ลิงค์ ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/32379912
Chapter 2
มาทารัสคิดไตร่ตรอง และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังอาณาจักรเอลฟ์เป็นการส่วนตัว เพราะจุดประสงค์ของเขาไม่ใช่การเป็นศัตรูกับพวกนั้น หากแต่เพียงต้องการให้ไอนันนากลับคืนมา
ด้วยเหตุนี้ มาทารัสจึงสั่งให้เหล่าพ่อมดแม่มดแห่งพาเพนเทลส่วนหนึ่งกลับไปดูแลรักษาความสงบยังอาณาจักร ส่วนกองกำลังอีกครึ่ง ให้อยู่รักษาการณ์ที่ไกออตัสในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่
ในการเดินทางของมาทารัสมีพ่อมดที่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปเพียงสองตน เพื่อแสดงเจตนาให้เห็นว่า เขาไม่ได้มุ่งร้ายต่ออาณาจักรเอลฟ์แต่ประการใด
มาทารัสทิ้งกายลงจากปราสาท ก่อนจะกลายเป็นควันสีดำ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนกอินทรีย์ที่โผบิน ทะยานไปบนท้องฟ้า มุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรเอลฟ์
พ่อมดผู้ติดตามทั้งสองทำตาม โดยการทิ้งตัวลงจากปราสาท แล้วกลายเป็นกลุ่มควันสีดำ ก่อนจะกลายร่างเป็นนกอินทรีย์ แล้วโบยบินตามมา-ทารัสไป
ทางด้านไอนันนาได้ยืนอยู่ตรงระเบียงห้องบนปราสาทของอาณาจักรเอลฟ์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิภพเทพและมนุษย์
พวกเอลฟ์หน้าตาและรูปร่างเหมือนมนุษย์ จะมีเพียงแค่เพียงตรงส่วนบนของใบหูเท่านั้นที่ยื่นแหลมตั้งขึ้น
จิตใจของพวกเอลฟ์สูงส่ง พวกเขาเป็นอมตะ มีอายุยาวนานพอๆ กับอายุของเหล่าทวยเทพ
สายตาของไอนันนามองไปยังทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิภพมนตรา สถานที่ที่นางเกิด และใช้ชีวิตตั้งแต่เล็กจนโต
“ป่านนี้เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง ..นาอัน”ไอนันนาคิดถึงหลานสาวผู้เปรียบเสมือนบุตรในอุทร
“ข้าขอภาวนาให้เจ้าปกครองไกออตัสโดยราบรื่น ไร้ปัญหาใดๆ
*___________________________________________*
นาอันนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงบางอย่างดังอยู่ในโสตประสาท ราวกับเสียงขับร้องบางอย่างที่ฟังแล้วเศร้า หดหู่ และดำมืด
เสียงที่มีเพียงนาอันได้ยิน ไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงนี้ เสียงของบทสวดและการบูชายัญจากที่ไหนสักแห่งที่ชักนำนางให้เดินเข้าไปหาแหล่งเสียงนั้น
เดินไกลเท่าไหร่ ก็ไม่ถึงสักที ระยะทางเหมือนใกล้ แต่ก็ไปไม่ถึง
“ใครกัน ท่านเรียกข้ามาทำไม”นาอันหันไปมองรอบๆ ดินแดนที่ขอบฟ้าเป็นสีทองของอาทิตย์อัสดงที่กำลังจะลับขอบฟ้า
ต้นไม้ยืนต้นตาย มีเพียงกิ่งก้าน แต่ไร้ใบหล่อเลี้ยง มีเพียงซากไม้ที่ไม่อาจเติบใหญ่หรือขยายพันธุ์ได้อีก
ยิ่งเสียงสวดบูชาที่โหยหวน ยิ่งทำให้บรรยากาศยามนี้น่าสยดสยองไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่มีใคร มีเพียงตัวเองในดินแดนร้าง
“ที่นี่ที่ไหน”นาอันถาม ขณะที่มองไปรอบๆ ราวกับจะสำรวจ
เสียงสวดจากพิธีบูชายัญของพ่อมดแม่มดนอกรีดทำให้นางรู้สึกกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว ในดินแดนที่เปลี่ยวเหงานี้
“ท่านเป็นใคร พาข้ามาที่นี่ทำไม”นาอันตะโกนถาม แต่ก็ไร้การตอบกลับ
