กัปตันของเราให้สัมภาษณ์ช่อง ZDF ของเยอรมันถึงความรู้สึกที่ติดทีมชาติ ที่ได้เป็นแชมป์โลกและการจากลา
ปี 2004 ที่รูดี้ โฟลเลอร์เรียกลาห์มติดทีมชาติ ลาห์มเล่าว่า “ผมทั้งดีใจทั้งปลื้ม อยู่ๆก็ได้ร่วมทีมกับนักเตะระดับโลกอย่างป๋าคาห์น บัลลัค ฯลฯ มันเป็นความภูมิใจและเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก และ 10 ปีที่ติดทีมชาติเป็นวันเวลาที่วิเศษสุดๆ ทุกปีมีความหมายหมด มีทั้งเกมการแข่งขันที่ต้องเสียน้ำตา มีทั้งเกมที่ให้ความสุข รวมๆแล้วผมดีใจที่มากที่มีประสบการณ์ดีงามกับทีมชาติถึง 10 ปี”
“ผมเล่นให้ทีมชาติมานานแล้ว ตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนไปบอลโลกว่าจะอำลาทีมชาติหลังจบบอลโลกที่บราซิลไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปใดก็ตาม ผมเคยฝันอยากจะเป็นแชมป์โลกเพราะภาพที่โลธาร์ มัทเธอุสชูถ้วยบอลโลกปี 1990 มันติดตาและฝังใจซะเหลือเกิน แต่ผมเคยบอกแล้วว่า ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าเราจะได้แชมป์โลก ผมเคยผิดหวังหนักมาถึง 4 ทัวร์นาเมนท์ จึงเป็นไปได้ว่าอาจต้องอำลาทีมชาติแบบไร้บัลลังก์ แต่เมื่อได้เป็นแชมป์โลกสมดังที่เคยฝันและหวังมานานถึง 8 ปี ผมก็แสนจะภูมิใจและดีใจมากที่ความฝันและความหวังมาบรรจบกับความเป็นจริงในที่สุด”
"ผมรู้สึกปลื้มมากที่ยิงประตูคอสตาริกาได้ในบอลโลกปี 2006 และยิงตุรกีได้ในรอบรองยูโร 2008 เป็นลูกที่ยิงได้ในนาทีสุดท้ายและทำให้เราได้เข้าชิงชนะเลิศ และในรอบชิงกับสปนนี่เองที่ผมผิดหวังมากที่สุดในชีวิตการเป็นนักเตะทีมชาติ ผมเป็นคนผิดที่ปล่อยให้ตอเรสวิ่งแซงหน้าไปยิงประตูได้ เป็นแค่ประตูเดียวแต่เป็นประตูที่ทำให้เราเป็นได้แค่รองแชมป์ ผมทั้งผิดหวังทั้งเสียใจมากที่บังเอิญให้บาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออก ทำให้ผมไม่มีโอกาสได้แก้ไขความผิด ผมเสียใจมากจริงๆ”
“ที่ดีใจที่สุดน่ะหรือ ก็เป็นตอนที่กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาวันแข่งกับอาเจนนั่นแหละ ความฝันเป็นจริงซะที มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ยิ่งได้เห็นน้ำตาเพื่อนร่วมทีมด้วยแล้ว มันคือที่สุดของที่สุดแห่งความยิ่งใหญ่จริงๆ มันทำให้การอำลาทีมชาติง่ายขึ้นและเป็นการอำลาที่สมบูรณ์แบมากๆ”
“เรื่องเพื่อนร่วมทีม ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อก่อนกัปตันทีมจะมีสิทธิ์มีเสียงมากกว่าใคร นักเตะคนอื่นมักไม่กล้าออกความคิดเห็น แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนเสมอภาคกัน ผมเป็นมือขวาของบุนเดสเทรนเนอร์ เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญก็จริง แต่ผมไม่เคยข่มใคร ทุกคนสามารถออกความเห็นได้หมด และบอลโลกคราวนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมติดทีมชาติมาที่ทีมเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างที่สุด ทุกคนเล่นเพื่อกันและกันจริงๆ เวลาผมมองเพื่อนๆที่ม้านั่งสำรอง ผมแทบไม่เชื่อสายตาที่เห็นพวกเขาเชียร์เราแบบเอาเป็นเอาตาย มันทำให้ผมมีความสุข มีแรงกระตุ้นที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทีมของเรา”
วันอังคารนี้ กัปตันลาห์ม น้ามิโรและแพร์จะมาร่วมชมเกมอุ่นเครื่องกับอาเจน เดเอฟเบและแฟนบอลจะกล่าวลานักเตะผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 คน แล้วพบกันนะกัปตันที่รัก
