JAS จะรุ่งเรืองหรือรุ่งริ่ง !! (Repost ย้อนรอยคดีหุ้น JAS และ TT&T)

กระทู้สนทนา
เหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมคิดว่าคงมีนักลงทุนเพียงไม่กี่คนครับที่รอดจากโศกนาฏกรรมของหุ้น JAS ได้ เรื่องสยองขวัญนี้มีอยู่ว่า ราคาหุ้นที่วิ่งอยู่แถวๆ 8 บาท ถูกเทขายจนมีราคาเหลือเพียง 6 บาทกว่าๆ

โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ! ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้ล่ะ นั่นเพราะมีบริษัทแห่งนึงที่ชื่อว่า TT&T ครับ ได้ฟ้องร้องบริษัทลูกแห่งนึงของ JAS ว่าให้ "คืน" บริษัทที่เคยยืมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งบริษัทที่ว่านั้นคือ 3BB นั่นเอง



รายละเอียดคร่าวๆ ง่ายๆ ก็คือ หาก TT&T ฟ้องชนะ จะทำให้พื้นฐานของหุ้น JAS ซึ่งยังดีอยู่ จะมีสิทธิพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เลย !

แต่ TT&T เกี่ยวยังไง ทำไมแค่ 3BB บริษัทเดียวถึงต้องทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย

วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปด้วยครับ

ก่อนอื่นต้องพูดถึงบริษัท TT&T กันก่อน บริษัทนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับโทรศัพท์บ้าน !* โดยมีการขอสัมปทานจากภาครัฐและต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับ TOT หรือองค์การโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเจ้าของสายสัญญาณทั้งหลาย

(*เหตุที่ผมใช้เครื่องหมาย ! เพราะเราแทบไม่ต้องเดาอนาคตของ TT&T ครับ ตอนนี้แทบไม่มีใครใช้โทรศัพท์บ้านด้วยซ้ำไป)

ต่อมาทางบริษัท TT&T ได้ขยายกิจการไปทำธุรกิจใหม่ ซึ่งนั่นก็คือธุรกิจอินเตอร์เน็ตนั่นเอง โดยทำการตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาอีกแห่งโดยใช้ชื่อว่า TTTBB (ระวังสับสนนะครับ บทความนี้มีแต่ตัว T)

เมื่อตั้งบริษัทย่อยเรียบร้อย บริษัทแม่ไม่คอยช้าครับ ใช้บริษัทลูกทำเงินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะรายได้จากบริษัทย่อยแห่งนี้ ทาง TT&T ไม่ต้องแบ่งตังค์ให้กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย

นั่นเท่ากับว่า ต่อไปรายได้ในอนาคตซึ่งจะมาจากธุรกิจอินเตอร์เน็ต ทาง TT&T ก็จะได้เงินคนเดียวเต็มๆ แบ้ว :3

แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นครับ เมื่อองค์การโทรศัพท์ดันจับได้ว่า ทางบริษัท TT&T ผู้น่ารักได้ใช้บริษัทลูก (TTTBB) มาทำธุรกิจอินเตอร์เน็ต แต่แอบใช้สายสัญญาณของ TOT ในการทำธุรกิจ อุต๊ะ !!! จะรอช้าทำไม ฟ้องสิครับ !!

โดยทาง TOT ได้ให้เหตุผลว่า ตนเองได้ให้สัมปทานกับบริษัท TT&T เพียงแห่งเดียว ไม่ได้อนุญาตให้ทาง TTTBB ใช้ด้วยสักกะหน่อย

แต่ทางบริษัทผู้ถูกฟ้องก็เข้ามาชี้แจงต่อกสทช. ประมาณว่า "ก็บริษัทแม่ของชั้น (TT&T) เช่าสัมปทานมาจากเธอแล้วนี่นา ชั้นเป็นบริษัทลูกก็ต้องได้ใช้สิ" ส่งผลให้คดีของ TOT ถูกยกคำร้องไปในที่สุด

TT&T รอดตายได้อย่างหวุดหวิด แต่เคราะซ้ำกรรมซัดยังไม่หมดแค่นั้นครับ เพราะอยู่ดีๆ ทางบริษัทโดนเจ้าหนี้รายนึงส่งหนังสือมาหาเพื่อใช้สิทธิ์บังคับหลักประกัน (ยึดหลักประกัน) โดยมิได้นัดหมาย ช่างบังเอิญอะไรเยี่ยงนี้

