สวัสดีครับ สมช พันทิปที่มีรถยนต์ใช้กันทั้งเครื่องเบนซินและดีเซล
วันนี้ขอนำเสนอการล้างท่อ DPF ของรถ Mercedes Benz W212 E250 cdi มาให้ชมกันครับว่าหลังจากล้างท่อDPF แล้วผลจะเป็นอย่างไรบ้าง
ข้อมูลเบื้องต้น
-Mercedes Benz W212 E250 cdi เครื่องยนต์ดีเซล
-ไฟ DPF โชว์
-สภาพ : ไม่เคยล้างท่อมาก่อนเลย
-ลักษณะของอาการตัน : รถอืด วิ่งไม่ออก ตื้อๆตันๆ เร่งเครื่องรอบสูง แต่วิ่งไม่ออก
ผลเสียของการยื้อ แล้วขับต่อไปเรื่อยๆ
-เกิดback pressure ย้อนกลับไปยังห้องจุดระเบิด ทำให้หัวฉีดเสียหาย(หัวฉีดแต่ละหัว ราคา 1-2หมื่น)
-สิ้นเปลีองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ
-รอบการ regeneration จะถี่มาก จาก 280-300 กม regen 1 ครั้ง จะกลายเป็น 180-200 กม เครื่องก็สั่ง regen แล้ว
-กลิ่นไอเสียรุนแรงและเป็นพิษมาก
ประโยชน์ของการล้างท่อDPF หรือ Cat
-อัตราเร่งดีขึ้นเหมือนได้รถใหม่กลับคืนมา
-ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
-รอบการ regeneration จะยาวขึ้น และเสร็จรอบการ regen ในระยะเพียง 8-10 กม เท่านั้น
-อุณหภูมิของเครื่องยนต์ลดลงช่วยถนอมเครื่องยนต์
-กลิ่นไอเสีย ไม่เหม็นรุนแรง และไม่ได้ปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม
-ช่วยลด pm2.5
รถ Benz รุ่นนี้มีทั้ง Catalytic Converter(Cat) และ DPF(Diesel Particulate Filter) ดังนั้น การล้างจึงแยกล้าง โดยจะล้างท่อ Cat. ก่อน แล้วจึงล้างท่อ DPF เป็นรายการถัดไป รูปนี้เป็น Cat หลังจากล้างจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว
คราวนี้มาดูผลของการล้างท่อ DPF ที่เป็นวิทยาศาสตร์กันนะครับ โดยใช้เครื่องสแกน ซึ่งตัวเลขสแกนนั้น หลอกกันไม่ได้ ถ้าใช้ความรู้สึกมาวัด อาจมีการคลาดเคลื่อน เพราะความรู้สึกของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
อธิบายว่า
ก่อนล้าง : ค่าความสกปรก(ความจุของเขม่าและขี้เถ้าซัลเฟต(
มีลักษณะเป็นผลึกแข็ง สีน้ำตาลแดง)) อยู่ที่ 186 % ซึ่ง ท่อนี้มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 200 %
หลังล้าง : ค่าความสกปรก อยู่ที่ 0 %
ผลลัพธ์ของการล้าง : เจ้าของรถดีใจมากที่รถอันเป็นที่รักของตัวเอง กลับมามีอัตราเร่งเหมือนรถใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ลักษณะของเครื่องล้างที่กำลังทำการล้างอยู่ครับ(กำลังล้างท่อ DPF ของ CX5)
การล้างต้องล้างโดยใช้น้ำยาล้างที่มีฤทธิ์สลายเขม่าดำและผลึกขึ้เถ้าซัลเฟตโดยเฉพาะ ล้างร่วมกับเครื่องล้างอัตโนมัติ โดยใช้เวลาล้างแต่ละอันเพียง 30-40 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องแช่น้ำยาให้เสียเวลาทำมาหากิน
น้ำยาล้างก็เป็นสารเคมีที่โรงงานคิดค้น วิจัยและพัฒนามาใช้กับเครื่องล้างโดยเฉพาะจึงได้ประสิทธิภาพที่สูงสุด
เครื่องล้างนี้สามารถใช้ล้างได้ทั้งท่อ Cat และท่อ DPF ของรถทุกยี่ห้อ เช่น รถเก๋ง กะบะ SUV หรือแม้กระทั่งรถบรรทุกขนาดใหญ่
ปล. หลายท่านอาจไม่ทราบเรื่องการ regeneration ในเครื่องดีเซลที่มีท่อ DPF ว่าเป็นอย่างไร และคืออะไร
