตัวเอง เกิดอะไรขึ้นๆๆๆๆ แล้วผลคือได้ภาพวนซ้ำๆในหัว
เพื่อนบอกว่าเรานิ่งไปเลย ลืมตาแต่มองอะไรก็ไม่รู้ เรียกก็ไม่ได้ยิน...นั้นแหละคะ
คงใกล้จะบ้าจริงๆแล้ว...

แต่ก็มีนะข้อดีหลักๆเลยคือ แค่อ่านก็เหมือนได้ดูหนัง
ยิ่งดูหนังแล้วมาอ่านนะ มาเต็มตัวละคร เสียง ฉาก ภาพครบโคตรอิน
เวลาออกแบบเสื้อผ้า มันมีภาพมาก่อนเลยว่าเป็นยังไง
เวลาออกแบบเสื้อผ้าที่อยากจะทำให้มันซับซ้อน
ระหว่างที่เขียนภาพก็จะนึกภาพตอนทำไปด้วย ถ้าวาดแบบนี้
จะเย็บยังไงต่อตรงไหนผ้าวางยังไง...อะไรที่นึกภาพไม่ออกแปลว่าทำไม่ได้ต้องถามหาคนอธิบายแล้วนึกตาม ก็สะดวกดี
เวลาอ่านสรุปอะไรก็ง่าย มีภาพด้วยมันเลยเข้าใจง่ายขึ้น
อธิบายอะไรก็ง่ายเพราะก็แค่เล่าไปตามภาพ คนอื่นก็เห็นภาพตามได้ง่าย
เวลาตีความคาแร็คเตอร์ในบทละครที่ต้องจัดชุดให้นักแสดงก็ง่าย
เพราะมันมีภาพในหัวแล้วตั้งแต่ตอนที่อ่าน..
ที่ต้องทำก็แค่ถามความต้องการผู้กำกับให้บอกลายละเอียดเพิ่มแค่นั้น

ข้อดีมีเยอะข้อเสียก็มีแยะ ถ้าควบคุมการคิดฟุ้งคิดเพ้อเจ้อของตัวเองไม่ได้
สักวันคงจะสติแตกไม่ก็จิตหลุดเป็นบ้าเป็นคนผิดปกติไปเลย...
มีคนแนะนำให้ไปทำสมาธิ..แต่ผลคือเหมือนเอาปลาในตู้ไปปล่อยในทะเล
ยิ่งว่างเท่าไหร่ความคิดยิ่งเยอะเท่านั้น

มีหนังสือแนวๆศาสนาที่เคยไปยืนอ่านในร้าน(นิสัย!)จำชื่อหนังสือไม่ได้
พอดีไปอ่านเล่นๆตอนรอแม่มันบอกว่ามีอาการนึงเรียกว่า โรคความคิด
อาการประมานว่า การปล่อยให้ความคิดภายใจจิตใต้สำนึก
ดึงความสนใจจากการรับรู้ผ่านทางสัมพัสทั้งห้าของร่ายกายไปทั้งหมด
ฟังแต่ไม่ได้ยิน มองแต่ไม่เห็น ดมแต่ไม่ได้กลิ่น กินแต่ไม่รู้รส โดนตัวแต่ไม่รู้สึก
หนังสือบอกว่าคนเราสามารถคิดได้เร็วกว่าการพูด อ่าน หรือ เขียนหลายเท่า
ใน1นาทีสมองสามารถคิดได้หลายเรื่องคนที่เป็นโรคนี้
คือคนที่สนใจความคิดในหัวมากกว่าความเป็นจริงจนทำให้
ไร้สติ ไม่รู้รับรู้ว่าตัวเองทำอะไร อยู่ที่ไหน...จริงๆหนังสือมีวิธีรักษาด้วย
แต่อ่านไม่ถึงแม่มาก่อน...พอจะกลับไปซื้อก็หาไม่เจอแล้ว...พังพินาศแท้

