เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 21/2557 เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา โดย ก.ต. มีมติเห็นชอบให้มีการแก้ไข พ.ร.บ. หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2551 ที่เดิมกำหนดให้ข้าราชการตุลาการในศาลยุติธรรมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งเมื่ออายุครบ 70 ปี โดยปรับลดให้เหลือ 65 ปี แต่หลังจากอายุครบ 65 ปีแล้ว ยังจะสามารถดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสได้จนถึงอายุครบ 70 ปี แต่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวไม่สามารถดำรงตำแหน่งบริหารในศาลได้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410442829
แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรมเปิดเผยว่า หลังจากที่พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสฯ ได้บังคับใช้มาระยะเวลาหนึ่งแล้วเห็นว่า การให้ข้าราชการตุลาการดำรงตำแหน่งบริหารได้ถึงอายุ 70 ปีนั้น เป็นภาระที่หนักเกินไป จึงปรับลดอายุเหลือ 65 ปี ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะส่งร่างแก้ไข พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสฯดังกล่าว ไปให้คณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาต่อไป
ก.ต. มีมติปรับลดอายุผู้พิพากษาในตำแหน่งบริหารเหลือแค่ 65 ปี++++
เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 21/2557 เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา โดย ก.ต. มีมติเห็นชอบให้มีการแก้ไข พ.ร.บ. หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2551 ที่เดิมกำหนดให้ข้าราชการตุลาการในศาลยุติธรรมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งเมื่ออายุครบ 70 ปี โดยปรับลดให้เหลือ 65 ปี แต่หลังจากอายุครบ 65 ปีแล้ว ยังจะสามารถดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสได้จนถึงอายุครบ 70 ปี แต่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวไม่สามารถดำรงตำแหน่งบริหารในศาลได้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410442829
แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรมเปิดเผยว่า หลังจากที่พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสฯ ได้บังคับใช้มาระยะเวลาหนึ่งแล้วเห็นว่า การให้ข้าราชการตุลาการดำรงตำแหน่งบริหารได้ถึงอายุ 70 ปีนั้น เป็นภาระที่หนักเกินไป จึงปรับลดอายุเหลือ 65 ปี ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะส่งร่างแก้ไข พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสฯดังกล่าว ไปให้คณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาต่อไป