สวัสดีค่ะ จากกระทู้เดิมที่เราเคยตั้งไว้
http://ppantip.com/topic/32400918
วันที่ 1 สิงหาคม
จะเห็นว่า ผลการตรวจเลือดคัดกรองดาวน์ซินโดรมของเราออกมาค่าน่าตกใจมาก คือ 1:3 ซึ่งถือว่าเป็นช่วง High Risk เลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับช่วงอายุของเราที่ค่าจะอยู่ที่ 1:350 โดยปกติ ( เราอายุ 32 ค่ะ) เมื่อทราบผลจากคุณหมอ และหาข้อมูลละเอียด เราตกใจมาก ร้องไห้เลยค่ะ เนื่องจากไม่เคยเตรียมใจรับเรื่องนี้มาก่อน หลังจากคุยกันเรากับแฟนตัดสินใจว่า ถ้าผลออกมาน้องผิดปกติ คงต้องยุติการตั้งครรภ์
และหลังจากตั้งกระทู้ เพื่อนๆพี่ๆในห้องชานเรือนก็มาให้กำลังใจกันเยอะมาก และมีหลังไมค์มาให้กำลังใจเราด้วย ต้องขอขอบคุณจากใจเลยค่ะ
โดยเฉพาะพี่ไก่ (สมาชิกหมายเลข 877278) ที่ไลน์มาให้กำลังใจเรา
และเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ คุณหมอนัดเจาะน้ำคร่ำเราอีก 2 อาทิตย์ถัดไป ซึ่งในขณะนั้น อายุครรภ์ของเราก็ 17 Week แล้ว เราพยายามขอเจาะอาทิตย์นั้นเลย
แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธ บอกว่าต้องรอ ระหว่างนั้น โรคซึมเศร้าก็มาเยือน ร้องไห้ทุกวัน ยิ่งน้องเป็นเด็กที่ดิ้นเก่งมาก ทุกครั้งที่น้องดิ้นและเรารู้สึก เราก็จะน้ำตาไหล
ทุกคืนเราจะนอนกอดท้องตัวเอง และบอกกับเค้า ว่ารักเค้า ขอร้องให้เค้าอยู่กับเรา สู้ไปด้วยกันกับเรา เค้าคือคนเก่งของแม่กับพ่อ
สามีเราเห็นอาการเราแย่ จนวันนึงเค้าบอกกับเราว่า
"ถ้าลูกเราจะเป็น ต่อให้ 1 ใน ล้าน เค้าก็เป็น แต่ถ้าลูกเราจะไม่เป็น ต่อให้เป็น 1:2 ลูกเราก็ไม่เป็น และเค้าก็เชื่อว่าลูกจะต้องไม่เป็นไร"
นั่นคือคำพูดที่ทำให้เรามีกำลังใจ เราเดินหน้าทำบุญ บริจาคของ สวดมนต์ แผ่เมตตา และไปบนองค์หลวงพ่อโสธรค่ะ เราสวดมนต์แผ่เมตตา ทุกวัน เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เราทำได้ หลังจากนั้นมา กำลังใจเราก็เริ่มดีขึ้น ลูกก็ดิ้นแรงขึ้นทุกวัน เหมือนเค้าจะบอกว่า หนูแข็งแรง หนูเก่ง
เมื่อถึงวันเจาะน้ำคร่ำ คือวันที่ 16 สิงหาคม
ทางโรงพยาบาลนัดเรา บ่ายโมงค่ะ เมื่อถึงเวลานัด คุณหมอ อาพรภิรมย์ (ขออนุญาติเอ่ยชื่อ เพราะคุณหมอน่ารักมากจริงๆค่ะ) เป็นคุณหมอที่เจาะน้ำคร่ำให้เรา ได้เรียกเราเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจก่อน คุณหมอดู ค่าเลือด แล้วบอกว่า