แต่ๆๆๆๆๆมันก็ยังมีข้อมูลที่ไปเจอมาอีกนะอันนี้แนววิทยาศาสตร์หน่อย
ในสมองของคนเรามีส่วนที่เรียก วงจรมืด เป็นจุดมืดในสมองที่เคยถูกเข้าใจว่า
เป็นส่วนที่ไม่ได้ใช้งานและอยู่ในสภาวะที่เซลไม่มีการเคลื่อนไหว
จนกระทั้งมีการค้นพบความลับของการทำงานอย่างเงียบๆของสมองส่วนนี้
คือเมื่อร่างกายและประสาทสัมพัสทั้งหมดของเราเหมือนจะหยุดทำงาน
หรือก็คือตอนที่เรากำลังใจลอย...

วงจรมืดเป็นเหมือนกับเครื่องไทม์แมชชีนของสมอง ที่จะนำพาเราให้สามารถเดินผ่านกาลเวลาไปในอดีตและอนาคตได้ เป็นความสามารถของสมองของคนเราที่ทำให้สามารถคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ที่เราเคยมีประสบการณ์และเกี่ยวข้องด้วย เช่น ความทรงจำของเราในอดีต
รวมไปถึงการจินตนาการหรือจำรองสถานะการของสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น
เพื่อแก้ปัญหาหรือหาคำตอบให้กับเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน...

สิ่งที่สังเกตเห็นได้จากภายนอกก็คือ อาการใจลอย ไม่ขยับตัว ไม่ได้ยิน ไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง นั้นคืออาการที่บ่งบอกว่าสมองของเขาเหล่านั้นโดยเฉพาะวงจรมืดกำลังทำงานอย่างเต็มที่นั่นเอง

มีคำถามที่ว่า วงจรมืดในสมองนี้ทำงานบ่อยเท่าไร
คำตอบนี้นักวิทยาศาสตร์สมองแนะนำว่า
ก็ต้องดูว่าเราใช้เวลาในการหลุดจากความเป็นปัจจุบันไปมากน้อยเท่าไร
(สั้นๆก็คือเราใช้เวลาไปกับการใจลอยนั้นเท่าไรในแต่ละเหตุการณ์) สิ่งแวดล้อมบางอย่างเช่น เสียงเด็กร้อง เสียงสุนัขเห่า หรือเสียงโทรศัพท์ เหล่านี้จะเป็นตัวดึงเครื่องไทม์แมชชีนให้กลับมาเป็นตัวของตัวเองในแต่ละครั้ง
ที่มาแบบเต็มๆ http://blog.eduzones.com/snowytest/92866