“ท่านต้องการสิ่งใด”นางเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตามการสวดบูชาที่มีเสียงทุ้มของเพศชายและเสียงกังวานใสของเพศหญิงขับขานสลับกัน
ทุกก้าวที่ก้าวเดินเข้าไป ก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว
“ข้าต้องไปที่นั่น”นาอันมองปราสาทที่อยู่บนเกาะซึ่งอยู่กลางทะเลสาบ
สายตานางมองไปเห็นเรือไม้เก่าๆ ซึ่งมีคนพายสวมชุดสีดำ สวมฮุด จึงเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้า
“ข้าจะไปที่เกาะนั่น”นาอันชี้ไปยังเกาะกลางน้ำ
คนพายเรือไม่ตอบ ทำเพียงแค่ก้มศีรษะลง จากนั้นก็ยื่นมือมาให้นางจับมือเขาลงเรือ
เมื่อนาอันลงมานั่งในเรือ คนพายก็ทำหน้าที่ของตัวเอง พานางข้ามฟากไปยังเกาะ
หมอกค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำ ปกคลุมกระจายไปทั่วบริเวณ จนมองอะไรไม่เห็น
นาอันมองไม่เห็นเส้นทาง ไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่เกาะ เห็นเพียงหมอกควันสีขาวที่กระจายไปทั่ว
เสียงเรียกของแม่มดพี่เลี้ยงทำให้ผู้หลับฝันรู้สึกสะลึมสะลือ แล้วหันกลับมามองทิศทางที่ตัวเองจากมา
นาอันมองไม่เห็นทางที่จะกลับไปทางเดิม เพราะตอนนี้หมอกควันได้ปกคลุมไว้หมดแล้ว
“องค์หญิง องค์หญิงเพคะ”เสียงแม่มดพี่เลี้ยงและนางกำนัลช่วยกันปลุกนาอัน แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
“ไปตามใครก็ได้ มาดูองค์หญิงนาอันด่วน”เสียงแม่มดพี่เลี้ยงดังไปทั่วห้อง ทุกอย่างจึงเข้าสู่ความชุลมุน
ทางด้านนาอันข้ามฟากมายังเกาะกลางทะเลสาบเรียบร้อย หมอกควันต่างๆ ตอนนี้จางหายไปสิ้น
นางเดินเข้าไปในปราสาท ซึ่งเมื่อเข้ามาก็ไม่เห็นใคร ราวกับเป็นปราสาทร้าง แต่ทำไมกลับรู้สึกเหมือนโดนใครจับตามองอยู่ตลอดเวลา
“ที่นี่ที่ไหน”นาอันถาม ขณะที่มองไปรอบๆ ก็ได้เห็นเงาวูบไหวของใครบางคน
“เจ้าเป็นใคร”นางหันไปมองเงาวูบวาบที่วูบไหวไปมุมโน้นทีมุมนี้ที
“ในเมื่อเจ้าชักนำข้ามา ก็ออกมาให้ข้าได้เจอสิ”นาอันมองไปยังเงาที่ตอนนี้ทอดยาวมาจากประตูทางตะวันตก
แสงของดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้ายิ่งทำให้เงานั้นดูลึกลับ ยิ่งมีแค่เพียงเงา แต่ไม่เห็นเจ้าของก็ยิ่งทำให้น่าฉงน
“ทำไมมีแค่เพียงเงา ..หรือเจ้าไม่มีตัวตน”นาอันถามเงาสีดำที่ทอดกายยาวไปกับพื้นห้องโถง
“ข้ามีตัวตน”เสียงที่แสนจะคุ้นเคยตอบกลับมา
“ทำไมข้าไม่เห็นตัวเจ้า”นาอันสงสัย
“เจ้าจะเห็นได้อย่างไร ในเมื่อข้าก็คือเจ้า ..และเจ้าก็คือข้า”ทันใดนั้นเอง เงาสีดำก็ค่อยๆ ยืนขึ้นในแนวตั้ง จากที่เคยอยู่ในแนวนอน บัดนี้ ได้ค่อยๆ มีตัวตนขึ้นมา
“นี่มันอะไร”นางมองเงาดำๆ ที่สูงขึ้นจนอยู่ในระดับความสูงเดียวกัน
เงานั้นค่อยๆ สว่าง จนความดำถูกกลืนกินด้วยตัวตนที่มีรูปลักษณ์เดียวกันกับนาอัน
“ทำไมเจ้าเหมือนข้าราวกับคนเดียวกัน”นาอันสงสัย
“ข้าก็คือเจ้า ..เราคือหนึ่งเดียวกัน”หญิงสาวผู้บังเกิดจากเงากล่าว
“ไม่จริง ข้าไม่มีฝาแฝด”นาอันปฏิเสธ
“ข้าไม่ใช่ฝาแฝด ..แต่ข้าคือเจ้า ส่วนหนึ่งของจิตใจที่ถูกผนึกให้หลับใหล
“จิตที่ถูกผนึก”นาอันรู้สึกไม่คุ้นเคยกับอีกหนึ่งตัวตนของตัวเอง