"ร้องไห้มานานแค่ไหนแล้ว .... 1:3 เหรอ น่ากลัวใช่มั๊ย ไหนลองคำนวณเป็น % ออกมาซิ สามีเราบอก 33% ( คือเราน้ำตาไหลตั้งแต่คุณหมอสตาร์ทแล้ว ) คุณหมอบอกว่า ก็แค่ 33% เรายังมีความหวังอีกตั้ง เกือบ 70% เห็นมั๊ย ว่าไม่ได้น่ากลัวเลย"
เท่านั้นเราก็ยิ้มออกมาได้ แล้วคุณหมอก็เริ่มอธิบายเรื่องโครโมโซม และ บอกถึงสิ่งที่เราจะทราบจากการตรวจน้ำคร่ำ และ ผลที่จะออกมา ถ้าปกติ และไม่ปกติ พร้อมทั้งการดูแลรักษาตัว หลังการเจาะ คือ ต้องไม่ออกแรง และพยายามนอนนิ่งๆ 24 ชั่วโมง และถ้ามีอะไรผิดปกติ ต้องรีบมาที่ โรงพยาบาลทันที ตลอดเวลาที่รับฟัง คุณหมอน่ารักมาก ปล่อยมุกให้เราหายเครียดเป็นระยะๆ
เมื่อฟังจบ เราออกมานั่งรอ เพราะมีคุณแม่อีก 2 ท่าน ที่ทำการเจาะวันเดียวกัน และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเตียงเจาะค่ะ
คุณหมอเริ่มจากการอัลตร้าซาวน์ ดูความสมบูรณ์ของลูกก่อน ผลจากการอัลตร้าซาวน์ ลูกเราไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วคุณหมอก็เริ่มลงมือเจาะ
อันดับแรกคุณหมอให้เราหลับตา แต่เราไม่หลับค่ะ ดูเฉยเลย อยากเห็นลูกด้วย คุณหมอจะอัลตร้าซาวน์เพื่อดูตำแหน่งที่จะเจาะ คุณแม่บางท่านจะได้เจาะด้านบน
บางท่านจะได้เจาะด้านล่าง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งเด็ก และลักษณะ ถุงน้ำคร่ำ
เมื่อได้ตำแหน่งที่จะเจาะแล้ว คุณหมอมาร์กจุด และทำการเจาะ ปุ๊ ปุ๊ เสียงเหมือนเจาะลูกโป่งเลยค่ะ เราเจ็บนิดๆนะคะ คุณหมอจะดูดน้ำคร่ำไป 2 หลอด เมื่อหลอดแรกผ่านไป พอหลอดที่ 2 ลูกเราขยับลงมาใกล้เข็ม ทำให้ Space ในการดูดน้ำคร่ำน้อย ดูดไม่ขึ้นค่ะ ทั้งพี่พยาบาล ทั้งคุณหมอ ดุก็ไม่ขยับ จนคุณหมอต้องบอกว่า คุณแม่ให้บอกลูกหน่อย
เราเลยพูดกับเค้า " ตัวเล็ก ให้ป้าหมอเจาะนะลูก มาหาแม่มา" แล้วตัวเล็กก็ขยับตามเสียงค่ะ เลื่อนออกจากตำแหน่งเข็ม คุณหมอบอก เชื่อฟังแม่สุดๆ นาทีนั้น เราน้ำตาไหล ใจก็บอกกับเค้าว่าอยู่กับแม่นะลูก ไม่ไปไหนนะ
หลังจากเจาะเสร็จ เราทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด นอนนิ่งๆ ขึ้นลงบันไดให้น้อยที่สุด และสิ่งที่ทรมานที่สุดคือการรอๆๆๆๆ ค่ะ
ทางพยาบาลแจ้งเราว่า ถ้าผลปกติ จะไม่มีโทรศัพท์มาถึงเรา แต่ถ้าผลผิดปกติ ทางพยาบาลจะโทรมานัดให้ไปพบคุณหมอที่ฝากครรภ์ ช่วงเวลา 2-3 อาทิตย์ เราผวามาก กังวล จิตตก น้ำหนักไม่ขึ้นเลยค่ะ ระหว่างนี้ก็สวดมนต์ ภาวนา ทำบุญ แผ่เมตตา ทำทุกทางพึ่งทางธรรมสุดๆ จนเมื่อ 3 อาทิตย์ผ่านไป เมื่อวานนี้เองค่ะ เราโทรไปที่โรงพยาบาล และพยาบาลบอกว่า
