วันที่ 3 ก.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่ฝ่ายความมั่นคงส่งเจ้าหน้าที่ไประงับการจัดงานเสวนาเรื่อง “ความยุติธรรมที่ปิดปรับปรุง” ของศูนย์ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งปกติการจัดงานเสวนาจะต้องแจ้งให้หน่วยงานด้านความมั่นคงทราบล่วงหน้าก่อนจึงจะจัดได้
นายเสข กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีการดำเนินการตามที่ได้ตกลงไว้ก็ไมีมีปัญหาใดๆ แต่กรณีของการจัดงานวานนี้
มีการแจ้งให้ฝ่ายความมั่นคงทราบอย่างกระทันหัน ทำให้ฝ่ายความมั่นคงขอให้งดจัดกิจกรรมไปก่อน แต่หากผู้จัดจะเดินหน้าต่อ หลังจากนี้ ก็สามารถประสานไปยังฝ่ายความมั่นคงอีกครั้งเพื่อขออนุญาติได้ และสามารถเสนอความคิดเห็นต่างๆผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการที่หลายองค์กรสิทธิมนุษยชนห่วงสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในไทยนั้น นายเสข ระบุว่า อยากให้องค์กรต่างๆเหล่านั้น ได้ดูข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
เพราะการคงกฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน เพราะสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดขณะนี้ถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่า ช่วงก่อนการเข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ เมื่อ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา จึงอยากให้หลายองค์กรดูภาพความเป็นจริงของไทยมากกว่าศึกษาจากตำรา
เพราะสถานการณ์ในไทยไม่เหมือนกับต่างประเทศ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1409758651
"เพราะการคงกฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน" ไปถามใครมาเหรอ เสข
กต.ปัดล้มงานเสวนาความยุติธรรมฯ เกินกว่าเหตุ วอนองค์กรสิทธิต่างชาติมองข้อเท็จจริง
วันที่ 3 ก.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่ฝ่ายความมั่นคงส่งเจ้าหน้าที่ไประงับการจัดงานเสวนาเรื่อง “ความยุติธรรมที่ปิดปรับปรุง” ของศูนย์ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งปกติการจัดงานเสวนาจะต้องแจ้งให้หน่วยงานด้านความมั่นคงทราบล่วงหน้าก่อนจึงจะจัดได้
นายเสข กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีการดำเนินการตามที่ได้ตกลงไว้ก็ไมีมีปัญหาใดๆ แต่กรณีของการจัดงานวานนี้ มีการแจ้งให้ฝ่ายความมั่นคงทราบอย่างกระทันหัน ทำให้ฝ่ายความมั่นคงขอให้งดจัดกิจกรรมไปก่อน แต่หากผู้จัดจะเดินหน้าต่อ หลังจากนี้ ก็สามารถประสานไปยังฝ่ายความมั่นคงอีกครั้งเพื่อขออนุญาติได้ และสามารถเสนอความคิดเห็นต่างๆผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการที่หลายองค์กรสิทธิมนุษยชนห่วงสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในไทยนั้น นายเสข ระบุว่า อยากให้องค์กรต่างๆเหล่านั้น ได้ดูข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เพราะการคงกฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน เพราะสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดขณะนี้ถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่า ช่วงก่อนการเข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ เมื่อ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา จึงอยากให้หลายองค์กรดูภาพความเป็นจริงของไทยมากกว่าศึกษาจากตำรา เพราะสถานการณ์ในไทยไม่เหมือนกับต่างประเทศ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1409758651
"เพราะการคงกฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน" ไปถามใครมาเหรอ เสข