รอบ 16 ทีมที่แข่งกับสโลวาเกียจบไปแล้ว ปุ๊บๆปั๊บๆทีมเรากลายมาเป็นเต็ง 1 ซะแล้ว วงการพนันให้แค่ 1/45 ถ้าแทงเยอรมัน 1 ยูโร ชนะจะได้แค่ 45 ยูโรเอง
แล้วทำไมอยู่ๆทีมรักของเราถึงเล่นสวยงามผิดหูผิดตากับ 2 นัดแรกในรอบแรกซะขนาดนั้น จริงๆก็มีเค้าว่าเราบุกกระหน่ำตั้งแต่แข่งกับไอร์แลนด์เหนือในนัดที่ 3 แล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าเราจะดีวันดีคืนแบบเหลือเชื่อในชั่วพริบตายังงี้ และแน่นอนที่บรรดาสื่อและแฟนบอลก็รวนเรไปตามการเล่นของเราพอกัน เล่นไม่ดีก็ด่าเล่นดีก็ชม และเกมนี้สื่อเยอรมันก็ชื่นชมทั้งเลิฟและนักเตะของเรากันถ้วนหน้า
ตอนประกาศรายชื่อนักเตะ มีแต่คนงงว่าเอาดรักซ์เลอร์ ลงแทนเกิทเซ่ได้ไง เล่น 2 นัดแรกไม่ได้เรื่อง ไม่ลงช่วยกองหลังเอาซะเลย ทำไมไม่ลองเอาเลอรอย ซาเน่ ลงมั่ง ตอนแข่งกระชับมิตร ถึงฝนฟ้าจะตกระหน่ำจนสนามเจิ่งนองแต่เราก็แพ้สโลวาเกียมาแล้ว เปลี่ยนตัวยังงี้จะไหวเหรอ ฯลฯ
แต่ที่ไม่มีใครรู้ก็คือ ในการลงซ้อม ดรักซ์เลอร์เล่นดีมากในการปะทะตัวต่อตัว แถมเลี้ยงลูกเข้าไปในเขตโทษได้ดีมาก ดรักซ์เลอร์ให้สัมภาษณ์หลังแข่งว่า "ตอนซ้อมน่ะ ผมพยายามเต็มที่ ให้บุนเดสเทรนเนอร์เห็นว่าผมเป็นทางเลือกทางนึงสำหรับทีม เขามาหาผมและบอกว่า ให้ผมกล้ากว่านี้ ให้กล้าบุก กล้าเลี้ยงเข้าเขตโทษ กล้าที่จะปะทะตัวต่อตัว และให้ลงช่วยกองหลังให้มากขึ้น ตอนลงแข่งผมก็พยามที่สุดเพื่อตอบแทนความไว้วางใจของบุนเดสเทรนเนอร์"
"มันเป็นวันที่งดงามมากสำหรับผม ผมดีใจที่มีส่วนช่วยทีม เกมหน้าผมก็อยากลงเล่นอีก แต่มันแล้วแต่บุนเดสเทรนเนอร์นะ"
ในครึ่งแรก เราเล่นทั้งดีทั้งสวยงาม เกมรับแน่น เกมรุกหรูหราหาพื้นที่เข้าทำประตูได้ดี และเมื่อบัวเต็งยิงประตูได้ แฟนบอลและทีมสตาฟก็เฮกันลั่นประเทศ เพื่อนบ้านถึงกับจุดประทัดตูมตาม ก็จุดทุกครั้งที่เรายิงประตูได้นั่นแหละ มันทำให้หมดข้อกังขาว่า บัวเต็ง"น่องแห่งชาติ" ของเราจะมีปัญหาบาดเจ็บจนลงแข่งไม่ได้รึเปล่า พอยิงประตูสุดสวยระยะห่าง 20 ม. ได้ บัวเต็งก็วิ่งทำสถิติไปหาหมอเทวดาและนักกายภาพบำบัดของทีมและบอกว่า "ถ้าไม่ได้เขาผมคงลงแข่งไม่ได้ในวันนี้ พวกเขาทำงานหนักจริงๆที่จะช่วยให้ผมหายบาดเจ็บที่น่อง"