"ลูกเราปกติ ผลโครโมโซมคือ 46 + XY"
เราวางสายปุ๊บ ร้องไห้โฮเลย มันเหมือนโลกทั้งโลก สว่างสดใสขึ้นทันตา ความทุกข์ที่เคยมี ตลอดเวลา 1 เดือนกว่าๆ หายไปทั้งหมดเลยค่ะ
เราตัดสินใจโทรหาแม่ และเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้บอกแม่ คือแม่เราอยู่ที่ต่างจังหวัดคนเดียว เราไม่อยากให้ท่านคิดมาก ที่ผ่านมาเราแบกความกดดันจุดนี้ไว้ด้วย เพราะนี่คือหลานคนแรกของทั้งครอบครัวเรา และแฟน ทำให้เราไม่กล้าบอกทั้งคุณแม่เรา และคุณแม่แฟน
แม่เรารับฟัง แล้วก็ถามเราว่า เข้าใจความรักของแม่ที่มีต่อลูกรึยัง ที่แม่คอยบ่น คอยว่า เข้าใจความรู้สึกรึยัง เราได้แต่ตอบว่า รู้ลึก รู้จริง ก็วันนี้ค่ะ
สุดท้าย เราอยากจะให้กำลังใจคุณแม่ที่กำลังเจอปัญหา หรือ กำลังเครียดอยู่ ทุกอย่างมีความหวัง ถึงแม่จะมากหรือน้อย ก็คือความหวัง ทุกครั้งที่เราเจอปัญหา เชื่อเถอะค่ะ ตัวเล็กเค้าก็สู้ไปกับเรา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้สู้และมีความหวังจนถึงที่สุดนะคะ และเราต้องขอบคุณกำลังใจจากห้องชานเรือนอีกครั้งค่ะ
ผลตรวจน้ำคร่ำมาแล้ว และอยากให้กำลังใจคุณแม่ที่กำลังรอผลค่ะ (ผลเลือดเราเสี่ยง 1:3 ค่ะ)
http://ppantip.com/topic/32400918
วันที่ 1 สิงหาคม
จะเห็นว่า ผลการตรวจเลือดคัดกรองดาวน์ซินโดรมของเราออกมาค่าน่าตกใจมาก คือ 1:3 ซึ่งถือว่าเป็นช่วง High Risk เลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับช่วงอายุของเราที่ค่าจะอยู่ที่ 1:350 โดยปกติ ( เราอายุ 32 ค่ะ) เมื่อทราบผลจากคุณหมอ และหาข้อมูลละเอียด เราตกใจมาก ร้องไห้เลยค่ะ เนื่องจากไม่เคยเตรียมใจรับเรื่องนี้มาก่อน หลังจากคุยกันเรากับแฟนตัดสินใจว่า ถ้าผลออกมาน้องผิดปกติ คงต้องยุติการตั้งครรภ์
และหลังจากตั้งกระทู้ เพื่อนๆพี่ๆในห้องชานเรือนก็มาให้กำลังใจกันเยอะมาก และมีหลังไมค์มาให้กำลังใจเราด้วย ต้องขอขอบคุณจากใจเลยค่ะ
โดยเฉพาะพี่ไก่ (สมาชิกหมายเลข 877278) ที่ไลน์มาให้กำลังใจเรา
และเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ คุณหมอนัดเจาะน้ำคร่ำเราอีก 2 อาทิตย์ถัดไป ซึ่งในขณะนั้น อายุครรภ์ของเราก็ 17 Week แล้ว เราพยายามขอเจาะอาทิตย์นั้นเลย
แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธ บอกว่าต้องรอ ระหว่างนั้น โรคซึมเศร้าก็มาเยือน ร้องไห้ทุกวัน ยิ่งน้องเป็นเด็กที่ดิ้นเก่งมาก ทุกครั้งที่น้องดิ้นและเรารู้สึก เราก็จะน้ำตาไหล
