กลับมาติดทีมชาติวันอุ่นเครื่องกับอาเจนอีกหน โอ้ก็กลับมาสากเหมือนเดิมและขว้างโอกาสทำประตูจะๆทิ้งถึง 3 หน พอเปลี่ยนตัวออกบรรดาแฟนเลยโห่ไล่รอบสนาม
กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันไปทั้งประเทศว่ามันสมควรแล้วหรือไงที่ทำแบบนั้นกับโอ้ เลิฟและเดเอฟเบไม่พอใจมากๆว่าผิดมารยาทอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นนักเตะคนไหนก็ไม่ควรโห่ ทุกคนลงแข่งในนามทีมชาติและพยายามเต็มทีแต่ความผิดพลาดเกิดได้กับทุกคน ดังนั้นเดเอฟเบหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องราวอย่างนี้อีก
เลิฟออกมากางปีกปกป้องโอ้ทันทีว่า "มาริโอบาดเจ็บมานาน เพิ่งจะกลับมาติดทีมชาติใหม่จะให้ท๊อปฟอร์มทันทีได้ยังไง เขาเป็นกองหน้าที่เคยยิงประตูโดยเฉพาะประตูสำคัญหลายลูกให้กับทีมชาติ ถ้าเขาไม่บาดเจ็บ ฝีเท้าเขาก็ระดับโลกคนนึงนะ วันนี้ที่จะแข่งกับสกอตแลนด์ ผมยังไม่แน่ใจว่าจะให้เขาลงเป็นตัวจริง ตัวสำรองหรือจะให้ลงเกมหน้า แต่ที่แน่ๆคือผมหนุนหลังเขาเสมอ และผมหวังว่าจะไม่มีการโห่ไล่เขาอีก"
บรรดานักเตะทุกคนออกมาปกป้องโอ้และตำหนิการกระทำของแฟนบอลว่าไร้น้ำใจและเสียมารยาท ทุกคนเข้าข้างโอ้และเป็นกำลังใจให้โอ้เสมอ ส่วนโอ้เอง ยอมรับว่าแสลงใจแต่ก็ทำใจมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว
โอ้ว่า "เรื่องราวมันเกิดเพราะผมพลาดในบอลยูโร 2008 ลูกที่ผมยิงไม่เข้ากลายเป็นลูกประวัติศาสตร์ที่ทุกคนพร้อมใจกันมอบตำแหน่ง "สาก" ให้ผม มันกลายเป็นชนักติดหลังผมมาตลอด ผมพยายามลืมและมันก็เลือนไปบ้างแล้ว แต่คนอื่นไม่ยอมลืมและไม่คิดจะลืม เมื่อไรที่ผมลงแข่ง คนจะตั้งตารอดูผมขว้างโอกาสทิ้ง และถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็จะพร้อมใจกันโห่ผม โห่แบบไม่คิดว่าจะทำลายน้ำใจผมขนาดไหน"
"ถ้านักเตะคนอื่นพลาด บรรดาแฟนบอลก็มีโห่บ้างแต่ไม่โห่เป็นกิจวัตรเหมือนที่ทำกับผม การโห่ไล่ผมกลายเป็นเรื่องประดับวงการบอลไปแล้ว แรกๆผมก็สะเทือนใจมาก ผมไม่ได้อยากพลาด ผมไม่ได้ตั้งใจยิงพลาด เมื่อพลาดก็เสียใจมากพอแล้ว ยิ่งมาโดนแฟนบอลโห่มันแทบหมดกำลังใจเลยทีเดียว คุณลองนึกดูซิว่า ถ้าคุณลงสนามพร้อมเสียงโห่หรือถูกโห่ขณะแข่ง จิตใจคุณจะถูกบั่นทอนขนาดไหน แล้วคุณจะสร้างผลงานที่ดีได้ยังไงกัน"
"ตอนนี้ตัวผมเองทำใจได้แล้ว แต่ผมสงสารพ่อแม่ผม ผมสนิทกับแม่มาก มีอะไรก็คุยกันตลอด เวลาพ่อแม่ผมเห็นผมถูกโห่ จิตใจท่านกระทบกระเทือนยิ่งไปกว่าผม ไปไหนมาไหนมีคนทักเรื่องนี้ท่านได้แต่ทำเฉยแม้ว่าจะหม่นหมองขนาดไหน ท่านทำได้แค่ปลอบใจและให้กำลังใจผม"
"แต่ถึงจะโดนโห่ยังไง ผมก็ดีใจนะที่ได้กลับมาติดทีมชาติอีก ได้เจอเพื่อนๆและทีมสตาฟ ผมมีความสุขนะ และผมจะพยายามทุกวิถีทางที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อไปยูโร 2016 ให้ได้" โอ้ตบท้าย
บอกตรงๆว่าสุดเซ็งที่โอ้สาก แต่ก็สงสารมากๆที่ถูกโห่ หวังว่าแฟนบอลคงนึกถึงอกโอ้มั่ง อย่าทำร้ายเขาให้มากไปกว่านี้ มาเอาใจช่วยโอ้ ช่วยทีมชาติกันดีกว่า และวันนี้ขอให้ชนะสก๊อตนะ