เผลออีกแป๊บเราได้ลูกโทษ โอซิลที่ไม่เคยยิงลูกโทษพลาดในนามทีมชาติเกิดยิงไม่เข้าซะงั้น แต่ในแง่ดีคือเราได้เห็นหัวใจนักสู้ของเยอรมันอีกครั้ง ไม่มีใครละห้อยละเหี่ย โอซิลเองก็ไม่ได้เพลียใจที่ยิงไม่เข้า ต่างเดินหน้าเข้าทำประตูอย่างต่อเนื่อง จะมีช่วงเผลอก็ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ที่เราเผลอให้สโลวาเกียมายิง ดีที่นอยเออร์ไม่ยืนหลับ แต่คอยตื่นตัวติดตามเกมตลอดจนสามารถปัดลูกยิงอันตรายไปได้สมกับเป็นเทพแห่งการรักษาประตู สิ่งหนึ่งที่กองเชียร์และสื่อเห็นก็คือ ทีมเรานิ่งขึ้น แม้นจะตกใจแต่ก็ฟื้นสติหันกลับไปบุกต่อและทำให้เราได้ประตูที่ 2 ไปอย่างสุดสวยด้วยการที่ดรักซ์เลอร์เลี้ยงเดี่ยวหลบหลีกองหลังเข้าไปในเขต 5 ม. และส่งลูกให้โกเมซยิงเผาขนไปได้ท่ามกลางการโห่ร้องของกองเชียร์กึกก้องทั่วประเทศ
นี่คือโกเมซคนใหม่ ไม่ใช่สากโอ้คนเดิมที่ยิงประตูเปล่าๆยังไม่เข้าในอดีต เมื่อนักข่าวถามถึงความรู้สึกในอดีตต โกเมซว่า "ผมไม่อยากจะคิดถึงความหลัง ผมอยากมีความสุขกับวันนี้และขณะนี้ แต่ก็นะ เรื่องราวที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น ปีที่ผ่านมาผมพยายามทุกอย่างเพื่อเป้าหมายเดียว คือการได้ติดทีมชาติไปยูโรด้วย ผมอยากเป็นแชมป์ยูโร ผมฝึกซ้อมเต็มที่ ผมไม่เรียกร้องอะไร ผมพร้อมที่จะช่วยทีมทุกทาง และเมื่อบุนเดสเทรนเนอร์ไว้ใจและให้โอกาสผม ผมก็พยายามที่สุดเพื่อตอบแทนเขาและเพื่อทีมของเรา ทีมเราเล่นดีจริงๆนะ เยี่ยมทั้งรุกทั้งรับ วิเศษจริงๆ"
แกรี ลินิเกอร์ ตำนานอังกฤษว่า เบื่อสุดๆใช่มั้ยที่เป็นเยอรมัน ชนะตลอดเนี่ย
แล้วทำไมอยู่ๆทีมรักของเราถึงเล่นสวยงามผิดหูผิดตากับ 2 นัดแรกในรอบแรกซะขนาดนั้น จริงๆก็มีเค้าว่าเราบุกกระหน่ำตั้งแต่แข่งกับไอร์แลนด์เหนือในนัดที่ 3 แล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าเราจะดีวันดีคืนแบบเหลือเชื่อในชั่วพริบตายังงี้ และแน่นอนที่บรรดาสื่อและแฟนบอลก็รวนเรไปตามการเล่นของเราพอกัน เล่นไม่ดีก็ด่าเล่นดีก็ชม และเกมนี้สื่อเยอรมันก็ชื่นชมทั้งเลิฟและนักเตะของเรากันถ้วนหน้า
ตอนประกาศรายชื่อนักเตะ มีแต่คนงงว่าเอาดรักซ์เลอร์ ลงแทนเกิทเซ่ได้ไง เล่น 2 นัดแรกไม่ได้เรื่อง ไม่ลงช่วยกองหลังเอาซะเลย ทำไมไม่ลองเอาเลอรอย ซาเน่ ลงมั่ง ตอนแข่งกระชับมิตร ถึงฝนฟ้าจะตกระหน่ำจนสนามเจิ่งนองแต่เราก็แพ้สโลวาเกียมาแล้ว เปลี่ยนตัวยังงี้จะไหวเหรอ ฯลฯ
แต่ที่ไม่มีใครรู้ก็คือ ในการลงซ้อม ดรักซ์เลอร์เล่นดีมากในการปะทะตัวต่อตัว แถมเลี้ยงลูกเข้าไปในเขตโทษได้ดีมาก ดรักซ์เลอร์ให้สัมภาษณ์หลังแข่งว่า "ตอนซ้อมน่ะ ผมพยายามเต็มที่ ให้บุนเดสเทรนเนอร์เห็นว่าผมเป็นทางเลือกทางนึงสำหรับทีม เขามาหาผมและบอกว่า ให้ผมกล้ากว่านี้ ให้กล้าบุก กล้าเลี้ยงเข้าเขตโทษ กล้าที่จะปะทะตัวต่อตัว และให้ลงช่วยกองหลังให้มากขึ้น ตอนลงแข่งผมก็พยามที่สุดเพื่อตอบแทนความไว้วางใจของบุนเดสเทรนเนอร์"
