ครั้งแรกกับการขอวีซ่าเชงเก้น เพื่อเยี่ยมเพื่อนที่อยู่เยอรมันประมาณ 15 วัน หลังจากที่อ่านเกือบทุกเว็บ เกือบทุกกระทู้ แต่ก็ยังงงๆ หมุนซ้าย หมุนขวา เหมือนเดิม ตอนไปสถานทูตเลยมาแชร์สักหน่อย เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะไปทำวีซ่า (Status : กำลังรอลุ้นว่าจะได้หรือไม่ได้ รู้สึกเหมือนไม่ได้ยังไงไม่รู้ T_T)
*** การโทรไปนัดยื่นเอกสาร
1900 222 343 (ค่าบริการนาทีละ 9 บาท)
วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
เตรียมบอกเจ้าหน้าที่
- ชื่อตัวเองภาษาอังกฤษ
- เลขหนังสือเดินทาง
- เบอร์โทรศัพท์
เจ้าหน้าที่จะถามว่าได้คิวประมาณวันไหน เดินทางประมาณเมื่อไหร่ สะดวกจด code หรือรับ sms ไหม...
sms :
Ms. ABC DEFG
Date xx/xx/xxx Time xx:xx
Code : Wxx-xx-xx-xxxx-xxxx
/German call center 1900 222 343
เราได้รับคิววันที่ 10 กันยายน เวลา 7.30 น.
***การเตรียมเอกสาร (ที่เราเตรียมไป)
บอกตามลำดับที่ทางสถานทูตให้จัดเรียงเอกสารเลย
1. สำเนาหนังสือเดินทางหน้าแรกและทุกหน้าที่มีตราประทับ
2. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าเชงเกนที่กรอกข้อความครบถ้วน 1 ฉบับ โดยกรอกออนไลน์ พิมพ์ออกมาจะได้ทั้งหมด 7 หน้า ติดรูปให้เรียบร้อย กรอกสถานที่, วันที่ และเซ็นชื่อประมาณ 3 ตำแหน่ง ข้างในสถานทูตมีตัวอย่างให้ดูคะ + รูปอีกหนึ่งใบเขียนหมายเลขหนังสือเดินทางพร้อมชื่อ
3. สำเนาหนังสือจากผู้เชิญในเยอรมันนีที่รับรองค่าใช้จ่ายอย่างเป็นทางการ และสำเนาหนังสือเดินทางของผู้เชิญ
4. หลักฐานอื่นๆ
4.1 หลักฐานด้านอาชีพการงาน
- หนังสือรับรองการทำงานตัวจริง
- สำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สำเนาตั๋วเครื่องบินและโรงแรม (อันนี้ยื่นเพื่อบอกถึงภาระผูกพันว่าต้องกลับมาเมืองไทย เพื่อบินไปบริษัทแม่ช่วงสิ้นเดือนของอีกเดือนนึง ซึ่งตั๋วถูกซื้อและจองโรงแรมแล้ว)
ตัวอย่างข้อความหนังสือรับรองการทำงานที่บริษัทเราออกให้ (อันนี้เผื่อใครไม่มีไอเดียเรื่องจดหมายรับรองการทำงาน)
Dear Sir/Madam
LETTER OF CERTIFICATION
This is to confirm that Miss _
ชื่อ-นามสกุล ตามหนังสือเดินทาง_ of Passport No: _
หมายเลขหนังสือเดินทาง_ is an employee of _
ชื่อบริษัทคุณ_ for the past _
จำนวนปี_ year _
จำนวนเดือน_ month, since _
วันที่ตั้งแต่เริ่มทำงาน_. She holds the position of _
ตำแหน่งปัจจุบัน_ and her monthly income is THB _
เงินเดือนปัจจุบัน_.
She will be on holiday visiting Europe and her paid leave period approved is from _
วันที่เริ่มลางาน_ to _
วันสิ้นสุดการลางาน_ 2014.