ด้วยความที่หลักประกันนั้นมีมูลค่าสูงมาก รวมถึงบริษัท TT&T มีผลการดำเนินงานซึ่งขาดทุนเป็นอาจิณอยู่แล้ว แถมยังมีหนี้สินก้อนโตอีก ทางบริษัทจึงต้องเข้าสู่กระบวนการ "ล้มละลาย" อย่างเลี่ยงไม่ได้

(หนี้สินจำนวนมหาศาลที่กล่าวถึงมียอดหลายหมื่นล้านบาท เหตุที่มีหนี้ก้อนมโหฬารขนาดนั้นเพราะทาง TT&T เคยยื่นล้มละลายมาก่อนเมื่อปี 2543 จึงต้องมีการกู้เงินมาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้)

ในด้านของราคาหุ้น TT&T ก็แทบไม่ต้องเดาครับ ราคาไหลลงเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง..

แต่อยู่มาวันนึง ราคาหุ้นดันเพิ่มขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยขึ้นไปเกือบ 90% จาก 0.47 บาทต่อหุ้น เป็น 0.89 บาทต่อหุ้น !

JAS เข้ามาเกี่ยวดองกับ TT&T ตรงนี้แหละครับ เพราะ JAS เป็นคนกว้านซื้อหุ้นของบริษัท TT&T เพิ่มอีกประมาณ 240 ล้านบาท ทำให้แต่เดิมซึ่งถือหุ้นอยู่ร้อยละ 30 กว่าๆ ก็กลายมาเป็นร้อยละ 40 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังผ่านการซื้อหุ้นอย่างบ้าคลั่ง

แต่บริษัทไม่ได้ทำการซื้อหุ้น TT&T โดยตรงนะครับ ทาง JAS ได้ใช้บริษัทลูกที่ชื่อว่าจัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่น (JSTC) กับบริษัท อคิวเมนท์ (ACU) เข้าไปถือหุ้นในบริษัท พรีเมียม แอสเซท (PA) แล้วใช้บริษัท PA นั่นแหละครับ ซื้อหุ้นบริษัท TT&T อีกต่อนึง

เขียนเองยังงงเองเลย - - ดูแผนภาพคร่าวๆ กันดีกว่าครับ

บริษัทแม่ JAS
V
V
มีบริษัทย่อยที่ชื่อ JSTC และ ACU
V
V
บริษัทย่อยสองแห่งนี้ถือหุ้นในบริษัท PA
V
V
และบริษัท PA ถือหุ้นใน TT&T ร้อยละ 40

นั่นคือทางบริษัทแม่เป็นเจ้าของ TT&T โดยใช้บริษัทย่อยถือหุ้นนั่นเอง และเมื่อมีผู้เหมาหุ้นรายใหญ่ขนาดนี้ ราคาหุ้นจึงขึ้นในที่สุด



ในด้านของบริษัท TT&T หลังจากเข้าสู่กระบวนการล้มละลายแล้ว ทางบริษัทก็ยังไม่หยุดดำเนินกิจการครับ กลับทำหนักกว่าเดิมซะอีก แต่คราวนี้หันมาจริงจังกับธุรกิจอินเตอร์เน็ตมากขึ้นโดยใช้วิธีอันแสนแยบยล

ขั้นตอนที่ว่าก็คือ ทางบริษัทแม่ได้ผันเงินเข้าบริษัทลูกซึ่งก็คือ TTTBB มากขึ้น

ที่ผมบอกว่าแยบยลนั่นเพราะผมไปเจอคอมเม้นท์นึงในพันทิปได้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจครับ โดยเค้าได้บอกไว้ว่านี่เป็นวิธีการผ่องถ่ายทรัพย์สินแบบนึง เพราะบริษัทแม่กำลังเจ๊ง กำลังจะโดนเจ้าหนี้รุมทึ้ง

ดังนั้นเพื่อเป็นการปกป้องเงินให้ได้มากที่สุด จึงถ่ายทรัพย์สินไปให้บริษัทลูกเอาไปใช้ทำธุรกิจ ในขณะที่บริษัทแม่ก็จะเป็นบริษัทเปล่าๆ ให้เจ้าหนี้ได้งงงวยกันเล่น

