จะวางใจกับเรื่องนี้อย่างไรดีครับ

สวัสดีครับทุกท่าน อมยิ้ม17

เรื่องมีอยู่ว่า

บ้านของผม อยู่ติดกับโรงงานแห่งหนึ่ง โดยที่ผมอาศัยอยู่กับครอบครัวของผมมาตั้งแต่จำความได้ ก็ร่วมๆ 30 กว่าปีแล้ว

และเมื่อสิบปีก่อน ทางโรงงานแห่งนี้ ได้ทำการขยายโรงงาน ผลก็คือมีการปล่อยควัน เขม่า กลิ่นเหม็นน้ำมัน น้ำเสีย ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

และปัจจุบัน แม่ของผม ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด ทั้งที่คนในบ้าน ไม่มีใครสูบบุหรี่ บ้านข้างๆ ก็ไม่มีคนอาศัยอยู่มานาน 20 กว่าปีแล้ว

แม่ผมเป็นแม่บ้านครับ ไม่เคยทำงานที่ต้องได้รับสารเคมี หรือควันบุหรี่ อะไรเลย

หมอเองก็วินิจฉัยว่า อาจจะเป็นเพราะเขม่า และกลิ่นจากโรงงานดังกล่าว

ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ตามมุ้งลวด พื้นหน้าบ้าน หลังคา เต็มไปด้วยเขม่าสีดำ ซึ่งครอบครัวผม ต้องทนสูดดมอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทุกคืน ทุกคืน และสะสมมาเป็นเวลานาน ไหนจะกลิ่นน้ำมันก๊าด ซึ่งปล่อยออกมาเป็นระยะๆ อีก

เคยได้แจ้ง ให้ทางโรงงาน ส่งตัวแทนมาดูก็แล้ว ตัวเจ้าของมาดูเองก็แล้ว รับทราบถึงปัญหาที่เกิด ก็ได้แต่รับปาก "ครับ ครับ" 4-5 รอบ แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงแต่อย่างใด

จนกระทั่งเมื่อต้นปี แม่มีอาการไอเรื้อรัง สุดท้ายตรวจพบว่ามะเร็งปอดระยะสุดท้ายแล้ว

เพราะแม่เป็นคนเดียว ที่ต้องอยู่บ้านตลอด เพราะผม กับน้อง ออกไปทำงาน

อยากจะย้ายบ้านหลายต่อหลายครั้ง แต่เราไม่มีเงินมากพอ จะขายบ้าน ก็สงสารคนที่เค้าจะมาซื้อต่อ เพราะเค้าต้องมาทนดมกลิ่นเหม็น ดมเขม่าแทนเรา ก็เลยลังเลที่จะขาย กลัวบาปกรรมน่ะครับ พูดตรงๆ

แจ้งเรื่องไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรมก็แล้ว สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดก็แล้ว กรมควบคุมมลพิษก็แล้ว ถึง 2 รอบ มีหนังสือตอบกลับมาว่า ได้ทำการเข้าตรวจสอบ และพบปัญหาจริงดังกล่าว

แต่จนบัดนี้ นับจากวันที่แจ้ง เกือบครึ่งปีแล้ว ปัญหาเดิมๆ ก็ยังคงอยู่ แถมยังหนักกว่าเก่าอีก

ล่าสุด แจ้งไปยังคสช. และสำนักนายกฯ แล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร

ตั้งแต่แม่ผมป่วย ก็ออกจากบ้านมาอยู่โรงพยาบาลบ้าง ไปอยู่บ้านน้าบ้าง ตุเรงตุเรงเร่ร่อนไปทั่ว

มีบ้านของตัวเอง แต่ก็กลับมาไม่ได้

กระทั่งล่าสุด อาการของแม่ อยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว แม่บอกว่า แม่อยากกลับบ้าน แต่ผมบอกแม่ว่า ที่บ้านมันเหม็นน้ำมัน แม่อยู่ไม่ได้หรอก (นึกถึงคำพูดของแม่วันนั้น ผมยังนั่งน้ำตาซึมอยู่เลย)