Should you need further clarifications, please do not hesitate to contact me at DID: (66) _
เบอร์โทรศัพท์บริษัท_.
Yours faithfully
_
ชื่อบริษัทของคุณ_
...................................................
ชื่อ Office Manager/ HR
Office Manager
4.2 หลักฐานทางการเงิน : รายการเดินบัญชี 6 เดือนย้อนหลัง และหนังสือรับรองเงินในบัญชี (มีเผื่อเอาไว้ แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะดูรายการความเคลื่อนไหวของเงินเดือนมากกว่า ซึ่งจะระบุแค่เรามีเงินกี่หลัก อยู่ในระดับต่ำ กลาง สูง โดยของเรามีแค่หลักหมื่น (5 หลัก) ก็จะอยู่ในระดับต่ำ)
4.3 หลักฐานภาระผูกพันส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาสูติบัตร
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อเรา
5. หลักฐานประกันสุขภาพและอุบัตติเหตุ
(ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับยี่ห้อนี้นะคะ)
เราซื้อผ่านทางเว็บไซต์กับ Thaivivat :
http://www.thaivivat.co.th/en/index.php พอจ่ายเงินเรียบร้อย ทางประกันก็จะส่ง Email มาให้ ก็พิมพ์ออกมาคะ
- เหตุผลเนื่องจากมีบริการออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนได้ หากเกิดอุบัติเหตุหรือป่วยระหว่างเดินทางหรืออยู่ที่นั้น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลทางที่โน่นน่าจะค่อนข้างแพงมาก ก็น่าจะดีหากหลีกเลี่ยงการใช้เงินตัวเอง -.-
- แต่ว่าประการนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ก็คือจะต้องโทรติดต่อก่อน 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ทางประกันดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตอนที่ซื้อผ่านเว็บไซต์ก็จะได้เอกสาร ด้านล่างจะมีเบอร์และรายละเอียดให้เราพกไป ใครสะดวกจ่ายก่อนก็ทำเรื่องเคลมได้ปกติหลังกลับคะ
***การเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องของเอกสาร
อันนี้หาจากเว็บต่างๆ ก็ไม่ค่อยมีแน่ชัด แต่โดยที่ได้ขอมูลมา จะประมาณนี้นะคะ
- เซ็นเป็นภาษาไทยปกติ
รับรองสำเนาถูกต้อง
ลายเซ็นแบบเดียวกับในหนังสือเดินทาง
ชื่อ-นามสกุลเต็ม
ใช้สำหรับการทำวีซ่าเชงเก้นเท่านั้น (ถ้าใครขยันเขียนเพิ่มหรือกังวลเรื่องเอกสารส่วนตัว)
- เซ็นเป็นภาษาอังกฤษ (* เราเซ็นแบบนี้คะ)
Certified True Copy
ลายเซ็นแบบเดียวกับในหนังสือเดินทาง
ชื่อ-นามสกุลภาษาอังกฤษตามหนังสือเดินทาง
For visa application only. (ถ้าใครขยันเขียนเพิ่มหรือกังวลเรื่องเอกสารส่วนตัว)
*** ทุกเอกสารควรมีสำเนาทั้งหมด และสำเนาต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องให้เรียบร้อยคะ
- รายละเอียดด้านบนเราก็เตรียมไปตามลำดับคะ ถ้าอันไหนไม่เขียนว่าสำเนาก็คือใช้ต้นฉบับเลย
เมื่อเวลานั้นมาถึง
- ตื่นตั้งแต่ ตี 5 อาบน้ำแต่งตัว พร้อมแล้วเดินทางด้วย MRT เที่ยวแรกเวลา 6.06 น. ไปยังสถานี "ลุมพินี"
