มาต่อ#2 นะจ้ะ
ทริปนี้ออกเดินทางวันที่ 12 เมษายน - กลับวันที่ 18 เมษายน 2557
(เนื่องจากเค้าบอกว่าอู๋ฮั่นจะมีซากุระให้ชม แต่เราไปช้ามันร่วงเร็วมากกๆ เลยอดดูแต่ได้ไปดูตอนขึ้นเขาบู้ตึ๊งค่ะ)
Day 1 : กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - อู่ฮั๋น (คืนแรกนอนบนรถไฟ)
ภาค 1 :
http://pantip.c[url]om/topic/32558209
ภาค 2 :
http://ppantip.com/topic/32562355
Day 2 : หวู่ตังซาน (เขาบู้ตึ๊ง/นอนที่หวู่ตังซาน)
Day 3 : หวู่ตังซาน - ซีอาน (โดยรถบัส/นอนที่ซีอาน)
http://ppantip.com/topic/32630183
Day 4 : ซีอาน (คืนนี้นอนซีอาน)
Day 5 : ซีอาน - ลั่วหยางหลงเหมิน (นอนที่ลั่วหยาง)
Day 6 : ลั่วหยางหลงเหมิน - อู่ฮั๋น (คืนสุดท้ายแล้วนะ)
Day 7 : วันนี้กลับบ้านแล้วจ้า
----------------------------------------------------------
Day 1 : กรุงเทพฯ - อู๋ฮั่น (วันที่เดินทางคือ 12 เมษายน ).... ภาค 2
ปล. ค่ารถเมล์ที่นี่ ต้องจ่ายพอดีนะคะ ไม่มีทอนเงินจ้า.. ยังไงสังเกตตู้หยอดเงินดีๆ นะ
จะมีราคาบอก @ Wuhan ค่ารถ 1 หยวน (เกือบจะทุกสาย)
กลับมาต่อนะคะ.... พอเราเดินไปที่เทอร์มินอล (เมียหลวง) ก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์ Tourist information เลยค่ะ
เพราะตรงนี้จะเป็นที่ขายตั๋วรถบัสแต่ละสาย... ซึ่งเราสามารถถามได้เลยว่ารถคันไหนไปที่ไหน และราคาเท่าไร
สำหรับเรานั้น...เรานั่งไปรถสถานีรถบัสที่ใกล้กับสถานีรถไฟอู่ช่าง พอเราซื้อตั๋วเสร็จก็เดินออกไปข้างนอก
เพราะจะมีรถบัสเรียงรายจดอยู่เต็มไปหมด เราก็ดูชื่อสถานีรถบัสที่ตั๋วและมองดูที่ป้ายว่ารถคันไหน
ซึ่งสามารถชี้ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นได้เลย ว่าคันไหน และถ้าหากมีสัมภาระขนาดใหญ่ก็สามารถเดินเอาไปวางด้านล่าง
ที่เก็บกระเป๋าเองได้เลยนะ (ต้องช่วยตัวเองนะ) และเดินขึ้นไปเลือกที่นั่งบนรถได้เลย เพราะคนจีนเค้าก็จะนั่งกันแบบว่า...
นั่งคนเดียวเอาขาพาด เอาของวางบนเก้าอี้ (สุดยอดมากค่ะ) เพราะฉะนั้น ถ้าอยากนั่งต้องสะกิดบอกและขอเค้าค่ะ
หลังจากเราได้ที่นั่ง..รถก็ออกจากป้ายค่ะ และเข้าไปในเมือง เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางของเรา นั่นคือ สถานีรถบัส Fujiapo Long
เมื่อไปถึงเราก็เดินถามทางเพื่อไปยังสถานีรถไฟอู่ช่าง ซึ่งเดินไกลเหมือนกันค่ะ แต่ก็โอเคค่ะ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศจีน
พอไปถึงสถานีรถไฟอู่ช่าง เราก็นำเอกสารการจองตั๋วรถไฟพร้อมกับพาสปอร์ตออกมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ (ซึ่งที่ออกตั๋วจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ถ้าเราหันหน้าเข้าสถานีรถไฟ) จะเป็นส่วนที่ให้บริการขายตั๋วรถไฟทั้งหมด ซึ่งพอเราออกตั๋วทั้งหมดครบก็เอากระเป๋าเดินทางไปฝาก
ที่จุดรับฝากกระเป๋า (ราคารับฝากใบละ 20 หยวน) และจะต้องมารับกระเป๋าก่อนเวลา 2 ทุ่มนะคะ เพราะเค้าปิดให้บริการจ้า...
