เราจะแต่งงานต้นปีหน้าแล้วค่ะ อยากหาคนที่มีประสบการณ์ร่วมช่วยแชร์และบอกวิธีแก้ไขทีค่ะ
เราเป็นเด็กต่างจังหวัดมาอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ม.ต้นค่ะ มาอยู่กับญาติ พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดซึ่งไกลมากค่ะ เราตั้งใจเรียน แล้วก็ทำงานเก็บเงินเองด้วยเริ่มทำงานตั้งแต่ตอน ม.3 จนถึงระดับมหาวิทยาลัยก็ทำงานส่งตัวเองเรียนเพราะรู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงินเท่าไหร่
แล้วเราก็ตัดสินใจแต่งงานค่ะ คุยกับแฟนว่าจะออกเองทุกบาททุกสตางค์ เงินเก็บก็มีครบ สินสอดก็จะออกเอง(ยังแซวกันอยู่เลยว่า หาเงินไถ่ตัวเอง) ค่าจัดงานก็จะออกเองทุกอย่าง ทีนี้มันมีปัญหาตรงจัดงานนี่แหละค่ะ อย่างที่บอกว่าเราโตที่กรุงเทพฯ ชีวิตเราอยู่ที่นี่เลยค่ะ เพื่อนที่บ้านเกิดไม่มีเลย นับได้แค่ 2-3 คน ประกอบกับเราไปเห็นสถานที่จัดงานแต่งที่สวยมากในกรุงเทพฯ ดูงบแล้ว ได้อยู่ งานแต่งตั้งใจจะจัดเล็กๆอยู่แล้ว เชิญเฉพาะคนสนิท ญาติสนิท หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน บวกลบกับเจ้าบ่าวแล้ว ไม่เกินงบแน่นอน
ทีนี้ มันก็มีปัญหาค่ะ พอไปบอกพ่อแม่เรา เขาก็โวยวาย บอกว่างานแต่งตามประเพณีต้องจัดที่บ้านเจ้าสาว ใครเขาไปจัดบ้านเจ้าบ่าวกัน(เจ้าบ่าวอยู่ กรุงเทพ) เราก็อธิบายว่า มันไม่ใช่บ้านเจ้าบ่าวอย่างเดียว แต่เราก็อยู่นี่ แล้วเพื่อนเราอยู่นี่หมดเลย ถ้าไปต่างจังหวัด มันไกลมาก เราต้องเสียค่าโรงแรมให้แขกอีก มันจะไม่คุ้มกัน
แม่เราก็บอกว่า แล้วญาติทางฝั่งพ่อแม่ละ จะว่ายังไง เราอธิบายไปแล้วว่า ญาติฝั่งพ่อแม่เราคิดรวมไปแล้ว คือรวมๆแล้วมีไม่เท่าไหร่ ไม่ถึง 30 คนหรอก เปิดห้องในโรงแรมได้ แล้วเราก็มีคอนเนคชั่นกับโรงแรม สามารถหาได้ราคาไม่แพง (ทั้งที่จริงๆแล้ว ญาติที่เราสนิท ส่วนใหญ่ก็มีที่อยู่อยู่ที่กรุงเทพกันทั้งนั้น บางคนอาจจะไม่ต้องเปิดห้องด้วยซ้ำ)
แต่พ่อแม่เราไม่ฟัง บอกว่า แขกเขาเยอะกว่าที่เราคิด เราก็ถามว่า เขาจะเชิญมากี่คน เขาพูดๆมา เรานับแล้วประมาณ 200-300 คน เราก็ตกใจมาก จะเชิญทำไมเยอะขนาดนั้น และนั่นไม่ใช่แขกเราเลยนะ เราไม่รู้จักเลยแต่ละคน เขาบอกว่า เป็นแขกเขา เป็นหน้าเป็นตาเขา เขาบอกว่า ถ้าเขาไม่เชิญ คนอื่นจะด่าว่าเอาได้
เราฟังแล้วเสียใจมาก เขาแคร์คนอื่น กลัวคนอื่นมองเขาไม่ดี แต่ไม่แคร์เราบ้าง ว่าเราจะรู้สึกยังไง