- ถึงสถานีลุมพินี ให้ออกทาง "ประตู 2" ออกมาแล้ว "เลี้ยวซ้าย" เดินตรงไปเรื่อยๆ สักพัก ก็จะเห็นสถานทูตเยอรมันซ้ายมือ ติดถนนใหญ่เลย (จะสังเกตได้ว่ามีคนมายืนก่อนหน้าเราบ้างแล้ว)
- เราไปถึงประมาณ 6.30 น. ก็ไปเห็นมีกลุ่มคนยืนอยู่ก่อนแล้ว ก็หันซ้าย หันขวาแบบบ้านนอกเข้ากรุง >_< ค่อยมองๆ สักพักยามก็ประกาศให้เข้าแถว ด้วยความจดจ้องอยู่แล้วก็เดินไปต่อแถวอย่างรวดเร็วเป็นคนที่ 4
(** ข้อแนะนำ : ยืนช่วงก่อนถึงประตูที่มีป้ายแปะรายละเอียดการทำวีซ่า คิดว่าเค้าน่าจะต่อแถวจุดนั้นทุกเช้า ซึ่งนั้นก็คือหน้าประตูทางเข้า ถ้าใครไม่เคยขอวีซ่าหรือสังเกตจะคิดว่าเป็นผนัง "เราคนนึงนี่แหละ")
- ยืนรอรอแบบเมื่อย ท้องร้อง ตื่นเต้น ตื่นตระหนก วิตกจริตไป 30 นาที ก็เช็คเอกสารทุกอย่างอีกรอบ ข้อมูลอะไรที่ต้องใช้ที่อยู่ในโทรศัพท์ก็ต้องจดออกมาให้หมด เค้าไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ ก่อน 7.00 น. (ปิดเครื่องโทรศัพท์ ย้ำปิดเครื่องเท่านั้น ปิดแค่เสียงไม่ได้คะ)
- 7.00 น. ประตูเปิดออก เข้าไปเลี้ยวขวาก็จะเจอ
--- ด่านแรก เป็นด่านที่ตรวจกระเป๋าทั้งหมดของเรา และตรวจเช็คโทรศัพท์ว่าปิดเครื่องหรือไม่ แล้วแยกกระเป๋า และโทรศัพท์ ร่ม
--- ด่านสอง เราจะต้องฝากโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะให้เบอร์เป็นแผ่นเหล็กกลมๆ มีตัวเลยและตราของสถานทูตเยอรมัน ส่วนร่มมีตะกร้าแยกไว้ให้ใส่
--- ด่านสาม ด่านนี้ดีนะรู้ตัวทัน เนื่องจากเข้าเป็นคนแรกๆในนั้น ก็พอเข้าไปก็มองโน่นนี่ ไม่ได้มีป้ายมีอะไรบอกหรือแนะนำ ก็เดินพุ่งๆ ไปมีเก้าอี้ตั้งเป็นแถวๆ (เอาอีกแระ มองซ้ายมองขวาเป็นบ้านนอกเข้ากรุง T_T) ยังไม่ถึงเวลานัดก็เลยมองคนโน่น คนนี้ดูดิเค้าทำอะไร เค้ามีอะไรที่เราไม่มีไหม แล้วก็ไปชะเง้อเอกสารตัวอย่างที่เค้าติดไว้ ป๊าดดด!!! ไม่ได้เซ็นชื่อที่นึง! อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ว่า ***
จะมีจุดที่ต้องลงสถานที่ วันที่ และเซ็นชื่อแบบในหนังสือเดินทาง 3 ที่ ระวังนะคะ ก็ไปนั่งเซ็นๆ เหลือบไปเห็น เอ๊ะ! ทำไมเราไม่มีใบแบบนั้น "มันคืออัลไล" ก็เลยถามเค้า เค้าก็บอกว่า "นำ Code ตอนที่โทรนัด ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าคะ เค้าจะให้กระดาษแผ่นนี้มา"
... หลังจากที่พลาดด่านนี้ ให้ทุกคนกลับไป ณ ด่านที่ 2 ยังไม่ต้องสร้าง Lanกmark ณ จุดนี้ -.- พอเราฝากโทรศัพท์มือถือเสร็จ วนขวาเพื่อเข้าสู่ด่านที่สาม เราจะเห็นเคาน์เตอร์ตรงหน้าสองจุด ซึ่งจะซุ่มเงียบเหมือนไม่มีใคร ***นั่นแหละ ที่เราพลาดไปตอนแรก! มองไปตรงหน้าเคาน์เตอร์ขวามือ เดินเข้าไปชะโงกแล้วโชว์ Code ที่เจ้าหน้าที่ให้มาตอนที่โทรนัด แล้วเค้าจะเขียนใบสีขาวขนาดเท่านามบัตรมาให้ เขียนเลข สองชุดมาให้เราในนั้น จากนั้นเราก็นำมาเขียนชื่อตรงที่เค้ากากบาทไว้ เคนะ!