เสียงมนตราของพ่อมดแม่มดอาวุโส ทำให้นาอันรับรู้ได้ถึงพลังงานมหาศาลที่พยายามจะดึงนางกลับคืนไป
“คงต้องใช้หนังสือผนึกมนตรา เพราะมันไม่ปกติ เราต้องใช้หนังสือนั่น”พ่อมดบอก เมื่อลองใช้เวทมนต์ของพวกตนแล้ว ยังไม่สามารถปลุกนาอันให้ตื่นได้
พวกเขามองนาอันแล้วก็นึกถึงไพซัส ..ลูกผสมระหว่างพ่อมดแม่มดฝ่ายมนต์ดำและมนต์ขาว ซึ่งเคยทำลายล้างพิภพมนตราจนเกือบสิ้นซาก
“ประวัติศาสตร์กำลังจะกลับมา”แม่มดเฒ่าเปปาต้าพูด จากนั้นก็เสนอแนะวิธียุติปัญหาที่จะเกิดขึ้น “เราต้องกำจัดนาง”
เหล่าพ่อมดแม่มดอาวุโสต่างมองไปยังเปปาต้า ราวกับว่า ถ้าหากนางยังจะเสนอความคิดอีก อาจจะโดนกำจัดเสียเอง
“จากการต่อสู้กับไมร่าแล้วทำให้บาดเจ็บสาหัส จนลอร์ดมาทารัสต้องใช้มนต์ดำเยียวยารักษา ..บางที มนต์ของลอร์ดมาทารัส อาจจะส่งผลต่อผนึกที่สะกดอีกด้านขององค์หญิงก็เป็นได้”หนึ่งในบรรดาพ่อมดอาวุโสแสดงความคิดเห็น
*___________________________________________*
พันธนาการแม่มด 2
Chapter 2
มาทารัสคิดไตร่ตรอง และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังอาณาจักรเอลฟ์เป็นการส่วนตัว เพราะจุดประสงค์ของเขาไม่ใช่การเป็นศัตรูกับพวกนั้น หากแต่เพียงต้องการให้ไอนันนากลับคืนมา
ด้วยเหตุนี้ มาทารัสจึงสั่งให้เหล่าพ่อมดแม่มดแห่งพาเพนเทลส่วนหนึ่งกลับไปดูแลรักษาความสงบยังอาณาจักร ส่วนกองกำลังอีกครึ่ง ให้อยู่รักษาการณ์ที่ไกออตัสในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่
ในการเดินทางของมาทารัสมีพ่อมดที่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปเพียงสองตน เพื่อแสดงเจตนาให้เห็นว่า เขาไม่ได้มุ่งร้ายต่ออาณาจักรเอลฟ์แต่ประการใด
มาทารัสทิ้งกายลงจากปราสาท ก่อนจะกลายเป็นควันสีดำ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนกอินทรีย์ที่โผบิน ทะยานไปบนท้องฟ้า มุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรเอลฟ์
พ่อมดผู้ติดตามทั้งสองทำตาม โดยการทิ้งตัวลงจากปราสาท แล้วกลายเป็นกลุ่มควันสีดำ ก่อนจะกลายร่างเป็นนกอินทรีย์ แล้วโบยบินตามมา-ทารัสไป
ทางด้านไอนันนาได้ยืนอยู่ตรงระเบียงห้องบนปราสาทของอาณาจักรเอลฟ์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิภพเทพและมนุษย์
พวกเอลฟ์หน้าตาและรูปร่างเหมือนมนุษย์ จะมีเพียงแค่เพียงตรงส่วนบนของใบหูเท่านั้นที่ยื่นแหลมตั้งขึ้น
จิตใจของพวกเอลฟ์สูงส่ง พวกเขาเป็นอมตะ มีอายุยาวนานพอๆ กับอายุของเหล่าทวยเทพ
สายตาของไอนันนามองไปยังทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิภพมนตรา สถานที่ที่นางเกิด และใช้ชีวิตตั้งแต่เล็กจนโต
“ป่านนี้เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง ..นาอัน”ไอนันนาคิดถึงหลานสาวผู้เปรียบเสมือนบุตรในอุทร
“ข้าขอภาวนาให้เจ้าปกครองไกออตัสโดยราบรื่น ไร้ปัญหาใดๆ
*___________________________________________*
นาอันนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงบางอย่างดังอยู่ในโสตประสาท ราวกับเสียงขับร้องบางอย่างที่ฟังแล้วเศร้า หดหู่ และดำมืด
เสียงที่มีเพียงนาอันได้ยิน ไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงนี้ เสียงของบทสวดและการบูชายัญจากที่ไหนสักแห่งที่ชักนำนางให้เดินเข้าไปหาแหล่งเสียงนั้น