และพอฝากกระเป๋าเสร็จเราก็เดินออกไปทางด้านซ้ายมือของตัวสถานีรถไฟ เพื่อไปขึ้นรถเมล์สายต่างๆ ที่เราต้องการไปเที่ยวชมในเมืองนี้
ซึ่งรถเมล์ที่นี่จะขับเป็นรูปตัวยู (แบบว่าอ้อมเมืองมากๆ กว่าจะไปถึงแต่ละจุด) เพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวให้เลือกชมจากจุดที่ใกล้ที่สุดกับ
จุดที่เราเริ่มต้นก่อนนะ ไม่งั้นกว่าจะกลับมาใหม่มันจะนานมาก เพราะว่าถนนที่นี่รถติดมากๆๆ
จุดหมายแรกของเรา คือ
หอกระเรียนเหลือง (Yellow Crane Tower) (Chinese: 黄鹤楼; pinyin: Huáng Hè Lóu หวงเฮ่อโหลว)
ในยุคสมัยสามก๊ก เชื่อกันว่าผู้สร้างคือซุนกวงซึ่งอยู่ในช่วงยังไม่ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งง่อก๊ก เพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์ดูข้าศึก จากนั้นก็มีการบูรณะซ่อมแซมความเสื่อมโทรมของหอเรื่อยมา มีการสร้างใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ได้รับการบูรณะอย่างจริงจังถึง 4 ครั้ง ปัจจุบันเป็นหอที่สร้างใหม่ในลักษณะอาคารแบบดั้งเดิม เป็น 1 ใน 3 หอสวย ที่มีชื่อของจีน (หอเอี๊ยหยาง มณฑลหูหนาน หอเถิงหวังเก๋อ มณฑลเจียงซี) จัดเป็นหอแสดงงานเขียนอักษรจีนและจิตรกรรม และยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำแยงซีเกียงของชาวเมืองอีกด้วย ในปี 1957 เนื่องจากได้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีที่ผากระเรียนเหลือง ณ ที่ตั้งเดิมของหอกระเรียนเหลืองไปแล้ว ดังนั้น ในปี 1984 เมื่อรัฐบาลจีนใหม่ประจำอู่ฮั่น มีโครงการสร้างหอกระเรียนเหลืองขึ้นใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบร้อยปีที่หอกระเรียนเหลืองถูกเผาทำลายไป เมื่อครั้งสมัยจักรพรรดิกวงสูแห่งราชวงศ์ชิง จึงต้องย้ายหอกระเรียนเหลืองไปปลูกสร้างยังที่ตั้งใหม่บนยอดเขาเสอซัน
East Lake ทะเลสาบตงหู 东湖 (Dōng Hú)
ทะเลสาบในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองอู่ฮั่นในปี 1982 รัฐบาลได้จัดให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองอู่ฮั่นมีพื้นที่ 88 ตร.กม. และคิดเป็นพื้นที่ 1 ใน 4 ของเมือง โอบล้อมไปด้วยต้นหลิวและทัศนียภาพที่สวยงามของจุดชมวิวและสะพานชมจันทร์ ที่ทะเลสาบตงหูท่านสามารถชมได้ทั้ง 4 ฤดู ซึ่งจะเห็นได้ถึงความแตกต่างทั้งทางธรรมชาติ ดอกไม้ อุณหภูมิและวิวทิวทัศน์ เป็นต้น ความสวยงามในทุกฤดูกาลของที่นี่ยามเมื่อขึ้นไปชมวิวทะเลสาบจากเทือกเขาเหมาซานทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ยิ่งโด่งดังมากขึ้น กลายเป็นสถานที่แห่งความงามอันน่ามหัศจรรย์และเป็นที่เดินเล่นสุดแสนโรแมนติกของนักท่องเที่ยว ถ้าเปรียบความงามของซีหูเหมือนสีสันแบบโลกตะวันตก ตงหูก็เปรียบเหมือนความเรียบง่ายนุ่มนวลแห่งโลกตะวันออก สามารถเดินจาก Hubei Museum มาเที่ยวทะเลสาบแห่งนี้ได้เลย
ขอขอบคุณเจ้าของแผนที่นี้ด้วยนะคะ