เราบอกว่า ถ้าไปจัดไกลเกิน เพื่อนๆเราก็ไปไม่ได้ เจ้านายเรา ผู้มีพระคุณกับเราหลายๆคนก็ไม่สะดวกจะไป ทั้งๆที่เราอยากให้เขามาเป็นประธานในงานเลี้ยงด้วยซ้ำ พ่อแม่เราก็บอกว่า ให้มาจัดที่กรุงเทพฯอีกงานแทนสิ เราก็แบบ เฮ้ย งบมันบานปลายนะสิ
สุดท้าย เราก็ยอมท่านด้วยการบอกว่า เอางี้ พิธีไทย พิธีหมั้น+รดน้ำสังข์ จัดที่บ้านต่างจังหวัดละกัน เพราะพ่อแม่เราอ้างเรื่องประเพณี แต่เรารู้ว่าจริงๆเขาอยากให้เพื่อนเขามางาน อยากอวดเพื่อน เราก็ตามใจ แล้วเราก็ตกลงว่า งานเลี้ยงงานเย็น ขอจัดที่กรุงเทพฯนะ เพราะเราก็อยากให้เพื่อนเรามา เขาก็ตอบตกลงแบบเสียไม่ได้
แต่พอแฟนเราพาผู้ใหญ่มาคุย กลายเป็นเขาพูดอีกแบบ ยืนกรานว่าทั้งสองงานต้องจัดที่บ้านต่างจังหวัด เรานั่งเงียบอย่างเดียว ไม่กล้าขัด เพราะกลัวพ่อแม่เราจะเสียหน้า ทั้งที่ในใจอยากโวยวายใส่ครอบครัวตัวเองมาก ว่าทำไมตกลงกันแล้วเป็นแบบนี้ ทางผู้ใหญ่ฝั่งแฟนเราพยายามแย้ง ทางฝั่งพ่อแม่เราก็ไม่ยอม เขาอ้างว่า งานพิธีไทยจัดเล็กๆเชิญแขกไม่กี่คน เพราะฉะนั้นก็ต้องจัดงานเลี้ยงด้วย เพื่อจะได้เชิญแขกให้เยอะๆ สุดท้ายตกลงว่า มีงาน 3 งาน งานเช้า งานเลี้ยงจัดที่บ้านเรา และที่กรุงเทพฯจะจัดอีกงานนึง จริงๆแล้วเรากะว่าจะมี after party ให้เพื่อนๆของเรากับแฟนด้วย เพราะเป็นเพื่อนรักกันมาก ช่วยเหลือกันตลอด เลยอยากจัดขอบคุณ สงสัยคงต้องเลื่อนหรือไม่ก็ล้มเลิกไป
เราก็พูดขันมากลางวงว่า แล้วจัดสามงาน เงินจะพอเหรอ สรุปว่า พ่อแม่แฟนต้องช่วยออกค่างานที่กรุงเทพ ส่วนงานสองงานที่บ้านเรา ใช้เงินเก็บเรากับแฟน พ่อแม่เราบอกว่า ถ้าไม่พอ เดี๋ยวเขาจะช่วย แต่เรารู้ว่า เขาไม่มีเงินเก็บหรอก ถ้าช่วยของเขาคือต้องไปยืมหรือกู้มา ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
เราเสียใจมาก ร้องไห้ติดต่อกันหลายๆวัน ไม่ใช่แค่เรื่องสถานที่จัดงานอย่างเดียว กลายเป็นว่า ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ตาม พ่อแม่เราจะเข้ามายุ่มย่ามไปหมด รวมถึงญาติบางคนที่เราไม่ได้สนิทด้วย แม่เราไปขอให้เขาช่วย แล้วก็มาเลือกโน่น เลือกนี่ เช่น เราอยากจัดงานอารมณ์ out door หน่อย แล้วตกแต่งงานแบบวินเทจให้ดูคลาสสิค เขาก็บ่นกันว่า ร้อน ขอจัดในโรงแรม ให้โรงแรมตกแต่ง ตกแต่งด้วยผ้าสีๆดอกไม้นิดหน่อย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันธรรมดา และไม่สวยเลย แต่เราก็ขัดไม่ได้ เพราะพอขัด พ่อแม่เราก็จะด่าว่าเราเถียงขึ้นมาทันที ทั้งที่เราพยายามจะพูดเหตุผล