ที่ได้ยินเสียงในหัวและเห็นภาพไปด้วยมันยังมีผลกับอาการอีกอย่าง
เกี่ยวกับวิธีการอ่านแล้วก็สะกดคำของเราด้วย
คือเวลาอ่านอะไรเผลินๆ จะไม่รู้เลยว่ามีคำที่เขียนผิดอยู่ด้วย
เวลาอ่านเราจะฟังเสียงตัวเองไปพร้อมๆกับภาพแล้วผลคือสามารถ
ทำความเข้าใจทั้งประโยคเลยหมายความว่าไม่ได้สะกดไล่ไปทีละคำ
ต่อให้มีตัวอักษรหายหรือพิมพ์ผิดเราก็จะไม่รู้ บางทีอ่านชื่อตัวละครผิดแบบโลกาวินาศชนิดที่ว่าเอาไปคุยกับคนอื่นแล้วเค้างงว่า พูดถึงใครจากเรื่องอะไรวะ?
อย่างเช่นลูปินในแฮรี่ เราอ่านว่า ลูปิ้น เพื่อนถามว่า อะไรปิ้นนะ?
เพราะว่าไม่ได้สะกดแบบจริงจังเวลาเจอคำที่มาจากภาษาอื่นก็จะมโนไปเลย
ระบบการทำงานจะเป็นประมาน
เห็นตัวอักษรเรียงๆกัน>อ่าน>ฟังเสียง>ดูภาพ...จบการทำงาน
ทีนี้พอต้องเป็นคนเขียนเองระบบจะทำงานแบบนี้
คิดคำที่จะเขียน>เสียงดังในหัว>เริ่มเขียน
>เจอคำที่มีเสียงใกล้เคียงเยอะ/ร ล ผ ฝ พ ฟ ส ศ ษ ธ ท ถ ตัวการันต์ มีวรรณยุค>งง>นั่งเทียบเสียงหาตัวอักษร(ลองจินตนาการว่านึกเป็นเสียงพูดเอานะคะ)
จะเขียนคำว่าผองเพื่อน
"ผอผึ้ง ฝอฝา พอพาน ฟอฟัน ผอ ออ งอ ผอง ผอ ผอ โอเค ผองเพื่อน ผอผึ้ง"
คำว่าคะกับค่ะ จะเขียนคำว่า ลบกวนด้วยค่ะ
"น่ะค่ะ ค่ะ นะคะ คะ ลบกวนด้วยค่ะ อ่อค่ะไม้เอก"...
จะเขียนคำว่ารุ้งกินน้ำ
"รุง รุ่ง รุ้ง..รุง รุ่ง รุ้ง รุ๊ง รุ๋ง...เสียงอะไรแน่วะเนี้ย เปิดgoogleพิมพ์ รุงกินน้ำ มันขึ้นรุ้งกินน้ำ ก๊อบ วาง"
คือมันไม่เข้าใจหลักภาษาผสมกับจำไม่ได้เพราะเสียงมันใกล้กันไปหมดมันทำให้งง
ถามว่าแล้วเวลาอ่านละ ก็อ่านไปเลยไม่ได้สนใจอักษรเท่าไหรไง
คือถ้าให้เขียนไปเลยจริงๆจะใช้เป็นคำอ่านทั้งหมดเลย
เมื่อก่อนตอนเด็กๆเป็นงั้นจนตกภาษาไทยแบบน่าสงสาร
จนเริ่มรักการอ่านเลยเริ่มจำคำที่เจอบ่อยๆได้ว่าคำนี้เสียงแบบนี้มันเขียนด้วยตัวอักษรนี้...ลำบากนะเพราะภาษาอังกฤษดันมีปัญหาที่ว่า
อ่านไม่ออก! คำนี้เขียนแบบนี้ อ่านว่าอะไรวะคะ??
ถ้าเริ่มมาก็อ่านให้เป็นเสียงเองไม่ได้ก็จำเสียงไม่ได้ ไม่มีเสียงไม่สามารถเชื่อมโยงความหมาย ไม่มีภาพก็คือตัดจบเลย อารายยยยย? Whatเลนี้~???

หมดและที่อยากเล่า...ให้อ่านอะไรไม่รู้เยอะมาก จะเทค?
"ปอแอดอแปด ทอแอคอ ปอแอ ทอแอ อ่อออ"
จะต้องแทคห้องไหนบ้างเนี้ย...งงๆ

*ขอแทคห้องภาษาไทยด้วยนะคะ เผื่อจะมีคนแนะนำวิธีทำความเข้าใจเรื่องอ่านเขียน ภาษาได้

*ขอแทคห้องหนังสือด้วยนะคะเผื่อจะมีคนรู้ว่าหนังสือที่เราเคยอ่านชื่ออะไรจะได้ไปหาซื้อมาอ่านต่อคะ~

*ข้อมูลที่ได้มาเอาจริงๆก็ไม่รู้ว่าจริงแท้แค่ไหนแค่เจอมาเป็นข้อมูลที่พยายามหามาตอบคำถามให้ตัวเอง เลยเอามาแบ่งปันนะคะถ้าผิดถูกอะไรยังไงชี้แจงได้เลยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่