ทุกคืนเราจะนอนกอดท้องตัวเอง และบอกกับเค้า ว่ารักเค้า ขอร้องให้เค้าอยู่กับเรา สู้ไปด้วยกันกับเรา เค้าคือคนเก่งของแม่กับพ่อ
สามีเราเห็นอาการเราแย่ จนวันนึงเค้าบอกกับเราว่า
"ถ้าลูกเราจะเป็น ต่อให้ 1 ใน ล้าน เค้าก็เป็น แต่ถ้าลูกเราจะไม่เป็น ต่อให้เป็น 1:2 ลูกเราก็ไม่เป็น และเค้าก็เชื่อว่าลูกจะต้องไม่เป็นไร"
นั่นคือคำพูดที่ทำให้เรามีกำลังใจ เราเดินหน้าทำบุญ บริจาคของ สวดมนต์ แผ่เมตตา และไปบนองค์หลวงพ่อโสธรค่ะ เราสวดมนต์แผ่เมตตา ทุกวัน เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เราทำได้ หลังจากนั้นมา กำลังใจเราก็เริ่มดีขึ้น ลูกก็ดิ้นแรงขึ้นทุกวัน เหมือนเค้าจะบอกว่า หนูแข็งแรง หนูเก่ง
เมื่อถึงวันเจาะน้ำคร่ำ คือวันที่ 16 สิงหาคม
ทางโรงพยาบาลนัดเรา บ่ายโมงค่ะ เมื่อถึงเวลานัด คุณหมอ อาพรภิรมย์ (ขออนุญาติเอ่ยชื่อ เพราะคุณหมอน่ารักมากจริงๆค่ะ) เป็นคุณหมอที่เจาะน้ำคร่ำให้เรา ได้เรียกเราเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจก่อน คุณหมอดู ค่าเลือด แล้วบอกว่า
"ร้องไห้มานานแค่ไหนแล้ว .... 1:3 เหรอ น่ากลัวใช่มั๊ย ไหนลองคำนวณเป็น % ออกมาซิ สามีเราบอก 33% ( คือเราน้ำตาไหลตั้งแต่คุณหมอสตาร์ทแล้ว ) คุณหมอบอกว่า ก็แค่ 33% เรายังมีความหวังอีกตั้ง เกือบ 70% เห็นมั๊ย ว่าไม่ได้น่ากลัวเลย"
เท่านั้นเราก็ยิ้มออกมาได้ แล้วคุณหมอก็เริ่มอธิบายเรื่องโครโมโซม และ บอกถึงสิ่งที่เราจะทราบจากการตรวจน้ำคร่ำ และ ผลที่จะออกมา ถ้าปกติ และไม่ปกติ พร้อมทั้งการดูแลรักษาตัว หลังการเจาะ คือ ต้องไม่ออกแรง และพยายามนอนนิ่งๆ 24 ชั่วโมง และถ้ามีอะไรผิดปกติ ต้องรีบมาที่ โรงพยาบาลทันที ตลอดเวลาที่รับฟัง คุณหมอน่ารักมาก ปล่อยมุกให้เราหายเครียดเป็นระยะๆ
เมื่อฟังจบ เราออกมานั่งรอ เพราะมีคุณแม่อีก 2 ท่าน ที่ทำการเจาะวันเดียวกัน และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเตียงเจาะค่ะ
คุณหมอเริ่มจากการอัลตร้าซาวน์ ดูความสมบูรณ์ของลูกก่อน ผลจากการอัลตร้าซาวน์ ลูกเราไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วคุณหมอก็เริ่มลงมือเจาะ
อันดับแรกคุณหมอให้เราหลับตา แต่เราไม่หลับค่ะ ดูเฉยเลย อยากเห็นลูกด้วย คุณหมอจะอัลตร้าซาวน์เพื่อดูตำแหน่งที่จะเจาะ คุณแม่บางท่านจะได้เจาะด้านบน