เราจะไม่ดูฤกษ์จะจัดเอาวันที่เรากับแฟนสะดวก เพราะไม่อยากลางานเยอะๆ เขาก็ยืนกรานว่าต้องมีฤกษ์ แล้วฤกษ์ที่ได้ก็ดันเป็นช่วงที่เราน่าจะยุ่งสุดๆ แต่เขาก็ไม่สนใจ
พอมาวันนี้เรานั่งดูรีวิวงานแต่งสวยๆของเจ้าสาวหลายๆท่าน ดูแล้วก็ร้องไห้เพราะทำอะไรไม่ได้ จากเดิมทีเก็บเงินไว้เยอะมาก ตั้งใจจะจัดงานแบบที่ตัวเองอยากได้แบบที่ชอบ ตั้งใจจะทำเองทุกอย่างจะไม่จ้างออแกไนซ์เซอร์ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เราทำอะไรไม่ได้เลย สงสารแฟนและพ่อแม่ฝั่งแฟนด้วย ที่ต้องมารับภาระช่วยออกโน่นนี่ให้
เราเลยเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่เราอ้างเรื่องประเพณีเต็มไปหมด แต่เรางงว่า ประเพณีมันเปลี่ยนตามความสะดวกของคนจัดงานไม่ได้เหรอ
ขอโทษค่ะที่บ่นมายาว เราอัดอั้นมาก ไม่สามารถระบายกับใครได้ กับแฟนก็ไม่อยากพูดให้เขารู้สึกไม่ดีกับพ่อแม่เรา แต่เราไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไง
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ (ขอความกรุณาอย่าต่อว่าพ่อแม่เราด้วยถ้อยคำหยาบคายนะคะ เรารู้ว่าเราบ่นแบบนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน แต่เราก็ไม่อยากให้ใครมาด่าท่านด้วยถ้อยคำหยาบๆเช่นกันค่ะ)
ใครที่กำลังจะจัดงานแต่งงานแล้วมีปัญหากับพ่อแม่ฝั่งตัวเองบ้างมั้ยคะ
เราเป็นเด็กต่างจังหวัดมาอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ม.ต้นค่ะ มาอยู่กับญาติ พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดซึ่งไกลมากค่ะ เราตั้งใจเรียน แล้วก็ทำงานเก็บเงินเองด้วยเริ่มทำงานตั้งแต่ตอน ม.3 จนถึงระดับมหาวิทยาลัยก็ทำงานส่งตัวเองเรียนเพราะรู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงินเท่าไหร่
แล้วเราก็ตัดสินใจแต่งงานค่ะ คุยกับแฟนว่าจะออกเองทุกบาททุกสตางค์ เงินเก็บก็มีครบ สินสอดก็จะออกเอง(ยังแซวกันอยู่เลยว่า หาเงินไถ่ตัวเอง) ค่าจัดงานก็จะออกเองทุกอย่าง ทีนี้มันมีปัญหาตรงจัดงานนี่แหละค่ะ อย่างที่บอกว่าเราโตที่กรุงเทพฯ ชีวิตเราอยู่ที่นี่เลยค่ะ เพื่อนที่บ้านเกิดไม่มีเลย นับได้แค่ 2-3 คน ประกอบกับเราไปเห็นสถานที่จัดงานแต่งที่สวยมากในกรุงเทพฯ ดูงบแล้ว ได้อยู่ งานแต่งตั้งใจจะจัดเล็กๆอยู่แล้ว เชิญเฉพาะคนสนิท ญาติสนิท หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน บวกลบกับเจ้าบ่าวแล้ว ไม่เกินงบแน่นอน