...ก้าวเข้าสู่ด่านต่อไป หน้าห้องใหญ่เพื่อเข้าไปทำวีซ่า จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำหรือตอบคำถามโน่นนี่ ก็นำใบสีขาวไปให้เค้า เค้าก็จะวงเลขชุดนึง แล้วบอกมาไปที่ช่องไหนตามใบสีขาว เราถูกเข้าห้องเย็น 11 คะ ด้านในสุด
ในห้องใหญ่นั้นมีทั้งหมด 13 ห้องย่อยเล็กๆ
--- ด่านสี่ เดินเข้าไปให้ห้องหมายเลข 11 เข้าไปในห้องแล้ว นำใบสีขาวเล็กๆ ที่ได้จากด่านที่สาม ที่มีเลขช่องที่เราต้องสัมภาษณ์ (ของเราช่อง 11) และชื่อของเรา (
** ใส่แค่ใบสีขาวนะคะ หนังสือเดินทางไม่ต้อง) ตอนเราไปมีคนใส่หนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่แอบโวยวาย... พอใส่ลงช่องเสร็จก็นั่งรอเรียกชื่อเข้าห้องเย็น
... โปรดติดตามตอนต่อไป ... ไปทำงานแพ๊พคะ
การขอวีซ่าเชงเก้น (เยี่ยมเยือน) ณ สถานทูตเยอรมัน (ละเอียดตั้งแต่ก้าวแรก!)
*** การโทรไปนัดยื่นเอกสาร
1900 222 343 (ค่าบริการนาทีละ 9 บาท)
วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
เตรียมบอกเจ้าหน้าที่
- ชื่อตัวเองภาษาอังกฤษ
- เลขหนังสือเดินทาง
- เบอร์โทรศัพท์
เจ้าหน้าที่จะถามว่าได้คิวประมาณวันไหน เดินทางประมาณเมื่อไหร่ สะดวกจด code หรือรับ sms ไหม...
sms :
Ms. ABC DEFG
Date xx/xx/xxx Time xx:xx
Code : Wxx-xx-xx-xxxx-xxxx
/German call center 1900 222 343
เราได้รับคิววันที่ 10 กันยายน เวลา 7.30 น.