แต่ ! งานนี้เจ้าหนี้จับไต๋ได้ครับว่า TT&T กำลังทำอะไรอยู่ ทางเจ้าหนี้จึงบีบไม่ให้บริษัทแม่เอาเงินไปลงทุนใน TTTBB เพิ่ม (ซึ่งอาจจะช้าไปเพราะลงทุนแบบจัดเต็มแล้ว)

คราวนี้ JAS กลับมามีบทบาทอีกครั้ง ยังจำได้ใช่มั้ยครับว่า JAS เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TT&T แจ๊สจึงสามารถออกคำสั่งตามที่ตนเองต้องการได้

สิ่งที่ JAS สั่งในตอนนั้นคือ ให้ TT&T โอนบริษัทลูกที่ยังดีอยู่ (TTTBB) มาให้ทาง JAS ดูแลแทน และใช้บริษัทอคิวเม้นท์ (ACU) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแจ๊สเข้าไปถือหุ้นใน TTTBB ร้อยละ 90

โดยทาง ACU และ TT&T ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกันหรือ MOU ว่าทางอคิวเมนท์จะเอาบริษัทลูกของ TT&T ไปเข้าตลาดให้ได้ภายในปี 2552 และให้สิทธิ TT&T ในการถือหุ้น หากทำไม่ได้ ให้ขายหุ้นที่มีอยู่คืนให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TT&T ตามเดิม (แต่ขายคืนแค่ร้อยละ 70)

แล้วทำไม JAS ถึงอยากได้ TTTBB นักล่ะ ? เพราะทางจัสมินรู้ถึงความสามารถในการทำกำไรของ TTTBB น่ะสิครับ ว่ามันแจ่มจะแดมแจ่มว้าวขนาดไหน เพราะอินเตอร์เน็ตใครๆ ก็ต้องใช้กันทั้งนั้น

และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมราคาหุ้น JAS ถึงพุ่งพรวดพราดเป็นสิบเท่า เพราะหลังจาก ACU เข้าไปถือหุ้นใน TTTBB เรียบร้อย ก็ได้ทำการแปลงบริษัทนี้เสียใหม่จนกลายเป็น 3BB ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน

เล่ามาตั้งนานจนเกือบลืม TT&T 555+ หลังจากที่เอาบริษัทย่อยไปฝากผีฝากไข้กับบริษัทลูกของ JAS เรียบร้อย จากนั้นไม่นานนักกระบวนการล้มละลายก็มาถึงขั้นตอนของการหา "ผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ"

ง่ายๆ ก็คือ หาคนมาบริหารกิจการให้มีกำไรได้นั่นเองครับ โดยในตอนแรกที่มีการคัดเลือก ปรากฎว่า TT&T เป็นผู้ชนะในการโหวตเสียเอง เพราะมี TOT เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ซึ่งมีมูลหนี้ถึง 2/3 ของหนี้ทั้งหมด

แต่เจ้าหนี้รายอื่นๆ ไม่ยอมครับ จึงได้แย้งต่อศาลว่ายอดหนี้สินที่ทาง TOT แจ้งมามันสูงเกินจริง จึงมีการปรับยอดหนี้ใหม่จนเหลือเพียง 6 พันล้านบาทเท่านั้น ทำให้ทีโอทีกลายเป็นเจ้าหนี้ตัวน้อยไปเลย

จนในที่สุด ศาลก็ตัดสินให้บริษัทที่ชื่อว่า พี แพลนเนอร์ มาเป็นผู้ฟื้นฟูบริษัทใกล้ตายแห่งนี้ โดย P Planer เป็นบริษัทจากทางฝั่งของเจ้าหนี้รายอื่นๆ ที่รวมตัวกันครับ จึงทำให้มียอดหนี้สินสูงเกินครึ่งของหนี้ทั้งหมด จนได้สิทธิในการบริหาร TT&T

(ในขั้นตอนที่ทางเจ้าหนี้ยื่นเรื่องคัดค้านต่อศาลว่าหนี้ของ TOT สูงเกินจริง หลายคนเชื่อว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่ในที่นี้หนูขอไม่พูดถึงนะฮับ หนูกลัว T-T)