ป.ล. ตกลงเมสซี่ไม่มาร่วมแข่งขันนะ
กัปตันลาห์มอีกซักครั้ง
ปี 2004 ที่รูดี้ โฟลเลอร์เรียกลาห์มติดทีมชาติ ลาห์มเล่าว่า “ผมทั้งดีใจทั้งปลื้ม อยู่ๆก็ได้ร่วมทีมกับนักเตะระดับโลกอย่างป๋าคาห์น บัลลัค ฯลฯ มันเป็นความภูมิใจและเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก และ 10 ปีที่ติดทีมชาติเป็นวันเวลาที่วิเศษสุดๆ ทุกปีมีความหมายหมด มีทั้งเกมการแข่งขันที่ต้องเสียน้ำตา มีทั้งเกมที่ให้ความสุข รวมๆแล้วผมดีใจที่มากที่มีประสบการณ์ดีงามกับทีมชาติถึง 10 ปี”
“ผมเล่นให้ทีมชาติมานานแล้ว ตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนไปบอลโลกว่าจะอำลาทีมชาติหลังจบบอลโลกที่บราซิลไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปใดก็ตาม ผมเคยฝันอยากจะเป็นแชมป์โลกเพราะภาพที่โลธาร์ มัทเธอุสชูถ้วยบอลโลกปี 1990 มันติดตาและฝังใจซะเหลือเกิน แต่ผมเคยบอกแล้วว่า ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าเราจะได้แชมป์โลก ผมเคยผิดหวังหนักมาถึง 4 ทัวร์นาเมนท์ จึงเป็นไปได้ว่าอาจต้องอำลาทีมชาติแบบไร้บัลลังก์ แต่เมื่อได้เป็นแชมป์โลกสมดังที่เคยฝันและหวังมานานถึง 8 ปี ผมก็แสนจะภูมิใจและดีใจมากที่ความฝันและความหวังมาบรรจบกับความเป็นจริงในที่สุด”
"ผมรู้สึกปลื้มมากที่ยิงประตูคอสตาริกาได้ในบอลโลกปี 2006 และยิงตุรกีได้ในรอบรองยูโร 2008 เป็นลูกที่ยิงได้ในนาทีสุดท้ายและทำให้เราได้เข้าชิงชนะเลิศ และในรอบชิงกับสปนนี่เองที่ผมผิดหวังมากที่สุดในชีวิตการเป็นนักเตะทีมชาติ ผมเป็นคนผิดที่ปล่อยให้ตอเรสวิ่งแซงหน้าไปยิงประตูได้ เป็นแค่ประตูเดียวแต่เป็นประตูที่ทำให้เราเป็นได้แค่รองแชมป์ ผมทั้งผิดหวังทั้งเสียใจมากที่บังเอิญให้บาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออก ทำให้ผมไม่มีโอกาสได้แก้ไขความผิด ผมเสียใจมากจริงๆ”
“ที่ดีใจที่สุดน่ะหรือ ก็เป็นตอนที่กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาวันแข่งกับอาเจนนั่นแหละ ความฝันเป็นจริงซะที มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ยิ่งได้เห็นน้ำตาเพื่อนร่วมทีมด้วยแล้ว มันคือที่สุดของที่สุดแห่งความยิ่งใหญ่จริงๆ มันทำให้การอำลาทีมชาติง่ายขึ้นและเป็นการอำลาที่สมบูรณ์แบมากๆ”
“เรื่องเพื่อนร่วมทีม ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อก่อนกัปตันทีมจะมีสิทธิ์มีเสียงมากกว่าใคร นักเตะคนอื่นมักไม่กล้าออกความคิดเห็น แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนเสมอภาคกัน ผมเป็นมือขวาของบุนเดสเทรนเนอร์ เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญก็จริง แต่ผมไม่เคยข่มใคร ทุกคนสามารถออกความเห็นได้หมด และบอลโลกคราวนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมติดทีมชาติมาที่ทีมเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างที่สุด ทุกคนเล่นเพื่อกันและกันจริงๆ เวลาผมมองเพื่อนๆที่ม้านั่งสำรอง ผมแทบไม่เชื่อสายตาที่เห็นพวกเขาเชียร์เราแบบเอาเป็นเอาตาย มันทำให้ผมมีความสุข มีแรงกระตุ้นที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทีมของเรา”
วันอังคารนี้ กัปตันลาห์ม น้ามิโรและแพร์จะมาร่วมชมเกมอุ่นเครื่องกับอาเจน เดเอฟเบและแฟนบอลจะกล่าวลานักเตะผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 คน แล้วพบกันนะกัปตันที่รัก
ป.ล. ตกลงเมสซี่ไม่มาร่วมแข่งขันนะ