***การเตรียมเอกสาร (ที่เราเตรียมไป)
บอกตามลำดับที่ทางสถานทูตให้จัดเรียงเอกสารเลย
1. สำเนาหนังสือเดินทางหน้าแรกและทุกหน้าที่มีตราประทับ
2. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าเชงเกนที่กรอกข้อความครบถ้วน 1 ฉบับ โดยกรอกออนไลน์ พิมพ์ออกมาจะได้ทั้งหมด 7 หน้า ติดรูปให้เรียบร้อย กรอกสถานที่, วันที่ และเซ็นชื่อประมาณ 3 ตำแหน่ง ข้างในสถานทูตมีตัวอย่างให้ดูคะ + รูปอีกหนึ่งใบเขียนหมายเลขหนังสือเดินทางพร้อมชื่อ
3. สำเนาหนังสือจากผู้เชิญในเยอรมันนีที่รับรองค่าใช้จ่ายอย่างเป็นทางการ และสำเนาหนังสือเดินทางของผู้เชิญ
4. หลักฐานอื่นๆ
4.1 หลักฐานด้านอาชีพการงาน
- หนังสือรับรองการทำงานตัวจริง
- สำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สำเนาตั๋วเครื่องบินและโรงแรม (อันนี้ยื่นเพื่อบอกถึงภาระผูกพันว่าต้องกลับมาเมืองไทย เพื่อบินไปบริษัทแม่ช่วงสิ้นเดือนของอีกเดือนนึง ซึ่งตั๋วถูกซื้อและจองโรงแรมแล้ว)
ตัวอย่างข้อความหนังสือรับรองการทำงานที่บริษัทเราออกให้ (อันนี้เผื่อใครไม่มีไอเดียเรื่องจดหมายรับรองการทำงาน)
Dear Sir/Madam
LETTER OF CERTIFICATION
This is to confirm that Miss _ชื่อ-นามสกุล ตามหนังสือเดินทาง_ of Passport No: _หมายเลขหนังสือเดินทาง_ is an employee of _ชื่อบริษัทคุณ_ for the past _จำนวนปี_ year _จำนวนเดือน_ month, since _วันที่ตั้งแต่เริ่มทำงาน_. She holds the position of _ตำแหน่งปัจจุบัน_ and her monthly income is THB _เงินเดือนปัจจุบัน_.
She will be on holiday visiting Europe and her paid leave period approved is from _วันที่เริ่มลางาน_ to _วันสิ้นสุดการลางาน_ 2014.
Should you need further clarifications, please do not hesitate to contact me at DID: (66) _เบอร์โทรศัพท์บริษัท_.
Yours faithfully
_ชื่อบริษัทของคุณ_
...................................................
ชื่อ Office Manager/ HR
Office Manager
4.2 หลักฐานทางการเงิน : รายการเดินบัญชี 6 เดือนย้อนหลัง และหนังสือรับรองเงินในบัญชี (มีเผื่อเอาไว้ แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะดูรายการความเคลื่อนไหวของเงินเดือนมากกว่า ซึ่งจะระบุแค่เรามีเงินกี่หลัก อยู่ในระดับต่ำ กลาง สูง โดยของเรามีแค่หลักหมื่น (5 หลัก) ก็จะอยู่ในระดับต่ำ)
4.3 หลักฐานภาระผูกพันส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาสูติบัตร
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อเรา
5. หลักฐานประกันสุขภาพและอุบัตติเหตุ
(ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับยี่ห้อนี้นะคะ)