ขออธิบายสั้นๆง่ายๆก่อนว่า การ regen คือการเผาเขม่าดำ ที่อุดตันอยู่ในท่อ DPF เมื่อตันในระดับหนึ่งๆ ECU จะสั่งเผาเขม่าดำที่ความร้อน 600 องศา C รอบการเผาเขม่าอยู่ที่ประมาณ 8-15 กม ต่อรอบ เมื่อเขม่าดำถูกเผาไหม้ไปแล้ว จะกลายเป็นขี้เถ้า ขี้เถ้าตัวนี้ ไม่ได้ถูกปล่อยสู่บรรยากาศ โดยจะถูกกักไว้ในท่อ DPF ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อถูกความร้อนเผาที่ 600 องศา อยู่เสมอๆ ขี้เถ้าเหล่านี้จะกลายเป็นผลึกแข็งสีน้ำตาลแดง เกาะอยู่ตามรูต่างๆในท่อ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่อตันในที่สุด
หวังว่ากระทู้นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ สมช เจ้าของรถ เพื่อที่จะได้ดูแลรถที่รักของท่าน ได้อย่างถูกวิธีกันครับ
ปล2. จขร หลายๆท่านก็มักจะถูกอู่หรือร้านท่อไอเสีย หลอกให้ตัดท่อDPF ทิ้งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะส่วนประกอบในท่อนั้น มีทั้ง แพลตินัม พาลาเดียมและโรเดียม ซึ่งเป็นโลหะที่มีค่ามาก และหลังจากตัดทิ้งแล้ว ก็ต้องทนกับกลิ่นเหม็นรุนแรงของไอเสีย
ปล3. หลายท่านอาจเคยไปล้างโดยใช้น้ำยาล้างdpf ที่เป็นกระป๋องแล้วฉีดเข้าไปที่คอท่อไอเสีย แล้วก็เบอร์นเครื่องอีก 30-40 นาที โดยเชื่อว่าเป็นการเผาเขม่า ใช่ครับ เป็นการเผาเขม่า ซึ่งECU เครื่องก็สามารถสั่งเผาได้เองอยู่แล้ว แต่ว่าผลึกขี้เถ้าก็ยังคงเกาะฝังแน่นอยู่ในท่อ DPF เหมือนเดิม ไม่ได้ถูกขับหรือหลายออกไปด้วย(เคสนี้ น่าจะเสียเงิน เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์)
[CR] เครื่องล้างท่อ DPF และ Catalytic Converter
วันนี้ขอนำเสนอการล้างท่อ DPF ของรถ Mercedes Benz W212 E250 cdi มาให้ชมกันครับว่าหลังจากล้างท่อDPF แล้วผลจะเป็นอย่างไรบ้าง
ข้อมูลเบื้องต้น
-Mercedes Benz W212 E250 cdi เครื่องยนต์ดีเซล
-ไฟ DPF โชว์
-สภาพ : ไม่เคยล้างท่อมาก่อนเลย
-ลักษณะของอาการตัน : รถอืด วิ่งไม่ออก ตื้อๆตันๆ เร่งเครื่องรอบสูง แต่วิ่งไม่ออก
ผลเสียของการยื้อ แล้วขับต่อไปเรื่อยๆ
-เกิดback pressure ย้อนกลับไปยังห้องจุดระเบิด ทำให้หัวฉีดเสียหาย(หัวฉีดแต่ละหัว ราคา 1-2หมื่น)
-สิ้นเปลีองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ
-รอบการ regeneration จะถี่มาก จาก 280-300 กม regen 1 ครั้ง จะกลายเป็น 180-200 กม เครื่องก็สั่ง regen แล้ว
-กลิ่นไอเสียรุนแรงและเป็นพิษมาก
ประโยชน์ของการล้างท่อDPF หรือ Cat
-อัตราเร่งดีขึ้นเหมือนได้รถใหม่กลับคืนมา
-ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
-รอบการ regeneration จะยาวขึ้น และเสร็จรอบการ regen ในระยะเพียง 8-10 กม เท่านั้น
-อุณหภูมิของเครื่องยนต์ลดลงช่วยถนอมเครื่องยนต์
-กลิ่นไอเสีย ไม่เหม็นรุนแรง และไม่ได้ปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม
-ช่วยลด pm2.5
รถ Benz รุ่นนี้มีทั้ง Catalytic Converter(Cat) และ DPF(Diesel Particulate Filter) ดังนั้น การล้างจึงแยกล้าง โดยจะล้างท่อ Cat. ก่อน แล้วจึงล้างท่อ DPF เป็นรายการถัดไป รูปนี้เป็น Cat หลังจากล้างจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว
