กล่าวว่า > ท่ามกลางความขัดแย้งในสังคมไทย ศาลหรือผู้พิพากษากำลังถูกบุคคลกลุ่มหนึ่งข่มขู่ อาฆาตมาดร้าย เพราะพิจารณาพิพากษาคดีมิได้เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ มาฟังความคิดเห็นจากผู้พิพากษาท่านหนึ่งที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตในแวดวงตุลาการ 10 ปีเศษแล้ว
.....ผมเสนอความเห็นนะ
.....ผู้พิพากษาหรือตุลาการเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สอบคัดเลือกเข้าได้ไม่ใช่แค่ได้คนเก่งมาอย่างเดียว ชีวิตหน้าที่การงานก่อนสอบคัดเลือกได้สำคัญกว่าคะแนนสอบมากมายนัก หลังจากนั้นยังต้องใช้เวลาบ่มเพาะในขณะที่เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาเป็นเวลาหลายปีกว่าจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาประจำสำนักศาลยุติธรรม
.....เราไม่ได้มาจากการคัดเลือกด้วยระบบอุปถัมภ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้คำนำหน้านามที่ใครๆเรียกว่า"ท่าน"เพราะโชคช่วยที่มีพ่อหรือพี่ชายคอยสนับสนุน
.....เราไม่เคยก้าวล่วงในการทำงานของกันและกัน ในแวดวงตุลาการนั้น การแทรกแซงการใช้ดุลยพินิจของตุลาการด้วยกันถือเป็นจริยธรรมของตุลาการที่ไม่กระทำกันและถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
.....เราไม่มีระบบบังคับบัญชา ไม่มีนาย ไม่มีบ่าว ไม่มีขี้ข้า เรามีแค่ระบบอาวุโส ที่ทุกภาคส่วนในประเทศนี้ต้องทึ่งและอยากจะทำแบบเรา
.....เรามีแต่อาจารย์กับลูกศิษย์ ไม่มีลูกน้องกับเจ้านาย แต่เราให้ความเป็นธรรมซึ่งกันและกัน ทั้งเคารพความคิดเห็นกัน โดยไม่มีอาวุโส มีแต่ความเคารพ
.....เรามีความเห็นต่างและมีการทำความเห็นแย้งได้ ไม่ว่าเราจะมีอาวุโสต่างกันแค่ไหน
.....เรามีวิธีให้คุณให้โทษกันชนิดที่ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเลยว่า ผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี การแต่งตั้ง โยกย้ายผู้พิพากษาจะกระทำมิได้ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิพากษารายนั้น อันเป็นหลักประกันความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี
.....ดังนั้น ทุกคำสั่ง ทุกคำพิพากษา รวมถึงทุกเหตุผลของคำวินิจฉัยชองศาล จึงกลั่นกรองออกมาจากดุลยพินิจของผู้พิพากษาท่านนั้นๆโดยปราศจากการแทรกแซงของผู้พิพากษาท่านอื่นๆถึงแม้จะมีตำแหน่งหน้าที่หรืออาวุโสที่สูงกว่า
.....ฝ่ายการเมืองคงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีแสงกว่าจะเข้าใจวัฒนธรรมและจารีต รวมทั้งนิติประเพณีของผู้พิพากษา ที่บรรพตุลาการถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นเวลาร้อยสามสิบกว่าปีให้ผู้พิพากษามีความอิสระในการใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดี
.....แล้วทำไมฝ่ายการเมืองจึงยังพยายามสร้างกระแสสังคมให้เข้าใจผิดๆว่าเราก้าวล่วงในการใช้อำนาจอธิปไตยของฝ่ายอื่นที่มาจากการเลือกตั้ง
.....เพราะแม้แต่ผู้พิพากษาด้วยกันเองยังแทรกแซงการใช้ดุลยพินิจในคำวินิจฉัยของกันและกันไม่ได้เลย
.....นายนีติพัทธ์ สมศรี ผู้พิพากษารองหัวหน้าศาลจังหวัดยะลา