Hubei Provincial Museum พิพิธภัณฑ์มณฑลหูเป่ย 湖北省博物馆 – หูเป่ยเซิ่งป๋ออู่กวน
พิพิธภัณฑ์กว้างใหญ่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีนที่ใช้แสดงผลงานวัตถุโบราณที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์แห่งมีของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมายรวมไปถึงชุดระฆังอายุกว่า 2,400 ปีจากหลุมศพของกษัตริย์เฉิงโฮ่วอี้, ระฆังชุดจำลองซึ่งจะมีคณะนักแสดงเล่นโดยพร้อมเพรียงกันในห้องโถงที่อยู่ถัดไป
Guiyuan Temple วัดกุ้ยหยวน 归元寺
หนึ่งในวัดที่ใหญ่ที่สุดในอู่ฮั่น, ผู้คนมักนิยมมาที่วัดแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพราะเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระอรหันต์ 500 องค์ซึ่งแต่ละองค์มีความเกี่ยวข้องในเรื่องทำนายโชคชะตา สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเสี่ยงเซียมซีภายในวิหารพระอรหันต์ 500 องค์ วิธีการเสี่ยงเซียมซีของวัดกุยหยวน บริเวณ วิหารพระอรหันต์ 500 องค์ ของที่นี่ มี 2 แบบ คือการนับพระอรหันต์ตามอายุ ผู้ชายเลี้ยวซ้าย ผู้หญิงเลี้ยวขวา นับพระอรหันต์ตามอายุ เมื่อถึงแล้ว ให้มองด้านบน เป็นกระดานสีน้ำเงิน (มีหมายเลข) และวิธีที่ 2 คือ ชอบพระองค์ไหน ให้นับย้อนกลับตามอายุของเรา จากนั้นก็เอาหมายเลขไปรับคำทำนาย โดยต้องจ่ายตังเป็นเงิน 10 หยวน หรือ ประมาณ 50 บาท ตรงทางออกนั่นเอง
วิธีการขอพรภายในวัดกุ้ยหยวน บริเวณกระถางธูป หน้าวิหารกลางใหญ่ เนื่องจากวัดกุยหยวนไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนภายในวัดจึงใช้วิธี ขูดเหรียญ กับกระถางธูป พร้อมๆ กับอธิษฐาน แล้วหากเหรียญติดกระถางธูปก็เชื่อว่าสิ่งที่ขอพรไปนั้นจะเกิดผลดั่งปรารถนา
ถนนคนเดินเจียงฮั่น (Jianghan Walking Street) และถนนฉู่เหอฮ่านเจีย (Chu River and Han Street)
ถนนเส้นนี้สามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปได้เลย ...ไม่ยาก
อู่ฮั่นมีถนนคนเดินให้คุณเดินเล่นจับจ่ายซื้อของอยู่มากมาย แต่ถนนคนเดินสายใหม่ล่าสุดเส้นนี้เหมาะที่สุดหากคุณต้องการเดินเล่นแบบสบายๆ หลีกหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอก เพราะสองข้างทางของถนนคนเดินสไตล์ยุโรปตลอดระยะทาง 1.5 ก.ม.เส้นนี้ เต็มไปด้วยสินค้าชั้นนำ
แบรนด์ดังๆจากต่างประเทศ สามารถเดินทางถึงด้วยรถไฟใต้ดินสาย 2 ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2012 การเดินทาง รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี Jianghan Rd.
หลังจากเราเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ไปแล้ว ก็หาอะไรกินและกลับไปที่สถานีรถไฟอู่ช่างให้ทันก่อน 2 ทุ่ม ไม่งั้นที่รับฝากกระเป๋าปิดแน่ๆ
(ขอสารภาพว่า.. เรายังไม่ได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวตั้งหลายที่.... เพราะตอนแรกเราวางแผนว่าจะกลับมาเที่ยวอีกทีวันสุดท้ายค่ะ...