แต่หลังจากที่พี แพลนเนอร์ได้สิทธิในการบริหาร ปรากฎว่าไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลยครับ !! ไม่ได้ดำเนินแผนฟื้นฟูอะไรทั้งสิ้น

แม้กระทั่งในปี 2552 ที่ทาง TT&T ต้องเอาบริษัทลูก (TTTBB) คืนจาก JAS เพราะไม่สามารถเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้ ทางพีแพลนเนอร์ก็นิ่งเฉยครับ ปล่อยให้ MOU ที่มีอยู่หมดอายุไปซะเฉยๆ แถม JAS ก็ยังนั่งๆ เนียนๆ ซะอีก

กลายเป็นว่า TT&T เปรียบเสมือนโดน JAS ขโมยเครื่องจักรทำเงินไปต่อหน้าต่อตา

แต่พอสิ้นปี 2556 มีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาควบคุม TT&T ครับ ผมเดาว่าเค้าคงตกใจไม่ใช่น้อยที่ผู้บริหารชุดเก่านั่งอยู่เฉยๆ อย่างเดียวจนทำให้บริษัทใกล้ตายแบบแหล่มิแหล่

ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารชุดล่าสุดทำเป็นอย่างแรกเพื่อกอบกู้กิจการ คือการเอาบริษัทลูกของ TT&T กลับมาให้ได้ จึงเป็นสาเหตุให้มีการฟ้องอย่างที่เห็นในตอนนี้ครับ

กลับมาที่เรื่องฟ้องร้องล่าสุด รายละเอียดของข่าวที่ทำให้หุ้น JAS ร่วงในช่วงนี้ก็คือ ทาง TT&T ได้ฟ้องบริษัทอคิวเม้นท์ (ACU) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JAS ว่าให้คืนหุ้นของ TTTBB ร้อยละ 70 ตามสัญญาที่เคยทำไว้ด้วยกัน

โดยให้ ACU เอาหุ้น TTTBB มาวางไว้ที่ศาลก่อน เพื่อให้ศาลคุ้มครองบริษัทเจ้าปัญหานี้เป็นการชั่วคราว

ซึ่งถามว่าทาง JAS ยอมรึเปล่า บอกได้คำเดียวว่าไม่ครับ เพราะ TTTBB ที่กลายมาเป็น 3BB ในปัจจุบัน ทำรายได้ให้กับแจ๊ส "สูงมาก" คิดเป็น 80% ของรายได้รวมทั้งหมด

และหากใครยังจำได้ เมื่อประมาณสิ้นปีที่แล้วทาง JAS พยายามเร่งทำสิ่งๆ นึงนั่นคือ "การออกกองทุนอินฟราฟันด์" โดยสินทรัพย์ที่ JAS จะเอาเข้ากองทุนก็คือ 3BB นั่นเอง แต่เสียดายที่ออกกองทุนไม่สำเร็จ

เพราะถ้าสามารถจัดตั้งกองทุนได้จริงๆ คราวนี้เจ้าของบริษัท TTTBB (3BB) จะไม่ใช่ JAS คนเดียวแล้วครับ แต่จะเป็นประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ที่มาซื้อกองทุน ทาง TT&T ย่อมตามหุ้นขึ้นมาได้ยากขึ้น

แต่โชคดีเป็นของ TT&T ครับที่ทาง JAS ยังตั้งกองทุนไม่ได้ จึงทำให้ผู้ถือหุ้นของแจ๊สกลัวกันมาก

เพราะถ้า TT&T ชนะคดีจนได้บริษัทลูกกลับคืน หรือเพียงแค่ศาลสั่งให้เอาหุ้นมาวาง 70% เพื่อคุ้มครองตามที่บริษัทแม่ร้องขอ รายได้ของ JAS ก็จะหายวับไปกับตา ! ใครจะไปยอมล่ะ

ไม่มีใครรู้ครับว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ใครจะชนะคดีนี้กันแน่ ใครกันที่จะได้ใจน้อง 3BB ไปครอบครอง !

โปรดติดตามตอนต่อไป อิอิ

=================================

อ่านบทวิเคราะห์อื่นเพิ่มเติมได้ที่ Tm-Thailand.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่