ทีนี้ มันก็มีปัญหาค่ะ พอไปบอกพ่อแม่เรา เขาก็โวยวาย บอกว่างานแต่งตามประเพณีต้องจัดที่บ้านเจ้าสาว ใครเขาไปจัดบ้านเจ้าบ่าวกัน(เจ้าบ่าวอยู่ กรุงเทพ) เราก็อธิบายว่า มันไม่ใช่บ้านเจ้าบ่าวอย่างเดียว แต่เราก็อยู่นี่ แล้วเพื่อนเราอยู่นี่หมดเลย ถ้าไปต่างจังหวัด มันไกลมาก เราต้องเสียค่าโรงแรมให้แขกอีก มันจะไม่คุ้มกัน
แม่เราก็บอกว่า แล้วญาติทางฝั่งพ่อแม่ละ จะว่ายังไง เราอธิบายไปแล้วว่า ญาติฝั่งพ่อแม่เราคิดรวมไปแล้ว คือรวมๆแล้วมีไม่เท่าไหร่ ไม่ถึง 30 คนหรอก เปิดห้องในโรงแรมได้ แล้วเราก็มีคอนเนคชั่นกับโรงแรม สามารถหาได้ราคาไม่แพง (ทั้งที่จริงๆแล้ว ญาติที่เราสนิท ส่วนใหญ่ก็มีที่อยู่อยู่ที่กรุงเทพกันทั้งนั้น บางคนอาจจะไม่ต้องเปิดห้องด้วยซ้ำ)
แต่พ่อแม่เราไม่ฟัง บอกว่า แขกเขาเยอะกว่าที่เราคิด เราก็ถามว่า เขาจะเชิญมากี่คน เขาพูดๆมา เรานับแล้วประมาณ 200-300 คน เราก็ตกใจมาก จะเชิญทำไมเยอะขนาดนั้น และนั่นไม่ใช่แขกเราเลยนะ เราไม่รู้จักเลยแต่ละคน เขาบอกว่า เป็นแขกเขา เป็นหน้าเป็นตาเขา เขาบอกว่า ถ้าเขาไม่เชิญ คนอื่นจะด่าว่าเอาได้
เราฟังแล้วเสียใจมาก เขาแคร์คนอื่น กลัวคนอื่นมองเขาไม่ดี แต่ไม่แคร์เราบ้าง ว่าเราจะรู้สึกยังไง
เราบอกว่า ถ้าไปจัดไกลเกิน เพื่อนๆเราก็ไปไม่ได้ เจ้านายเรา ผู้มีพระคุณกับเราหลายๆคนก็ไม่สะดวกจะไป ทั้งๆที่เราอยากให้เขามาเป็นประธานในงานเลี้ยงด้วยซ้ำ พ่อแม่เราก็บอกว่า ให้มาจัดที่กรุงเทพฯอีกงานแทนสิ เราก็แบบ เฮ้ย งบมันบานปลายนะสิ
สุดท้าย เราก็ยอมท่านด้วยการบอกว่า เอางี้ พิธีไทย พิธีหมั้น+รดน้ำสังข์ จัดที่บ้านต่างจังหวัดละกัน เพราะพ่อแม่เราอ้างเรื่องประเพณี แต่เรารู้ว่าจริงๆเขาอยากให้เพื่อนเขามางาน อยากอวดเพื่อน เราก็ตามใจ แล้วเราก็ตกลงว่า งานเลี้ยงงานเย็น ขอจัดที่กรุงเทพฯนะ เพราะเราก็อยากให้เพื่อนเรามา เขาก็ตอบตกลงแบบเสียไม่ได้
แต่พอแฟนเราพาผู้ใหญ่มาคุย กลายเป็นเขาพูดอีกแบบ ยืนกรานว่าทั้งสองงานต้องจัดที่บ้านต่างจังหวัด เรานั่งเงียบอย่างเดียว ไม่กล้าขัด เพราะกลัวพ่อแม่เราจะเสียหน้า ทั้งที่ในใจอยากโวยวายใส่ครอบครัวตัวเองมาก ว่าทำไมตกลงกันแล้วเป็นแบบนี้ ทางผู้ใหญ่ฝั่งแฟนเราพยายามแย้ง ทางฝั่งพ่อแม่เราก็ไม่ยอม เขาอ้างว่า งานพิธีไทยจัดเล็กๆเชิญแขกไม่กี่คน เพราะฉะนั้นก็ต้องจัดงานเลี้ยงด้วย เพื่อจะได้เชิญแขกให้เยอะๆ สุดท้ายตกลงว่า มีงาน 3 งาน งานเช้า งานเลี้ยงจัดที่บ้านเรา และที่กรุงเทพฯจะจัดอีกงานนึง จริงๆแล้วเรากะว่าจะมี after party ให้เพื่อนๆของเรากับแฟนด้วย เพราะเป็นเพื่อนรักกันมาก ช่วยเหลือกันตลอด เลยอยากจัดขอบคุณ สงสัยคงต้องเลื่อนหรือไม่ก็ล้มเลิกไป