เจ็บใจ และเสียใจ ทั้งที่มีบ้านของเราเองแท้ๆ แต่กลับมาอยู่ มานอนไม่ได้

ร่างกายของแม่ก็ไม่สู้ดีนัก มะเร็งลามกินกระดูกไปหลายที่ เดินเองไม่ได้แล้ว ต้องนั่งรถเข็นตลอด แขนขวาก็ยกไม่ได้แล้ว มะเร็งกินกระดูกไป

น้องสาวก็ต้องออกจากงานมา เพื่อดูแม่ ไหนผมเองจะต้องกู้เงินมารักษาแม่อีก ตอนนี้ภาระทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ผมคนเดียว

ทั้งที่ครอบครัวเรา เป็นครอบครัวเล็กๆ มีความสุขตามอัตภาพ ได้นั่งกินข้าวในบ้านพร้อมหน้ากัน แค่นี้ ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว

แต่ทุกอย่าง ก็เป็นอดีตไปเสียแล้ว

กลับบ้านไป เหลือเพียงบ้านร้างๆ กับเศษควันเขม่า พร้อมกับกลิ่นเหม็นๆ ของโรงงาน

ยิ่งนึกยิ่งแค้นใจ ในขณะที่เจ้าของโรงงาน มีความสุขกับครอบครัว ออกงานตามโรงแรม เที่ยวต่างประเทศ อัพรูป อัพเฟส มีความสุขตามประสาคนรวย

แต่กับครอบครัวของผม ทั้งที่ไม่เคยได้ทำอะไรให้เค้าเดือดร้อนเลย เค้ากลับทำให้ครอบครัวผมแตกเป็นเสี่ยงๆ ฆ่าแม่ผม ฆ่าหมาที่ผมรัก ทำให้น้องผมตกงาน ทำให้ผมต้องเป็นหนี้

ทำไมเค้าถึงทำกับเราอย่างนี้ เป็นเวร เป็นกรรมเก่า หรือยังไง?

บางท่านอาจจะสงสัย ผมมีปัญหาอยู่บ้านเดียวหรือยังไง ทำไมชาวบ้านไม่มีใครรวมตัวกัน

ใช่ครับ ชาวบ้านในซอยนั้น แทบจะทั้งหมด ขายยาบ้ากันทั้งซอย เลยไม่มีใครอยากยุ่งกับเรื่องที่ต้องเกี่ยวกับตำรวจ กับเจ้าหน้าที่รัฐ

พอกลิ่น พอควันมา ก็ปิดบ้านเงียบ ได้ยินแต่เสียงบ่น แต่ไม่มีใครกล้าที่จะไปพูด หรือรวมตัวกันทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

แต่พอเรื่องส่วนตัว กลับอยากรู้ อยากเห็น อยากร่วมด้วย แต่พอเรื่องส่วนรวม บ้านใคร บ้านมัน นี่แหละครับ น้ำใจเพื่อนบ้าน

ทุกวันนี้ บางครั้งก็นั่งน้ำตาตกใน เจ็บใจ ที่ทำอะไรไม่ได้ แค่ขอให้แม่ได้กลับไปอยู่บ้าน อย่างที่แม่ขอ แต่ผมก็ทำอย่างที่แม่ขอไม่ได้



จะวางใจกับเรื่องนี้อย่างไรดีครับ หรือให้นึกเพียงอย่างเดียวว่า มันคงเป็นเวรกรรมเก่าของเรา ก้มหน้ายอมรับมันไป อย่างนั้นหรือเปล่า

รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะครับ รู้สึกทุกวันนี้ขาดสติไปนานมาก แต่ก็ไม่รู้ว่า จะแก้ปัญหาแต่ละอย่าง อย่างไรดี ในขณะที่ แม่ก็กำลังจะตาย บ้านก็ขายไม่ได้ กลับไปอยู่ก็ไม่ได้ ทุกอย่างพังพินาศไปหมด

รู้สึกทุกข์ใจจริงๆ ครับ อมยิ้ม08
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่