ซึ่งในการเดินทางไปแต่ละที่นั้น ค่อนข้างใช้เวลาเหมือนกัน เพราะรถติดพอสมควรค่ะ และถ้าเป็นตอนเย็นด้วยนะ คนเยอะมากกก
ดังนั้น ถ้าใครจะไปเที่ยวให้วางแผนอยู่ที่นี่สัก 2 วันนะ แบบไม่ต้องรีบร้อนอ่ะ)
ปล. สิ่งที่ควรพกมาที่เมืองจีนด้วย คือ
กระบอกใส่น้ำร้อนค่ะ เพราะที่นี่จะมีตู้น้ำร้อนให้บริการฟรีค่ะ แค่เอากระบอกไปกดน้ำจ้า
และอีกอย่างตามโรงแรมก็มีน้ำร้อนให้บริการฟรีด้วยนะคะ เอาไว้กินกะมาม่า
ปล. สิ่งที่ควรเอามาด้วย คือ
มาม่าจากไทยแบบถ้วย และ
ข้าวพร้อมกินกะอาหารกระป๋องหรือหมูแดดเดียวก็ได้นะ เพราะอาหารเค้ารสชาติแปลกๆๆ มาก และอาจอดตายได้ เพราะมาม่าไม่อร่อยอย่างแรงส์ๆๆๆ เพราะตอนกลับไปน้ำหนักเราลดไปเลย 3 โล
และตามที่ได้บอกไปว่าคืนนี้เราจะไปนอนกันบนรถไฟ (เราจองแบบ Soft Sleep) เพราะฉะนั้นเราเลยแอบกังวลเหมือนกันว่าจะหลับไหม ??
เราดูที่ตั๋วรถไฟเลยค่ะ ว่าอยู่ชานชาลาไหน และคอยสังเกตที่หน้าชานชาลาจะมีตัวอักษรขึ้นโชว์เป็นรอบๆ
ว่ารถไฟขบวนไหนมาแล้ว... และถ้าขบวนนั้นใกล้มาถึงเจ้าหน้าที่จะเรียกให้มาต่อคิวเข้าแถว.... ซึ่งคนจีนก็จะรีบร้อนมาก
และอีกอย่างที่ต้องขอเตือน!! เอาไว้ก่อนเลย คือ ขณะที่นั่งรอรถไฟนั้น ถ้าหากคุณลุกปุ๊ป..มีคนจ้องและพร้อมที่จะแทนที่ทันทีนะคะ
เพราะฉะนั้น ควรให้เพื่อนนั่งจองเอาไว้ แบบถ้าเค้าจะมานั่งก็บอกว่ามีคนนั่งแล้วค่ะ ไม่งั้นคุณจะเสียม้าทันที อิอิ
ที่นอนแบบ Soft sleep
ที่นอนแบบ Hard sleep
และเมื่อรถไฟเรามาก็ลุกขึ้นไปต่อคิวและเตรียมพร้อมได้เลยนะคะ เพราะมันเร็วมากค่ะ และอีกอย่างคุณต้องอ่านตั๋วให้เป็นนะคะ
ว่าคุณนั่งขบวนไหน เลขที่เท่าไร และหมายเลขตู้อะไร เพราะมันจะเร็วมากค่ะ ..ถ้าไม่มั่นใจเอาตั๋วถามเจ้าหน้าที่ด้านล่างหน้าตู้รถไฟเลยค่ะ
ส่วนเราโชคดีได้ตู้เดียวกัน คนนึงชั้นบนและชั้นล่าง ... เวลาที่คุณเข้าตู้นอนนั้น ห้ามมั่วนะคะ เพราะเจ้าของที่มีแน่นอนค่ะ (ยกเว้นคุณโชคดี)
พอขึ้นไปปุ๊ปก็ดูหมายเลขตู้กะเตียงเลยค่ะ และจัดการเอากระเป๋าเก็บเข้าช่องหรือวางแอบให้เรียบร้อย และขึ้นนอนของใครของมันเลยค่ะ
และให้เตรียมตั๋วเอาไว้นะคะ เพราะเจ้าหน้าที่จะมาแลกตั๋วของเราเป็นบัตรแข็งให้เก็บเอาไว้ค่ะ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เค้าจะดูที่ตั๋วว่าเราลงสถานีไหนและถ้าใกล้จะลงแล้วเค้าจะมาเคาะเรียกปลุกเราค่ะ และแลกบัตรแข็งคืนกลับไปค่ะ และพอใกล้ถึงสถานี WudangShan เจ้าหน้าที่ก็จะเดินมาปลุกค่ะ และให้เราเตรียมตัวค่ะ
[CR] ตะลอน...เที่ยวอู๋ฮั่น > หวู่ตังซาน > ซีอาน > ลั่วหยางหลงเหมิน > อู๋ฮั่น (7 วัน 6 คืน) ภาค 2
ทริปนี้ออกเดินทางวันที่ 12 เมษายน - กลับวันที่ 18 เมษายน 2557
(เนื่องจากเค้าบอกว่าอู๋ฮั่นจะมีซากุระให้ชม แต่เราไปช้ามันร่วงเร็วมากกๆ เลยอดดูแต่ได้ไปดูตอนขึ้นเขาบู้ตึ๊งค่ะ)