.....บ้านพักศาลจังหวัดยะลา.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ท่าน นีติพัทธ์ สมศรี
ขอเพิ่มเติมครับจาก ประสบการณ์ จขกท
เมื่อสมัยที่ผมเรียนอยู่นั้นผมได้รับการอบรม สั่งสอนจากผู้พิพากษามาหลายท่าน
โดยแต่ละท่านก็เล่าให้ฟังถึงการ ใช้ชีวิตของการเป็นผู้พิพากษา
มีผู้พิพากษาท่านหนึ่ง
เคยถามผมว่า ทำไมถึงเรียน กฏหมาย ผมไม่ทันตอบหรอกครับ
อาจารย์ ท่านก็พูด เหมือนรู้ว่าผมต้องการอะไร ท่านบอกว่า
" คุณรู้ใช่มั๊ย การเป็นผู้พิพากษา น่ะนอกจากคุณจะต้องเรียน เก่ง คุณต้องเป็นคนดีด้วย
ผมอยู่ใน วงการศาลมานาน ผมเห็นมาก็เยอะว่า ทำไมศาลจะต้องเป็นคนดี เพราะ
พวกคุณต้อง อดทนต่อสิ่งยั่วยุ ทั้งสิ้น ทั้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะในศาลมีแต่ผู้อยากจะชนะ
และพวกเขาก็คิดว่า การให้สิ่งเหล่านี้กับ คุณ จะทำให้พวกเขาชนะคดีได้
แต่แปลกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีผลต่อ เหล่าผู้พิพากษาทั้งสิ้น เพราะอะไรรู้มั๊ย
คุณเรียนมากว่าจะได้เป็นผู้พิพากษา ประจำศาลยุติธรรม คุณ ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น
เกือบสิบปี มากกว่าที่ หมอ เรียนจนเป็นผู้เชี่ยวชาญ ซะอีกหากคุณ มีความอดทนไม่มากพอ
คุณไม่ทางที่จะมาถึงจุดนี้ได้แน่ ในระหว่างนั้นประวัติคุณต้องขาวสะอาดเพราะ คุณจะถูกตรวจประวัติแบบละเอียดชนิดที่ไม่เคยมาก่อน
แบบที่เรียกว่า หากพ่อแม่คุณ ทำธุรกิจแล้วครอบครัวคุณจะได้ ผลประโยชน์จากอาชีพของคุณเขาก็ไม่ให้คุณเป็นแล้ว
คุณลอง มีคดีขึ้นศาลแล้วถูกตัดสินว่ากระทำความผิด ติดตัวมาแม้ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็อย่าได้หวังเรียกว่า
คุณต้อง บำเพ็ญตนเป็นฤษี เลยก็ว่าได้
คุณเห็นมั๊ยว่า คุณต้องอดทนแค่ไหนสุดท้ายคุณไม่เอาเวลาทั้งหมดที่คุณทุ่มเท
ไปกับการเรียนการบำเพ็ญตน มาแลก กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ แน่นอน
แต่ถ้ามีพวกนี้จริงซึ่งก็น้อยมากตลอดการทำงานของผม
ที่ผมเคยเห็นก็หมดอนาคต กลายเป็นคนไร้ค่าแม้แต่ สเหมียนทนายความเขาก็ไม่รับคนพวกนี้
เพราะในวงการยุติธรรมคนไหนดีร้ายอย่างไรเขารู้กันหมด
อีกเรื่อง คือ เขาจะใช้งานคุณ ยิ่งกว่าเงินที่คุณได้ กลับบ้านคุณก็ต้องทำงาน เสาร์ อาทิตย์คุณก็ต้องทำงาน
กินเที่ยว สังสรรค์แบบคนทั่วไปอย่าได้หวังไม่ใช่คุณเป็นเทวดา แต่มันเป็นสิ่งที่ถ้าคุณไม่ทำก็จะได้มีใครมาติเตียนคุณได้
แม้ กฏหมายจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้ พวกศาลทำไม่ผิด
แต่ เรามีประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ที่พวกศาลยึดถือลองคุณทำอะไรที่ขัดกับสิ่งนี้สิ
อนาคตที่คุณ บำเพ็ญ มาจะหายไปต่อหน้าทันที"
ขอบคุณที่เสียสละเวลาที่มีค่าของท่าน ครับ
เพิ่มเติมนะครับ ผมนำสิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้ และ ผมได้สัมผัสมาเล่าให้ท่านฟังก็เป็นวิจารณาญาณ ของแต่ละท่าน
ที่จะเชื่อหรือไม่ ข้างนอกห้องราชดำเนินที่ผมรู้จักมีแต่คนถามว่า
ในห้องพิจารณาคดีเป็นยังไงเหมือนในหนังหรือเปล่า น่ากลัวหรือเปล่า แล้วทำไมต้องอย่างนั้นอย่างนี้เชื่อว่าหลายคนที่ถาม
