ฉันเริ่มออกวิ่งหลังจากถูกเธอทิ้งไป
ตอนนั้นอารมณ์ไหนตอนนี้ก็ไม่แน่ใจนัก ฉันคือชายผู้ไม่เคยรักการวิ่งมาก่อนเลยและมักจะเฉื่อยชากับเรื่องการออกกำลังกายมาโดยตลอด แต่...
อยู่ดีๆก็โดนทิ้ง...อยู่ดีๆก็ออกวิ่ง... แค่นั้น
ไม่เคยมีเหตุผลสวยหรูใดๆ อาจจะอ้างกับใครๆได้ว่าถึงเวลาที่ฉันต้องหันมารักและดูแลตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว ผู้คนรอบข้างต่างสนับสนุนและเห็นชอบ แต่ฉันก็ยังเฉยๆ มีเวลาว่างมากขึ้นเลยต้องหากิจกรรมทำเพิ่มขึ้นแก้ฟุ้งซ่าน และการวิ่งดูจะเป็นอะไรที่สะดวกที่สุดก็แค่นั้นเอง
จะเรียกว่าวิ่งจริงๆก็ยังกระดากปากเพราะส่วนใหญ่จะเป็นการเดินหอบแฮ่กๆสลับการวิ่งทีละสองสามร้อยเมตรซะมากกว่า แม้จะลงทุนสอยรองเท้าวิ่งคู่งามมาใส่ แม้จะเริ่มสนุกกับการวิ่งสะสมระยะทาง แต่ฉันว่าฉันก็ยังคงอ่อนแอและวิ่งห่วยอยู่ดี
ถ้าจะมีข้อดีของการวิ่งที่ฉันรู้สึกได้ก็คงเป็นในเวลาที่เหนื่อยสุดๆจนแทบจะอยากทิ้งตัวลงตรงนั้นฉันมักจะนึกถึงเธอ...
นึกถึงเธอในมุมที่ต่างออกไป ไม่ใช่ความอาลัยอาวรณ์เหมือนตอนคิดถึงแบบปกติ หากแต่เป็นการตรัสรู้ว่าฉันมันยังดีไม่พอจริงๆ...ไอ้ห่วย แค่นี้ก็จะตายซะแล้วรึ ถ้าเอ็งตายลงตรงนี้ชีวิตก็จบลงแค่ตรงนี้ เอ็งจะหยุดแค่นี้เหรอ ...ภาพเธอที่งดงามจะปรากฏขึ้นมาหลอกหลอนฉัน กดดันให้ฉันไม่อยากยอมแพ้ ผลักดันให้ฉันต้องดีกว่านิ้ ฉันจำเป็นต้องก้าวผ่านเธอไปให้ได้
หากเปรียบเป็นการฝึกตนการวิ่งมันน่าทึ่งตรงที่พาให้เราผ่านขีดสุดของตัวเองได้เรื่อยๆ และทุกครั้งที่วิ่งผ่านจุดที่เรียกว่าขีดสุดมันจะรู้สึกเหมือนก้าวผ่านไปสู่ชีวิตใหม่
ผ่านมาสี่เดือนแล้วฉันเริ่มชอบการวิ่งมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเธอน้อยลง
อาจเป็นได้ว่าระยะทางที่ผ่านมามันยังไม่ไกลมากพอ อาจเพราะฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะวิ่งเพื่อหนีเธอหรือต้องการเอาชนะใคร
ฉันเพียงแค่วิ่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะชนะและหลุดพ้นหัวใจตัวฉันเอง
และนี่ก็คือ 100กิโลเมตรแรก จากเธอ~~~
ปล.โพสเผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครออกมาวิ่งด้วยกันนะครับ ผมก็เพิ่งเริ่มออกตัวยังอ่อนด้อยยิ่งนัก
[กระทู้เวิ่นเว้อ] 100กิโลเมตรแรก...จากเธอ
ตอนนั้นอารมณ์ไหนตอนนี้ก็ไม่แน่ใจนัก ฉันคือชายผู้ไม่เคยรักการวิ่งมาก่อนเลยและมักจะเฉื่อยชากับเรื่องการออกกำลังกายมาโดยตลอด แต่...
อยู่ดีๆก็โดนทิ้ง...อยู่ดีๆก็ออกวิ่ง... แค่นั้น
ไม่เคยมีเหตุผลสวยหรูใดๆ อาจจะอ้างกับใครๆได้ว่าถึงเวลาที่ฉันต้องหันมารักและดูแลตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว ผู้คนรอบข้างต่างสนับสนุนและเห็นชอบ แต่ฉันก็ยังเฉยๆ มีเวลาว่างมากขึ้นเลยต้องหากิจกรรมทำเพิ่มขึ้นแก้ฟุ้งซ่าน และการวิ่งดูจะเป็นอะไรที่สะดวกที่สุดก็แค่นั้นเอง
จะเรียกว่าวิ่งจริงๆก็ยังกระดากปากเพราะส่วนใหญ่จะเป็นการเดินหอบแฮ่กๆสลับการวิ่งทีละสองสามร้อยเมตรซะมากกว่า แม้จะลงทุนสอยรองเท้าวิ่งคู่งามมาใส่ แม้จะเริ่มสนุกกับการวิ่งสะสมระยะทาง แต่ฉันว่าฉันก็ยังคงอ่อนแอและวิ่งห่วยอยู่ดี
ถ้าจะมีข้อดีของการวิ่งที่ฉันรู้สึกได้ก็คงเป็นในเวลาที่เหนื่อยสุดๆจนแทบจะอยากทิ้งตัวลงตรงนั้นฉันมักจะนึกถึงเธอ...
นึกถึงเธอในมุมที่ต่างออกไป ไม่ใช่ความอาลัยอาวรณ์เหมือนตอนคิดถึงแบบปกติ หากแต่เป็นการตรัสรู้ว่าฉันมันยังดีไม่พอจริงๆ...ไอ้ห่วย แค่นี้ก็จะตายซะแล้วรึ ถ้าเอ็งตายลงตรงนี้ชีวิตก็จบลงแค่ตรงนี้ เอ็งจะหยุดแค่นี้เหรอ ...ภาพเธอที่งดงามจะปรากฏขึ้นมาหลอกหลอนฉัน กดดันให้ฉันไม่อยากยอมแพ้ ผลักดันให้ฉันต้องดีกว่านิ้ ฉันจำเป็นต้องก้าวผ่านเธอไปให้ได้
หากเปรียบเป็นการฝึกตนการวิ่งมันน่าทึ่งตรงที่พาให้เราผ่านขีดสุดของตัวเองได้เรื่อยๆ และทุกครั้งที่วิ่งผ่านจุดที่เรียกว่าขีดสุดมันจะรู้สึกเหมือนก้าวผ่านไปสู่ชีวิตใหม่
ผ่านมาสี่เดือนแล้วฉันเริ่มชอบการวิ่งมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเธอน้อยลง
อาจเป็นได้ว่าระยะทางที่ผ่านมามันยังไม่ไกลมากพอ อาจเพราะฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะวิ่งเพื่อหนีเธอหรือต้องการเอาชนะใคร
ฉันเพียงแค่วิ่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะชนะและหลุดพ้นหัวใจตัวฉันเอง
และนี่ก็คือ 100กิโลเมตรแรก จากเธอ~~~
ปล.โพสเผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครออกมาวิ่งด้วยกันนะครับ ผมก็เพิ่งเริ่มออกตัวยังอ่อนด้อยยิ่งนัก