โกเมซ โห่ได้โห่ไปผมรับได้ แต่ผมสงสารพ่อแม่ผม
กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันไปทั้งประเทศว่ามันสมควรแล้วหรือไงที่ทำแบบนั้นกับโอ้ เลิฟและเดเอฟเบไม่พอใจมากๆว่าผิดมารยาทอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นนักเตะคนไหนก็ไม่ควรโห่ ทุกคนลงแข่งในนามทีมชาติและพยายามเต็มทีแต่ความผิดพลาดเกิดได้กับทุกคน ดังนั้นเดเอฟเบหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องราวอย่างนี้อีก
เลิฟออกมากางปีกปกป้องโอ้ทันทีว่า "มาริโอบาดเจ็บมานาน เพิ่งจะกลับมาติดทีมชาติใหม่จะให้ท๊อปฟอร์มทันทีได้ยังไง เขาเป็นกองหน้าที่เคยยิงประตูโดยเฉพาะประตูสำคัญหลายลูกให้กับทีมชาติ ถ้าเขาไม่บาดเจ็บ ฝีเท้าเขาก็ระดับโลกคนนึงนะ วันนี้ที่จะแข่งกับสกอตแลนด์ ผมยังไม่แน่ใจว่าจะให้เขาลงเป็นตัวจริง ตัวสำรองหรือจะให้ลงเกมหน้า แต่ที่แน่ๆคือผมหนุนหลังเขาเสมอ และผมหวังว่าจะไม่มีการโห่ไล่เขาอีก"
บรรดานักเตะทุกคนออกมาปกป้องโอ้และตำหนิการกระทำของแฟนบอลว่าไร้น้ำใจและเสียมารยาท ทุกคนเข้าข้างโอ้และเป็นกำลังใจให้โอ้เสมอ ส่วนโอ้เอง ยอมรับว่าแสลงใจแต่ก็ทำใจมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว
โอ้ว่า "เรื่องราวมันเกิดเพราะผมพลาดในบอลยูโร 2008 ลูกที่ผมยิงไม่เข้ากลายเป็นลูกประวัติศาสตร์ที่ทุกคนพร้อมใจกันมอบตำแหน่ง "สาก" ให้ผม มันกลายเป็นชนักติดหลังผมมาตลอด ผมพยายามลืมและมันก็เลือนไปบ้างแล้ว แต่คนอื่นไม่ยอมลืมและไม่คิดจะลืม เมื่อไรที่ผมลงแข่ง คนจะตั้งตารอดูผมขว้างโอกาสทิ้ง และถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็จะพร้อมใจกันโห่ผม โห่แบบไม่คิดว่าจะทำลายน้ำใจผมขนาดไหน"
"ถ้านักเตะคนอื่นพลาด บรรดาแฟนบอลก็มีโห่บ้างแต่ไม่โห่เป็นกิจวัตรเหมือนที่ทำกับผม การโห่ไล่ผมกลายเป็นเรื่องประดับวงการบอลไปแล้ว แรกๆผมก็สะเทือนใจมาก ผมไม่ได้อยากพลาด ผมไม่ได้ตั้งใจยิงพลาด เมื่อพลาดก็เสียใจมากพอแล้ว ยิ่งมาโดนแฟนบอลโห่มันแทบหมดกำลังใจเลยทีเดียว คุณลองนึกดูซิว่า ถ้าคุณลงสนามพร้อมเสียงโห่หรือถูกโห่ขณะแข่ง จิตใจคุณจะถูกบั่นทอนขนาดไหน แล้วคุณจะสร้างผลงานที่ดีได้ยังไงกัน"
"ตอนนี้ตัวผมเองทำใจได้แล้ว แต่ผมสงสารพ่อแม่ผม ผมสนิทกับแม่มาก มีอะไรก็คุยกันตลอด เวลาพ่อแม่ผมเห็นผมถูกโห่ จิตใจท่านกระทบกระเทือนยิ่งไปกว่าผม ไปไหนมาไหนมีคนทักเรื่องนี้ท่านได้แต่ทำเฉยแม้ว่าจะหม่นหมองขนาดไหน ท่านทำได้แค่ปลอบใจและให้กำลังใจผม"
"แต่ถึงจะโดนโห่ยังไง ผมก็ดีใจนะที่ได้กลับมาติดทีมชาติอีก ได้เจอเพื่อนๆและทีมสตาฟ ผมมีความสุขนะ และผมจะพยายามทุกวิถีทางที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อไปยูโร 2016 ให้ได้" โอ้ตบท้าย
บอกตรงๆว่าสุดเซ็งที่โอ้สาก แต่ก็สงสารมากๆที่ถูกโห่ หวังว่าแฟนบอลคงนึกถึงอกโอ้มั่ง อย่าทำร้ายเขาให้มากไปกว่านี้ มาเอาใจช่วยโอ้ ช่วยทีมชาติกันดีกว่า และวันนี้ขอให้ชนะสก๊อตนะ