Day 1 : กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - อู่ฮั๋น (คืนแรกนอนบนรถไฟ)
ภาค 1 : http://pantip.c[url]om/topic/32558209
ภาค 2 : http://ppantip.com/topic/32562355
Day 2 : หวู่ตังซาน (เขาบู้ตึ๊ง/นอนที่หวู่ตังซาน)
Day 3 : หวู่ตังซาน - ซีอาน (โดยรถบัส/นอนที่ซีอาน) http://ppantip.com/topic/32630183
Day 4 : ซีอาน (คืนนี้นอนซีอาน)
Day 5 : ซีอาน - ลั่วหยางหลงเหมิน (นอนที่ลั่วหยาง)
Day 6 : ลั่วหยางหลงเหมิน - อู่ฮั๋น (คืนสุดท้ายแล้วนะ)
Day 7 : วันนี้กลับบ้านแล้วจ้า
----------------------------------------------------------
Day 1 : กรุงเทพฯ - อู๋ฮั่น (วันที่เดินทางคือ 12 เมษายน ).... ภาค 2
ปล. ค่ารถเมล์ที่นี่ ต้องจ่ายพอดีนะคะ ไม่มีทอนเงินจ้า.. ยังไงสังเกตตู้หยอดเงินดีๆ นะ
จะมีราคาบอก @ Wuhan ค่ารถ 1 หยวน (เกือบจะทุกสาย)
กลับมาต่อนะคะ.... พอเราเดินไปที่เทอร์มินอล (เมียหลวง) ก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์ Tourist information เลยค่ะ
เพราะตรงนี้จะเป็นที่ขายตั๋วรถบัสแต่ละสาย... ซึ่งเราสามารถถามได้เลยว่ารถคันไหนไปที่ไหน และราคาเท่าไร
สำหรับเรานั้น...เรานั่งไปรถสถานีรถบัสที่ใกล้กับสถานีรถไฟอู่ช่าง พอเราซื้อตั๋วเสร็จก็เดินออกไปข้างนอก
เพราะจะมีรถบัสเรียงรายจดอยู่เต็มไปหมด เราก็ดูชื่อสถานีรถบัสที่ตั๋วและมองดูที่ป้ายว่ารถคันไหน
ซึ่งสามารถชี้ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นได้เลย ว่าคันไหน และถ้าหากมีสัมภาระขนาดใหญ่ก็สามารถเดินเอาไปวางด้านล่าง
ที่เก็บกระเป๋าเองได้เลยนะ (ต้องช่วยตัวเองนะ) และเดินขึ้นไปเลือกที่นั่งบนรถได้เลย เพราะคนจีนเค้าก็จะนั่งกันแบบว่า...
นั่งคนเดียวเอาขาพาด เอาของวางบนเก้าอี้ (สุดยอดมากค่ะ) เพราะฉะนั้น ถ้าอยากนั่งต้องสะกิดบอกและขอเค้าค่ะ
หลังจากเราได้ที่นั่ง..รถก็ออกจากป้ายค่ะ และเข้าไปในเมือง เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางของเรา นั่นคือ สถานีรถบัส Fujiapo Long
เมื่อไปถึงเราก็เดินถามทางเพื่อไปยังสถานีรถไฟอู่ช่าง ซึ่งเดินไกลเหมือนกันค่ะ แต่ก็โอเคค่ะ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศจีน
พอไปถึงสถานีรถไฟอู่ช่าง เราก็นำเอกสารการจองตั๋วรถไฟพร้อมกับพาสปอร์ตออกมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ (ซึ่งที่ออกตั๋วจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ถ้าเราหันหน้าเข้าสถานีรถไฟ) จะเป็นส่วนที่ให้บริการขายตั๋วรถไฟทั้งหมด ซึ่งพอเราออกตั๋วทั้งหมดครบก็เอากระเป๋าเดินทางไปฝาก
ที่จุดรับฝากกระเป๋า (ราคารับฝากใบละ 20 หยวน) และจะต้องมารับกระเป๋าก่อนเวลา 2 ทุ่มนะคะ เพราะเค้าปิดให้บริการจ้า...