เราซื้อผ่านทางเว็บไซต์กับ Thaivivat : http://www.thaivivat.co.th/en/index.php พอจ่ายเงินเรียบร้อย ทางประกันก็จะส่ง Email มาให้ ก็พิมพ์ออกมาคะ
- เหตุผลเนื่องจากมีบริการออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนได้ หากเกิดอุบัติเหตุหรือป่วยระหว่างเดินทางหรืออยู่ที่นั้น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลทางที่โน่นน่าจะค่อนข้างแพงมาก ก็น่าจะดีหากหลีกเลี่ยงการใช้เงินตัวเอง -.-
- แต่ว่าประการนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ก็คือจะต้องโทรติดต่อก่อน 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ทางประกันดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตอนที่ซื้อผ่านเว็บไซต์ก็จะได้เอกสาร ด้านล่างจะมีเบอร์และรายละเอียดให้เราพกไป ใครสะดวกจ่ายก่อนก็ทำเรื่องเคลมได้ปกติหลังกลับคะ
***การเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องของเอกสาร
อันนี้หาจากเว็บต่างๆ ก็ไม่ค่อยมีแน่ชัด แต่โดยที่ได้ขอมูลมา จะประมาณนี้นะคะ
- เซ็นเป็นภาษาไทยปกติ
รับรองสำเนาถูกต้อง
ลายเซ็นแบบเดียวกับในหนังสือเดินทาง
ชื่อ-นามสกุลเต็ม
ใช้สำหรับการทำวีซ่าเชงเก้นเท่านั้น (ถ้าใครขยันเขียนเพิ่มหรือกังวลเรื่องเอกสารส่วนตัว)
- เซ็นเป็นภาษาอังกฤษ (* เราเซ็นแบบนี้คะ)
Certified True Copy
ลายเซ็นแบบเดียวกับในหนังสือเดินทาง
ชื่อ-นามสกุลภาษาอังกฤษตามหนังสือเดินทาง
For visa application only. (ถ้าใครขยันเขียนเพิ่มหรือกังวลเรื่องเอกสารส่วนตัว)
*** ทุกเอกสารควรมีสำเนาทั้งหมด และสำเนาต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องให้เรียบร้อยคะ
- รายละเอียดด้านบนเราก็เตรียมไปตามลำดับคะ ถ้าอันไหนไม่เขียนว่าสำเนาก็คือใช้ต้นฉบับเลย
เมื่อเวลานั้นมาถึง
- ตื่นตั้งแต่ ตี 5 อาบน้ำแต่งตัว พร้อมแล้วเดินทางด้วย MRT เที่ยวแรกเวลา 6.06 น. ไปยังสถานี "ลุมพินี"
- ถึงสถานีลุมพินี ให้ออกทาง "ประตู 2" ออกมาแล้ว "เลี้ยวซ้าย" เดินตรงไปเรื่อยๆ สักพัก ก็จะเห็นสถานทูตเยอรมันซ้ายมือ ติดถนนใหญ่เลย (จะสังเกตได้ว่ามีคนมายืนก่อนหน้าเราบ้างแล้ว)
- เราไปถึงประมาณ 6.30 น. ก็ไปเห็นมีกลุ่มคนยืนอยู่ก่อนแล้ว ก็หันซ้าย หันขวาแบบบ้านนอกเข้ากรุง >_< ค่อยมองๆ สักพักยามก็ประกาศให้เข้าแถว ด้วยความจดจ้องอยู่แล้วก็เดินไปต่อแถวอย่างรวดเร็วเป็นคนที่ 4 (** ข้อแนะนำ : ยืนช่วงก่อนถึงประตูที่มีป้ายแปะรายละเอียดการทำวีซ่า คิดว่าเค้าน่าจะต่อแถวจุดนั้นทุกเช้า ซึ่งนั้นก็คือหน้าประตูทางเข้า ถ้าใครไม่เคยขอวีซ่าหรือสังเกตจะคิดว่าเป็นผนัง "เราคนนึงนี่แหละ")
- ยืนรอรอแบบเมื่อย ท้องร้อง ตื่นเต้น ตื่นตระหนก วิตกจริตไป 30 นาที ก็เช็คเอกสารทุกอย่างอีกรอบ ข้อมูลอะไรที่ต้องใช้ที่อยู่ในโทรศัพท์ก็ต้องจดออกมาให้หมด เค้าไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ ก่อน 7.00 น. (ปิดเครื่องโทรศัพท์ ย้ำปิดเครื่องเท่านั้น ปิดแค่เสียงไม่ได้คะ)