บางท่านจะได้เจาะด้านล่าง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งเด็ก และลักษณะ ถุงน้ำคร่ำ
เมื่อได้ตำแหน่งที่จะเจาะแล้ว คุณหมอมาร์กจุด และทำการเจาะ ปุ๊ ปุ๊ เสียงเหมือนเจาะลูกโป่งเลยค่ะ เราเจ็บนิดๆนะคะ คุณหมอจะดูดน้ำคร่ำไป 2 หลอด เมื่อหลอดแรกผ่านไป พอหลอดที่ 2 ลูกเราขยับลงมาใกล้เข็ม ทำให้ Space ในการดูดน้ำคร่ำน้อย ดูดไม่ขึ้นค่ะ ทั้งพี่พยาบาล ทั้งคุณหมอ ดุก็ไม่ขยับ จนคุณหมอต้องบอกว่า คุณแม่ให้บอกลูกหน่อย
เราเลยพูดกับเค้า " ตัวเล็ก ให้ป้าหมอเจาะนะลูก มาหาแม่มา" แล้วตัวเล็กก็ขยับตามเสียงค่ะ เลื่อนออกจากตำแหน่งเข็ม คุณหมอบอก เชื่อฟังแม่สุดๆ นาทีนั้น เราน้ำตาไหล ใจก็บอกกับเค้าว่าอยู่กับแม่นะลูก ไม่ไปไหนนะ
หลังจากเจาะเสร็จ เราทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด นอนนิ่งๆ ขึ้นลงบันไดให้น้อยที่สุด และสิ่งที่ทรมานที่สุดคือการรอๆๆๆๆ ค่ะ
ทางพยาบาลแจ้งเราว่า ถ้าผลปกติ จะไม่มีโทรศัพท์มาถึงเรา แต่ถ้าผลผิดปกติ ทางพยาบาลจะโทรมานัดให้ไปพบคุณหมอที่ฝากครรภ์ ช่วงเวลา 2-3 อาทิตย์ เราผวามาก กังวล จิตตก น้ำหนักไม่ขึ้นเลยค่ะ ระหว่างนี้ก็สวดมนต์ ภาวนา ทำบุญ แผ่เมตตา ทำทุกทางพึ่งทางธรรมสุดๆ จนเมื่อ 3 อาทิตย์ผ่านไป เมื่อวานนี้เองค่ะ เราโทรไปที่โรงพยาบาล และพยาบาลบอกว่า
"ลูกเราปกติ ผลโครโมโซมคือ 46 + XY"
เราวางสายปุ๊บ ร้องไห้โฮเลย มันเหมือนโลกทั้งโลก สว่างสดใสขึ้นทันตา ความทุกข์ที่เคยมี ตลอดเวลา 1 เดือนกว่าๆ หายไปทั้งหมดเลยค่ะ
เราตัดสินใจโทรหาแม่ และเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้บอกแม่ คือแม่เราอยู่ที่ต่างจังหวัดคนเดียว เราไม่อยากให้ท่านคิดมาก ที่ผ่านมาเราแบกความกดดันจุดนี้ไว้ด้วย เพราะนี่คือหลานคนแรกของทั้งครอบครัวเรา และแฟน ทำให้เราไม่กล้าบอกทั้งคุณแม่เรา และคุณแม่แฟน
แม่เรารับฟัง แล้วก็ถามเราว่า เข้าใจความรักของแม่ที่มีต่อลูกรึยัง ที่แม่คอยบ่น คอยว่า เข้าใจความรู้สึกรึยัง เราได้แต่ตอบว่า รู้ลึก รู้จริง ก็วันนี้ค่ะ
สุดท้าย เราอยากจะให้กำลังใจคุณแม่ที่กำลังเจอปัญหา หรือ กำลังเครียดอยู่ ทุกอย่างมีความหวัง ถึงแม่จะมากหรือน้อย ก็คือความหวัง ทุกครั้งที่เราเจอปัญหา เชื่อเถอะค่ะ ตัวเล็กเค้าก็สู้ไปกับเรา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้สู้และมีความหวังจนถึงที่สุดนะคะ และเราต้องขอบคุณกำลังใจจากห้องชานเรือนอีกครั้งค่ะ