ไม่อยากขึ้นศาลแต่อยากรู้เลยเล่าให้ฟัง จากประสบการณ์ตรง แค่นั้นครับ ผมไม่ได้เป็นศาลครับ
ความเห็นของ ผู้พากษา ต่อกรณีมีบุคลหรือกลุ่มบุคล ข่มขู่ อาฆารมาดร้าย ต่อศาลหรือผู้พากษา
.....ผมเสนอความเห็นนะ
.....ผู้พิพากษาหรือตุลาการเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สอบคัดเลือกเข้าได้ไม่ใช่แค่ได้คนเก่งมาอย่างเดียว ชีวิตหน้าที่การงานก่อนสอบคัดเลือกได้สำคัญกว่าคะแนนสอบมากมายนัก หลังจากนั้นยังต้องใช้เวลาบ่มเพาะในขณะที่เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาเป็นเวลาหลายปีกว่าจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาประจำสำนักศาลยุติธรรม
.....เราไม่ได้มาจากการคัดเลือกด้วยระบบอุปถัมภ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้คำนำหน้านามที่ใครๆเรียกว่า"ท่าน"เพราะโชคช่วยที่มีพ่อหรือพี่ชายคอยสนับสนุน
.....เราไม่เคยก้าวล่วงในการทำงานของกันและกัน ในแวดวงตุลาการนั้น การแทรกแซงการใช้ดุลยพินิจของตุลาการด้วยกันถือเป็นจริยธรรมของตุลาการที่ไม่กระทำกันและถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
.....เราไม่มีระบบบังคับบัญชา ไม่มีนาย ไม่มีบ่าว ไม่มีขี้ข้า เรามีแค่ระบบอาวุโส ที่ทุกภาคส่วนในประเทศนี้ต้องทึ่งและอยากจะทำแบบเรา
.....เรามีแต่อาจารย์กับลูกศิษย์ ไม่มีลูกน้องกับเจ้านาย แต่เราให้ความเป็นธรรมซึ่งกันและกัน ทั้งเคารพความคิดเห็นกัน โดยไม่มีอาวุโส มีแต่ความเคารพ
.....เรามีความเห็นต่างและมีการทำความเห็นแย้งได้ ไม่ว่าเราจะมีอาวุโสต่างกันแค่ไหน
.....เรามีวิธีให้คุณให้โทษกันชนิดที่ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเลยว่า ผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี การแต่งตั้ง โยกย้ายผู้พิพากษาจะกระทำมิได้ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิพากษารายนั้น อันเป็นหลักประกันความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี
.....ดังนั้น ทุกคำสั่ง ทุกคำพิพากษา รวมถึงทุกเหตุผลของคำวินิจฉัยชองศาล จึงกลั่นกรองออกมาจากดุลยพินิจของผู้พิพากษาท่านนั้นๆโดยปราศจากการแทรกแซงของผู้พิพากษาท่านอื่นๆถึงแม้จะมีตำแหน่งหน้าที่หรืออาวุโสที่สูงกว่า
.....ฝ่ายการเมืองคงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีแสงกว่าจะเข้าใจวัฒนธรรมและจารีต รวมทั้งนิติประเพณีของผู้พิพากษา ที่บรรพตุลาการถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นเวลาร้อยสามสิบกว่าปีให้ผู้พิพากษามีความอิสระในการใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดี
.....แล้วทำไมฝ่ายการเมืองจึงยังพยายามสร้างกระแสสังคมให้เข้าใจผิดๆว่าเราก้าวล่วงในการใช้อำนาจอธิปไตยของฝ่ายอื่นที่มาจากการเลือกตั้ง
.....เพราะแม้แต่ผู้พิพากษาด้วยกันเองยังแทรกแซงการใช้ดุลยพินิจในคำวินิจฉัยของกันและกันไม่ได้เลย
.....นายนีติพัทธ์ สมศรี ผู้พิพากษารองหัวหน้าศาลจังหวัดยะลา
.....บ้านพักศาลจังหวัดยะลา.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ท่าน นีติพัทธ์ สมศรี