คราวนี้มาดูผลของการล้างท่อ DPF ที่เป็นวิทยาศาสตร์กันนะครับ โดยใช้เครื่องสแกน ซึ่งตัวเลขสแกนนั้น หลอกกันไม่ได้ ถ้าใช้ความรู้สึกมาวัด อาจมีการคลาดเคลื่อน เพราะความรู้สึกของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
อธิบายว่า
ก่อนล้าง : ค่าความสกปรก(ความจุของเขม่าและขี้เถ้าซัลเฟต(มีลักษณะเป็นผลึกแข็ง สีน้ำตาลแดง)) อยู่ที่ 186 % ซึ่ง ท่อนี้มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 200 %
หลังล้าง : ค่าความสกปรก อยู่ที่ 0 %
ผลลัพธ์ของการล้าง : เจ้าของรถดีใจมากที่รถอันเป็นที่รักของตัวเอง กลับมามีอัตราเร่งเหมือนรถใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ลักษณะของเครื่องล้างที่กำลังทำการล้างอยู่ครับ(กำลังล้างท่อ DPF ของ CX5)
การล้างต้องล้างโดยใช้น้ำยาล้างที่มีฤทธิ์สลายเขม่าดำและผลึกขึ้เถ้าซัลเฟตโดยเฉพาะ ล้างร่วมกับเครื่องล้างอัตโนมัติ โดยใช้เวลาล้างแต่ละอันเพียง 30-40 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องแช่น้ำยาให้เสียเวลาทำมาหากิน
น้ำยาล้างก็เป็นสารเคมีที่โรงงานคิดค้น วิจัยและพัฒนามาใช้กับเครื่องล้างโดยเฉพาะจึงได้ประสิทธิภาพที่สูงสุด
เครื่องล้างนี้สามารถใช้ล้างได้ทั้งท่อ Cat และท่อ DPF ของรถทุกยี่ห้อ เช่น รถเก๋ง กะบะ SUV หรือแม้กระทั่งรถบรรทุกขนาดใหญ่
ปล. หลายท่านอาจไม่ทราบเรื่องการ regeneration ในเครื่องดีเซลที่มีท่อ DPF ว่าเป็นอย่างไร และคืออะไร
ขออธิบายสั้นๆง่ายๆก่อนว่า การ regen คือการเผาเขม่าดำ ที่อุดตันอยู่ในท่อ DPF เมื่อตันในระดับหนึ่งๆ ECU จะสั่งเผาเขม่าดำที่ความร้อน 600 องศา C รอบการเผาเขม่าอยู่ที่ประมาณ 8-15 กม ต่อรอบ เมื่อเขม่าดำถูกเผาไหม้ไปแล้ว จะกลายเป็นขี้เถ้า ขี้เถ้าตัวนี้ ไม่ได้ถูกปล่อยสู่บรรยากาศ โดยจะถูกกักไว้ในท่อ DPF ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อถูกความร้อนเผาที่ 600 องศา อยู่เสมอๆ ขี้เถ้าเหล่านี้จะกลายเป็นผลึกแข็งสีน้ำตาลแดง เกาะอยู่ตามรูต่างๆในท่อ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่อตันในที่สุด
หวังว่ากระทู้นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ สมช เจ้าของรถ เพื่อที่จะได้ดูแลรถที่รักของท่าน ได้อย่างถูกวิธีกันครับ
ปล2. จขร หลายๆท่านก็มักจะถูกอู่หรือร้านท่อไอเสีย หลอกให้ตัดท่อDPF ทิ้งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะส่วนประกอบในท่อนั้น มีทั้ง แพลตินัม พาลาเดียมและโรเดียม ซึ่งเป็นโลหะที่มีค่ามาก และหลังจากตัดทิ้งแล้ว ก็ต้องทนกับกลิ่นเหม็นรุนแรงของไอเสีย
ปล3. หลายท่านอาจเคยไปล้างโดยใช้น้ำยาล้างdpf ที่เป็นกระป๋องแล้วฉีดเข้าไปที่คอท่อไอเสีย แล้วก็เบอร์นเครื่องอีก 30-40 นาที โดยเชื่อว่าเป็นการเผาเขม่า ใช่ครับ เป็นการเผาเขม่า ซึ่งECU เครื่องก็สามารถสั่งเผาได้เองอยู่แล้ว แต่ว่าผลึกขี้เถ้าก็ยังคงเกาะฝังแน่นอยู่ในท่อ DPF เหมือนเดิม ไม่ได้ถูกขับหรือหลายออกไปด้วย(เคสนี้ น่าจะเสียเงิน เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้