เราก็พูดขันมากลางวงว่า แล้วจัดสามงาน เงินจะพอเหรอ สรุปว่า พ่อแม่แฟนต้องช่วยออกค่างานที่กรุงเทพ ส่วนงานสองงานที่บ้านเรา ใช้เงินเก็บเรากับแฟน พ่อแม่เราบอกว่า ถ้าไม่พอ เดี๋ยวเขาจะช่วย แต่เรารู้ว่า เขาไม่มีเงินเก็บหรอก ถ้าช่วยของเขาคือต้องไปยืมหรือกู้มา ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
เราเสียใจมาก ร้องไห้ติดต่อกันหลายๆวัน ไม่ใช่แค่เรื่องสถานที่จัดงานอย่างเดียว กลายเป็นว่า ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ตาม พ่อแม่เราจะเข้ามายุ่มย่ามไปหมด รวมถึงญาติบางคนที่เราไม่ได้สนิทด้วย แม่เราไปขอให้เขาช่วย แล้วก็มาเลือกโน่น เลือกนี่ เช่น เราอยากจัดงานอารมณ์ out door หน่อย แล้วตกแต่งงานแบบวินเทจให้ดูคลาสสิค เขาก็บ่นกันว่า ร้อน ขอจัดในโรงแรม ให้โรงแรมตกแต่ง ตกแต่งด้วยผ้าสีๆดอกไม้นิดหน่อย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันธรรมดา และไม่สวยเลย แต่เราก็ขัดไม่ได้ เพราะพอขัด พ่อแม่เราก็จะด่าว่าเราเถียงขึ้นมาทันที ทั้งที่เราพยายามจะพูดเหตุผล
เราจะไม่ดูฤกษ์จะจัดเอาวันที่เรากับแฟนสะดวก เพราะไม่อยากลางานเยอะๆ เขาก็ยืนกรานว่าต้องมีฤกษ์ แล้วฤกษ์ที่ได้ก็ดันเป็นช่วงที่เราน่าจะยุ่งสุดๆ แต่เขาก็ไม่สนใจ
พอมาวันนี้เรานั่งดูรีวิวงานแต่งสวยๆของเจ้าสาวหลายๆท่าน ดูแล้วก็ร้องไห้เพราะทำอะไรไม่ได้ จากเดิมทีเก็บเงินไว้เยอะมาก ตั้งใจจะจัดงานแบบที่ตัวเองอยากได้แบบที่ชอบ ตั้งใจจะทำเองทุกอย่างจะไม่จ้างออแกไนซ์เซอร์ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เราทำอะไรไม่ได้เลย สงสารแฟนและพ่อแม่ฝั่งแฟนด้วย ที่ต้องมารับภาระช่วยออกโน่นนี่ให้
เราเลยเกิดความสงสัย เพราะพ่อแม่เราอ้างเรื่องประเพณีเต็มไปหมด แต่เรางงว่า ประเพณีมันเปลี่ยนตามความสะดวกของคนจัดงานไม่ได้เหรอ
ขอโทษค่ะที่บ่นมายาว เราอัดอั้นมาก ไม่สามารถระบายกับใครได้ กับแฟนก็ไม่อยากพูดให้เขารู้สึกไม่ดีกับพ่อแม่เรา แต่เราไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไง
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ (ขอความกรุณาอย่าต่อว่าพ่อแม่เราด้วยถ้อยคำหยาบคายนะคะ เรารู้ว่าเราบ่นแบบนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน แต่เราก็ไม่อยากให้ใครมาด่าท่านด้วยถ้อยคำหยาบๆเช่นกันค่ะ)