และพอฝากกระเป๋าเสร็จเราก็เดินออกไปทางด้านซ้ายมือของตัวสถานีรถไฟ เพื่อไปขึ้นรถเมล์สายต่างๆ ที่เราต้องการไปเที่ยวชมในเมืองนี้
ซึ่งรถเมล์ที่นี่จะขับเป็นรูปตัวยู (แบบว่าอ้อมเมืองมากๆ กว่าจะไปถึงแต่ละจุด) เพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวให้เลือกชมจากจุดที่ใกล้ที่สุดกับ
จุดที่เราเริ่มต้นก่อนนะ ไม่งั้นกว่าจะกลับมาใหม่มันจะนานมาก เพราะว่าถนนที่นี่รถติดมากๆๆ
จุดหมายแรกของเรา คือ
หอกระเรียนเหลือง (Yellow Crane Tower) (Chinese: 黄鹤楼; pinyin: Huáng Hè Lóu หวงเฮ่อโหลว)
ในยุคสมัยสามก๊ก เชื่อกันว่าผู้สร้างคือซุนกวงซึ่งอยู่ในช่วงยังไม่ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งง่อก๊ก เพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์ดูข้าศึก จากนั้นก็มีการบูรณะซ่อมแซมความเสื่อมโทรมของหอเรื่อยมา มีการสร้างใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ได้รับการบูรณะอย่างจริงจังถึง 4 ครั้ง ปัจจุบันเป็นหอที่สร้างใหม่ในลักษณะอาคารแบบดั้งเดิม เป็น 1 ใน 3 หอสวย ที่มีชื่อของจีน (หอเอี๊ยหยาง มณฑลหูหนาน หอเถิงหวังเก๋อ มณฑลเจียงซี) จัดเป็นหอแสดงงานเขียนอักษรจีนและจิตรกรรม และยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำแยงซีเกียงของชาวเมืองอีกด้วย ในปี 1957 เนื่องจากได้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีที่ผากระเรียนเหลือง ณ ที่ตั้งเดิมของหอกระเรียนเหลืองไปแล้ว ดังนั้น ในปี 1984 เมื่อรัฐบาลจีนใหม่ประจำอู่ฮั่น มีโครงการสร้างหอกระเรียนเหลืองขึ้นใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบร้อยปีที่หอกระเรียนเหลืองถูกเผาทำลายไป เมื่อครั้งสมัยจักรพรรดิกวงสูแห่งราชวงศ์ชิง จึงต้องย้ายหอกระเรียนเหลืองไปปลูกสร้างยังที่ตั้งใหม่บนยอดเขาเสอซัน
East Lake ทะเลสาบตงหู 东湖 (Dōng Hú)
ทะเลสาบในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองอู่ฮั่นในปี 1982 รัฐบาลได้จัดให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองอู่ฮั่นมีพื้นที่ 88 ตร.กม. และคิดเป็นพื้นที่ 1 ใน 4 ของเมือง โอบล้อมไปด้วยต้นหลิวและทัศนียภาพที่สวยงามของจุดชมวิวและสะพานชมจันทร์ ที่ทะเลสาบตงหูท่านสามารถชมได้ทั้ง 4 ฤดู ซึ่งจะเห็นได้ถึงความแตกต่างทั้งทางธรรมชาติ ดอกไม้ อุณหภูมิและวิวทิวทัศน์ เป็นต้น ความสวยงามในทุกฤดูกาลของที่นี่ยามเมื่อขึ้นไปชมวิวทะเลสาบจากเทือกเขาเหมาซานทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ยิ่งโด่งดังมากขึ้น กลายเป็นสถานที่แห่งความงามอันน่ามหัศจรรย์และเป็นที่เดินเล่นสุดแสนโรแมนติกของนักท่องเที่ยว ถ้าเปรียบความงามของซีหูเหมือนสีสันแบบโลกตะวันตก ตงหูก็เปรียบเหมือนความเรียบง่ายนุ่มนวลแห่งโลกตะวันออก สามารถเดินจาก Hubei Museum มาเที่ยวทะเลสาบแห่งนี้ได้เลย
ขอขอบคุณเจ้าของแผนที่นี้ด้วยนะคะ