- 7.00 น. ประตูเปิดออก เข้าไปเลี้ยวขวาก็จะเจอ
--- ด่านแรก เป็นด่านที่ตรวจกระเป๋าทั้งหมดของเรา และตรวจเช็คโทรศัพท์ว่าปิดเครื่องหรือไม่ แล้วแยกกระเป๋า และโทรศัพท์ ร่ม
--- ด่านสอง เราจะต้องฝากโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะให้เบอร์เป็นแผ่นเหล็กกลมๆ มีตัวเลยและตราของสถานทูตเยอรมัน ส่วนร่มมีตะกร้าแยกไว้ให้ใส่
--- ด่านสาม ด่านนี้ดีนะรู้ตัวทัน เนื่องจากเข้าเป็นคนแรกๆในนั้น ก็พอเข้าไปก็มองโน่นนี่ ไม่ได้มีป้ายมีอะไรบอกหรือแนะนำ ก็เดินพุ่งๆ ไปมีเก้าอี้ตั้งเป็นแถวๆ (เอาอีกแระ มองซ้ายมองขวาเป็นบ้านนอกเข้ากรุง T_T) ยังไม่ถึงเวลานัดก็เลยมองคนโน่น คนนี้ดูดิเค้าทำอะไร เค้ามีอะไรที่เราไม่มีไหม แล้วก็ไปชะเง้อเอกสารตัวอย่างที่เค้าติดไว้ ป๊าดดด!!! ไม่ได้เซ็นชื่อที่นึง! อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ว่า *** จะมีจุดที่ต้องลงสถานที่ วันที่ และเซ็นชื่อแบบในหนังสือเดินทาง 3 ที่ ระวังนะคะ ก็ไปนั่งเซ็นๆ เหลือบไปเห็น เอ๊ะ! ทำไมเราไม่มีใบแบบนั้น "มันคืออัลไล" ก็เลยถามเค้า เค้าก็บอกว่า "นำ Code ตอนที่โทรนัด ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าคะ เค้าจะให้กระดาษแผ่นนี้มา"
... หลังจากที่พลาดด่านนี้ ให้ทุกคนกลับไป ณ ด่านที่ 2 ยังไม่ต้องสร้าง Lanกmark ณ จุดนี้ -.- พอเราฝากโทรศัพท์มือถือเสร็จ วนขวาเพื่อเข้าสู่ด่านที่สาม เราจะเห็นเคาน์เตอร์ตรงหน้าสองจุด ซึ่งจะซุ่มเงียบเหมือนไม่มีใคร ***นั่นแหละ ที่เราพลาดไปตอนแรก! มองไปตรงหน้าเคาน์เตอร์ขวามือ เดินเข้าไปชะโงกแล้วโชว์ Code ที่เจ้าหน้าที่ให้มาตอนที่โทรนัด แล้วเค้าจะเขียนใบสีขาวขนาดเท่านามบัตรมาให้ เขียนเลข สองชุดมาให้เราในนั้น จากนั้นเราก็นำมาเขียนชื่อตรงที่เค้ากากบาทไว้ เคนะ!
...ก้าวเข้าสู่ด่านต่อไป หน้าห้องใหญ่เพื่อเข้าไปทำวีซ่า จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำหรือตอบคำถามโน่นนี่ ก็นำใบสีขาวไปให้เค้า เค้าก็จะวงเลขชุดนึง แล้วบอกมาไปที่ช่องไหนตามใบสีขาว เราถูกเข้าห้องเย็น 11 คะ ด้านในสุด ในห้องใหญ่นั้นมีทั้งหมด 13 ห้องย่อยเล็กๆ
--- ด่านสี่ เดินเข้าไปให้ห้องหมายเลข 11 เข้าไปในห้องแล้ว นำใบสีขาวเล็กๆ ที่ได้จากด่านที่สาม ที่มีเลขช่องที่เราต้องสัมภาษณ์ (ของเราช่อง 11) และชื่อของเรา (** ใส่แค่ใบสีขาวนะคะ หนังสือเดินทางไม่ต้อง) ตอนเราไปมีคนใส่หนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่แอบโวยวาย... พอใส่ลงช่องเสร็จก็นั่งรอเรียกชื่อเข้าห้องเย็น
... โปรดติดตามตอนต่อไป ... ไปทำงานแพ๊พคะ