ขอเพิ่มเติมครับจาก ประสบการณ์ จขกท
เมื่อสมัยที่ผมเรียนอยู่นั้นผมได้รับการอบรม สั่งสอนจากผู้พิพากษามาหลายท่าน
โดยแต่ละท่านก็เล่าให้ฟังถึงการ ใช้ชีวิตของการเป็นผู้พิพากษา
มีผู้พิพากษาท่านหนึ่ง
เคยถามผมว่า ทำไมถึงเรียน กฏหมาย ผมไม่ทันตอบหรอกครับ
อาจารย์ ท่านก็พูด เหมือนรู้ว่าผมต้องการอะไร ท่านบอกว่า
" คุณรู้ใช่มั๊ย การเป็นผู้พิพากษา น่ะนอกจากคุณจะต้องเรียน เก่ง คุณต้องเป็นคนดีด้วย
ผมอยู่ใน วงการศาลมานาน ผมเห็นมาก็เยอะว่า ทำไมศาลจะต้องเป็นคนดี เพราะ
พวกคุณต้อง อดทนต่อสิ่งยั่วยุ ทั้งสิ้น ทั้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะในศาลมีแต่ผู้อยากจะชนะ
และพวกเขาก็คิดว่า การให้สิ่งเหล่านี้กับ คุณ จะทำให้พวกเขาชนะคดีได้
แต่แปลกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีผลต่อ เหล่าผู้พิพากษาทั้งสิ้น เพราะอะไรรู้มั๊ย
คุณเรียนมากว่าจะได้เป็นผู้พิพากษา ประจำศาลยุติธรรม คุณ ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น
เกือบสิบปี มากกว่าที่ หมอ เรียนจนเป็นผู้เชี่ยวชาญ ซะอีกหากคุณ มีความอดทนไม่มากพอ
คุณไม่ทางที่จะมาถึงจุดนี้ได้แน่ ในระหว่างนั้นประวัติคุณต้องขาวสะอาดเพราะ คุณจะถูกตรวจประวัติแบบละเอียดชนิดที่ไม่เคยมาก่อน
แบบที่เรียกว่า หากพ่อแม่คุณ ทำธุรกิจแล้วครอบครัวคุณจะได้ ผลประโยชน์จากอาชีพของคุณเขาก็ไม่ให้คุณเป็นแล้ว
คุณลอง มีคดีขึ้นศาลแล้วถูกตัดสินว่ากระทำความผิด ติดตัวมาแม้ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็อย่าได้หวังเรียกว่า
คุณต้อง บำเพ็ญตนเป็นฤษี เลยก็ว่าได้
คุณเห็นมั๊ยว่า คุณต้องอดทนแค่ไหนสุดท้ายคุณไม่เอาเวลาทั้งหมดที่คุณทุ่มเท
ไปกับการเรียนการบำเพ็ญตน มาแลก กับ ลาภ ยศ สรรเสริญ แน่นอน
แต่ถ้ามีพวกนี้จริงซึ่งก็น้อยมากตลอดการทำงานของผม
ที่ผมเคยเห็นก็หมดอนาคต กลายเป็นคนไร้ค่าแม้แต่ สเหมียนทนายความเขาก็ไม่รับคนพวกนี้
เพราะในวงการยุติธรรมคนไหนดีร้ายอย่างไรเขารู้กันหมด
อีกเรื่อง คือ เขาจะใช้งานคุณ ยิ่งกว่าเงินที่คุณได้ กลับบ้านคุณก็ต้องทำงาน เสาร์ อาทิตย์คุณก็ต้องทำงาน
กินเที่ยว สังสรรค์แบบคนทั่วไปอย่าได้หวังไม่ใช่คุณเป็นเทวดา แต่มันเป็นสิ่งที่ถ้าคุณไม่ทำก็จะได้มีใครมาติเตียนคุณได้
แม้ กฏหมายจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้ พวกศาลทำไม่ผิด
แต่ เรามีประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ที่พวกศาลยึดถือลองคุณทำอะไรที่ขัดกับสิ่งนี้สิ
อนาคตที่คุณ บำเพ็ญ มาจะหายไปต่อหน้าทันที"
ขอบคุณที่เสียสละเวลาที่มีค่าของท่าน ครับ
เพิ่มเติมนะครับ ผมนำสิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้ และ ผมได้สัมผัสมาเล่าให้ท่านฟังก็เป็นวิจารณาญาณ ของแต่ละท่าน
ที่จะเชื่อหรือไม่ ข้างนอกห้องราชดำเนินที่ผมรู้จักมีแต่คนถามว่า
ในห้องพิจารณาคดีเป็นยังไงเหมือนในหนังหรือเปล่า น่ากลัวหรือเปล่า แล้วทำไมต้องอย่างนั้นอย่างนี้เชื่อว่าหลายคนที่ถาม
ไม่อยากขึ้นศาลแต่อยากรู้เลยเล่าให้ฟัง จากประสบการณ์ตรง แค่นั้นครับ ผมไม่ได้เป็นศาลครับ