Hubei Provincial Museum พิพิธภัณฑ์มณฑลหูเป่ย 湖北省博物馆 – หูเป่ยเซิ่งป๋ออู่กวน
พิพิธภัณฑ์กว้างใหญ่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีนที่ใช้แสดงผลงานวัตถุโบราณที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์แห่งมีของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมายรวมไปถึงชุดระฆังอายุกว่า 2,400 ปีจากหลุมศพของกษัตริย์เฉิงโฮ่วอี้, ระฆังชุดจำลองซึ่งจะมีคณะนักแสดงเล่นโดยพร้อมเพรียงกันในห้องโถงที่อยู่ถัดไป
Guiyuan Temple วัดกุ้ยหยวน 归元寺
หนึ่งในวัดที่ใหญ่ที่สุดในอู่ฮั่น, ผู้คนมักนิยมมาที่วัดแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพราะเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระอรหันต์ 500 องค์ซึ่งแต่ละองค์มีความเกี่ยวข้องในเรื่องทำนายโชคชะตา สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเสี่ยงเซียมซีภายในวิหารพระอรหันต์ 500 องค์ วิธีการเสี่ยงเซียมซีของวัดกุยหยวน บริเวณ วิหารพระอรหันต์ 500 องค์ ของที่นี่ มี 2 แบบ คือการนับพระอรหันต์ตามอายุ ผู้ชายเลี้ยวซ้าย ผู้หญิงเลี้ยวขวา นับพระอรหันต์ตามอายุ เมื่อถึงแล้ว ให้มองด้านบน เป็นกระดานสีน้ำเงิน (มีหมายเลข) และวิธีที่ 2 คือ ชอบพระองค์ไหน ให้นับย้อนกลับตามอายุของเรา จากนั้นก็เอาหมายเลขไปรับคำทำนาย โดยต้องจ่ายตังเป็นเงิน 10 หยวน หรือ ประมาณ 50 บาท ตรงทางออกนั่นเอง
วิธีการขอพรภายในวัดกุ้ยหยวน บริเวณกระถางธูป หน้าวิหารกลางใหญ่ เนื่องจากวัดกุยหยวนไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนภายในวัดจึงใช้วิธี ขูดเหรียญ กับกระถางธูป พร้อมๆ กับอธิษฐาน แล้วหากเหรียญติดกระถางธูปก็เชื่อว่าสิ่งที่ขอพรไปนั้นจะเกิดผลดั่งปรารถนา
ถนนคนเดินเจียงฮั่น (Jianghan Walking Street) และถนนฉู่เหอฮ่านเจีย (Chu River and Han Street)
ถนนเส้นนี้สามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปได้เลย ...ไม่ยาก
อู่ฮั่นมีถนนคนเดินให้คุณเดินเล่นจับจ่ายซื้อของอยู่มากมาย แต่ถนนคนเดินสายใหม่ล่าสุดเส้นนี้เหมาะที่สุดหากคุณต้องการเดินเล่นแบบสบายๆ หลีกหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอก เพราะสองข้างทางของถนนคนเดินสไตล์ยุโรปตลอดระยะทาง 1.5 ก.ม.เส้นนี้ เต็มไปด้วยสินค้าชั้นนำ
แบรนด์ดังๆจากต่างประเทศ สามารถเดินทางถึงด้วยรถไฟใต้ดินสาย 2 ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2012 การเดินทาง รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี Jianghan Rd.
หลังจากเราเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ไปแล้ว ก็หาอะไรกินและกลับไปที่สถานีรถไฟอู่ช่างให้ทันก่อน 2 ทุ่ม ไม่งั้นที่รับฝากกระเป๋าปิดแน่ๆ
(ขอสารภาพว่า.. เรายังไม่ได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวตั้งหลายที่.... เพราะตอนแรกเราวางแผนว่าจะกลับมาเที่ยวอีกทีวันสุดท้ายค่ะ...