"มันเป็นวันที่งดงามมากสำหรับผม ผมดีใจที่มีส่วนช่วยทีม เกมหน้าผมก็อยากลงเล่นอีก แต่มันแล้วแต่บุนเดสเทรนเนอร์นะ"
ในครึ่งแรก เราเล่นทั้งดีทั้งสวยงาม เกมรับแน่น เกมรุกหรูหราหาพื้นที่เข้าทำประตูได้ดี และเมื่อบัวเต็งยิงประตูได้ แฟนบอลและทีมสตาฟก็เฮกันลั่นประเทศ เพื่อนบ้านถึงกับจุดประทัดตูมตาม ก็จุดทุกครั้งที่เรายิงประตูได้นั่นแหละ มันทำให้หมดข้อกังขาว่า บัวเต็ง"น่องแห่งชาติ" ของเราจะมีปัญหาบาดเจ็บจนลงแข่งไม่ได้รึเปล่า พอยิงประตูสุดสวยระยะห่าง 20 ม. ได้ บัวเต็งก็วิ่งทำสถิติไปหาหมอเทวดาและนักกายภาพบำบัดของทีมและบอกว่า "ถ้าไม่ได้เขาผมคงลงแข่งไม่ได้ในวันนี้ พวกเขาทำงานหนักจริงๆที่จะช่วยให้ผมหายบาดเจ็บที่น่อง"
เผลออีกแป๊บเราได้ลูกโทษ โอซิลที่ไม่เคยยิงลูกโทษพลาดในนามทีมชาติเกิดยิงไม่เข้าซะงั้น แต่ในแง่ดีคือเราได้เห็นหัวใจนักสู้ของเยอรมันอีกครั้ง ไม่มีใครละห้อยละเหี่ย โอซิลเองก็ไม่ได้เพลียใจที่ยิงไม่เข้า ต่างเดินหน้าเข้าทำประตูอย่างต่อเนื่อง จะมีช่วงเผลอก็ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ที่เราเผลอให้สโลวาเกียมายิง ดีที่นอยเออร์ไม่ยืนหลับ แต่คอยตื่นตัวติดตามเกมตลอดจนสามารถปัดลูกยิงอันตรายไปได้สมกับเป็นเทพแห่งการรักษาประตู สิ่งหนึ่งที่กองเชียร์และสื่อเห็นก็คือ ทีมเรานิ่งขึ้น แม้นจะตกใจแต่ก็ฟื้นสติหันกลับไปบุกต่อและทำให้เราได้ประตูที่ 2 ไปอย่างสุดสวยด้วยการที่ดรักซ์เลอร์เลี้ยงเดี่ยวหลบหลีกองหลังเข้าไปในเขต 5 ม. และส่งลูกให้โกเมซยิงเผาขนไปได้ท่ามกลางการโห่ร้องของกองเชียร์กึกก้องทั่วประเทศ
นี่คือโกเมซคนใหม่ ไม่ใช่สากโอ้คนเดิมที่ยิงประตูเปล่าๆยังไม่เข้าในอดีต เมื่อนักข่าวถามถึงความรู้สึกในอดีตต โกเมซว่า "ผมไม่อยากจะคิดถึงความหลัง ผมอยากมีความสุขกับวันนี้และขณะนี้ แต่ก็นะ เรื่องราวที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น ปีที่ผ่านมาผมพยายามทุกอย่างเพื่อเป้าหมายเดียว คือการได้ติดทีมชาติไปยูโรด้วย ผมอยากเป็นแชมป์ยูโร ผมฝึกซ้อมเต็มที่ ผมไม่เรียกร้องอะไร ผมพร้อมที่จะช่วยทีมทุกทาง และเมื่อบุนเดสเทรนเนอร์ไว้ใจและให้โอกาสผม ผมก็พยายามที่สุดเพื่อตอบแทนเขาและเพื่อทีมของเรา ทีมเราเล่นดีจริงๆนะ เยี่ยมทั้งรุกทั้งรับ วิเศษจริงๆ"