โดยสถาบันเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ “หัวจง” ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารสเปิร์ม ตกลงจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวนักศึกษาแพทย์หนุ่มวัย 35 ปี นามสกุล“เจิ้ง” ที่บริจาคสเปิร์มจนเสียชีวิตในเดือนก.พ.ปี 2554 เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 190,000 หยวน (988,000 บาท)
ซึ่งนายเจิ้งได้บริจาคสเปิร์มเป็นจำนวน 4 ครั้ง ในรอบ 11 วัน และขณะเมื่อเขากำลังบริจาคเป็นครั้งที่ 5 เจ้าหน้าที่เห็นว่า นายเจิ้งหายไปนานเกินไปจึงไปตามในห้องบริจาค และพบว่า เขานอนหมดสติ และเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามก่อนการบริจาคเขาได้รับการตรวจสุขภาพว่าสมบูรณ์แข็งแรงเป็นที่เรียบร้อย ให้เขาสามารถบริจาคสเปิร์มได้ โดยทางมหาวิทยาลัยเองสนับสนุนให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการบริจาคดังกล่าว
หลังจากนายเจิ้งเสียชีวิตพ่อของผู้ตายจึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมูลค่า 4 ล้านหยวน (20.8 ล้านบาท) แต่ศาลประชาชนกลางตัดสินให้นายเจิ้งเป็นผู้รับผิดชอบกับการกระทำของตนเองอย่างไรก็ตาม ศพของนายเจิ้งยังไม่ทันได้รับการชันสูตรก็ถูกจัดพิธีศพเผาร่างตามพิธีกรรมทางศาสนาเสียก่อน ด้วยความเห็นชอบของครอบครัวของเขาเอง
และก่อนหน้านี้ ทางมหาวิทยาลัยเคยจ่ายเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวของหนุ่มรายนี้ไปแล้ว 88,000 หยวน (457,600 บาท)รวมทั้งลดค่าเทอมให้กับภรรยาของเขาซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์เรียนอยู่ที่เดียวกันอีกด้วย
MThai News
ตายคาที่! หนุ่มจีนบริจาคสเปิร์ม 5 รอบ ใน 11วัน
ซึ่งนายเจิ้งได้บริจาคสเปิร์มเป็นจำนวน 4 ครั้ง ในรอบ 11 วัน และขณะเมื่อเขากำลังบริจาคเป็นครั้งที่ 5 เจ้าหน้าที่เห็นว่า นายเจิ้งหายไปนานเกินไปจึงไปตามในห้องบริจาค และพบว่า เขานอนหมดสติ และเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามก่อนการบริจาคเขาได้รับการตรวจสุขภาพว่าสมบูรณ์แข็งแรงเป็นที่เรียบร้อย ให้เขาสามารถบริจาคสเปิร์มได้ โดยทางมหาวิทยาลัยเองสนับสนุนให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการบริจาคดังกล่าว
หลังจากนายเจิ้งเสียชีวิตพ่อของผู้ตายจึงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมูลค่า 4 ล้านหยวน (20.8 ล้านบาท) แต่ศาลประชาชนกลางตัดสินให้นายเจิ้งเป็นผู้รับผิดชอบกับการกระทำของตนเองอย่างไรก็ตาม ศพของนายเจิ้งยังไม่ทันได้รับการชันสูตรก็ถูกจัดพิธีศพเผาร่างตามพิธีกรรมทางศาสนาเสียก่อน ด้วยความเห็นชอบของครอบครัวของเขาเอง
และก่อนหน้านี้ ทางมหาวิทยาลัยเคยจ่ายเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวของหนุ่มรายนี้ไปแล้ว 88,000 หยวน (457,600 บาท)รวมทั้งลดค่าเทอมให้กับภรรยาของเขาซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์เรียนอยู่ที่เดียวกันอีกด้วย
MThai News