ซึ่งในการเดินทางไปแต่ละที่นั้น ค่อนข้างใช้เวลาเหมือนกัน เพราะรถติดพอสมควรค่ะ และถ้าเป็นตอนเย็นด้วยนะ คนเยอะมากกก
ดังนั้น ถ้าใครจะไปเที่ยวให้วางแผนอยู่ที่นี่สัก 2 วันนะ แบบไม่ต้องรีบร้อนอ่ะ)
ปล. สิ่งที่ควรพกมาที่เมืองจีนด้วย คือ กระบอกใส่น้ำร้อนค่ะ เพราะที่นี่จะมีตู้น้ำร้อนให้บริการฟรีค่ะ แค่เอากระบอกไปกดน้ำจ้า
และอีกอย่างตามโรงแรมก็มีน้ำร้อนให้บริการฟรีด้วยนะคะ เอาไว้กินกะมาม่า
ปล. สิ่งที่ควรเอามาด้วย คือ มาม่าจากไทยแบบถ้วย และข้าวพร้อมกินกะอาหารกระป๋องหรือหมูแดดเดียวก็ได้นะ เพราะอาหารเค้ารสชาติแปลกๆๆ มาก และอาจอดตายได้ เพราะมาม่าไม่อร่อยอย่างแรงส์ๆๆๆ เพราะตอนกลับไปน้ำหนักเราลดไปเลย 3 โล
และตามที่ได้บอกไปว่าคืนนี้เราจะไปนอนกันบนรถไฟ (เราจองแบบ Soft Sleep) เพราะฉะนั้นเราเลยแอบกังวลเหมือนกันว่าจะหลับไหม ??
เราดูที่ตั๋วรถไฟเลยค่ะ ว่าอยู่ชานชาลาไหน และคอยสังเกตที่หน้าชานชาลาจะมีตัวอักษรขึ้นโชว์เป็นรอบๆ
ว่ารถไฟขบวนไหนมาแล้ว... และถ้าขบวนนั้นใกล้มาถึงเจ้าหน้าที่จะเรียกให้มาต่อคิวเข้าแถว.... ซึ่งคนจีนก็จะรีบร้อนมาก
และอีกอย่างที่ต้องขอเตือน!! เอาไว้ก่อนเลย คือ ขณะที่นั่งรอรถไฟนั้น ถ้าหากคุณลุกปุ๊ป..มีคนจ้องและพร้อมที่จะแทนที่ทันทีนะคะ
เพราะฉะนั้น ควรให้เพื่อนนั่งจองเอาไว้ แบบถ้าเค้าจะมานั่งก็บอกว่ามีคนนั่งแล้วค่ะ ไม่งั้นคุณจะเสียม้าทันที อิอิ
ที่นอนแบบ Soft sleep
ที่นอนแบบ Hard sleep
และเมื่อรถไฟเรามาก็ลุกขึ้นไปต่อคิวและเตรียมพร้อมได้เลยนะคะ เพราะมันเร็วมากค่ะ และอีกอย่างคุณต้องอ่านตั๋วให้เป็นนะคะ
ว่าคุณนั่งขบวนไหน เลขที่เท่าไร และหมายเลขตู้อะไร เพราะมันจะเร็วมากค่ะ ..ถ้าไม่มั่นใจเอาตั๋วถามเจ้าหน้าที่ด้านล่างหน้าตู้รถไฟเลยค่ะ
ส่วนเราโชคดีได้ตู้เดียวกัน คนนึงชั้นบนและชั้นล่าง ... เวลาที่คุณเข้าตู้นอนนั้น ห้ามมั่วนะคะ เพราะเจ้าของที่มีแน่นอนค่ะ (ยกเว้นคุณโชคดี)
พอขึ้นไปปุ๊ปก็ดูหมายเลขตู้กะเตียงเลยค่ะ และจัดการเอากระเป๋าเก็บเข้าช่องหรือวางแอบให้เรียบร้อย และขึ้นนอนของใครของมันเลยค่ะ
และให้เตรียมตั๋วเอาไว้นะคะ เพราะเจ้าหน้าที่จะมาแลกตั๋วของเราเป็นบัตรแข็งให้เก็บเอาไว้ค่ะ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เค้าจะดูที่ตั๋วว่าเราลงสถานีไหนและถ้าใกล้จะลงแล้วเค้าจะมาเคาะเรียกปลุกเราค่ะ และแลกบัตรแข็งคืนกลับไปค่ะ และพอใกล้ถึงสถานี WudangShan เจ้าหน้าที่ก็จะเดินมาปลุกค่ะ และให้เราเตรียมตัวค่ะ