เดินไกลเท่าไหร่ ก็ไม่ถึงสักที ระยะทางเหมือนใกล้ แต่ก็ไปไม่ถึง
“ใครกัน ท่านเรียกข้ามาทำไม”นาอันหันไปมองรอบๆ ดินแดนที่ขอบฟ้าเป็นสีทองของอาทิตย์อัสดงที่กำลังจะลับขอบฟ้า
ต้นไม้ยืนต้นตาย มีเพียงกิ่งก้าน แต่ไร้ใบหล่อเลี้ยง มีเพียงซากไม้ที่ไม่อาจเติบใหญ่หรือขยายพันธุ์ได้อีก
ยิ่งเสียงสวดบูชาที่โหยหวน ยิ่งทำให้บรรยากาศยามนี้น่าสยดสยองไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่มีใคร มีเพียงตัวเองในดินแดนร้าง
“ที่นี่ที่ไหน”นาอันถาม ขณะที่มองไปรอบๆ ราวกับจะสำรวจ
เสียงสวดจากพิธีบูชายัญของพ่อมดแม่มดนอกรีดทำให้นางรู้สึกกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว ในดินแดนที่เปลี่ยวเหงานี้
“ท่านเป็นใคร พาข้ามาที่นี่ทำไม”นาอันตะโกนถาม แต่ก็ไร้การตอบกลับ
“ท่านต้องการสิ่งใด”นางเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตามการสวดบูชาที่มีเสียงทุ้มของเพศชายและเสียงกังวานใสของเพศหญิงขับขานสลับกัน
ทุกก้าวที่ก้าวเดินเข้าไป ก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว
“ข้าต้องไปที่นั่น”นาอันมองปราสาทที่อยู่บนเกาะซึ่งอยู่กลางทะเลสาบ
สายตานางมองไปเห็นเรือไม้เก่าๆ ซึ่งมีคนพายสวมชุดสีดำ สวมฮุด จึงเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้า
“ข้าจะไปที่เกาะนั่น”นาอันชี้ไปยังเกาะกลางน้ำ
คนพายเรือไม่ตอบ ทำเพียงแค่ก้มศีรษะลง จากนั้นก็ยื่นมือมาให้นางจับมือเขาลงเรือ
เมื่อนาอันลงมานั่งในเรือ คนพายก็ทำหน้าที่ของตัวเอง พานางข้ามฟากไปยังเกาะ
หมอกค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำ ปกคลุมกระจายไปทั่วบริเวณ จนมองอะไรไม่เห็น
นาอันมองไม่เห็นเส้นทาง ไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่เกาะ เห็นเพียงหมอกควันสีขาวที่กระจายไปทั่ว
เสียงเรียกของแม่มดพี่เลี้ยงทำให้ผู้หลับฝันรู้สึกสะลึมสะลือ แล้วหันกลับมามองทิศทางที่ตัวเองจากมา
นาอันมองไม่เห็นทางที่จะกลับไปทางเดิม เพราะตอนนี้หมอกควันได้ปกคลุมไว้หมดแล้ว
“องค์หญิง องค์หญิงเพคะ”เสียงแม่มดพี่เลี้ยงและนางกำนัลช่วยกันปลุกนาอัน แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
“ไปตามใครก็ได้ มาดูองค์หญิงนาอันด่วน”เสียงแม่มดพี่เลี้ยงดังไปทั่วห้อง ทุกอย่างจึงเข้าสู่ความชุลมุน
ทางด้านนาอันข้ามฟากมายังเกาะกลางทะเลสาบเรียบร้อย หมอกควันต่างๆ ตอนนี้จางหายไปสิ้น
นางเดินเข้าไปในปราสาท ซึ่งเมื่อเข้ามาก็ไม่เห็นใคร ราวกับเป็นปราสาทร้าง แต่ทำไมกลับรู้สึกเหมือนโดนใครจับตามองอยู่ตลอดเวลา
“ที่นี่ที่ไหน”นาอันถาม ขณะที่มองไปรอบๆ ก็ได้เห็นเงาวูบไหวของใครบางคน
“เจ้าเป็นใคร”นางหันไปมองเงาวูบวาบที่วูบไหวไปมุมโน้นทีมุมนี้ที
“ในเมื่อเจ้าชักนำข้ามา ก็ออกมาให้ข้าได้เจอสิ”นาอันมองไปยังเงาที่ตอนนี้ทอดยาวมาจากประตูทางตะวันตก
แสงของดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้ายิ่งทำให้เงานั้นดูลึกลับ ยิ่งมีแค่เพียงเงา แต่ไม่เห็นเจ้าของก็ยิ่งทำให้น่าฉงน
“ทำไมมีแค่เพียงเงา ..หรือเจ้าไม่มีตัวตน”นาอันถามเงาสีดำที่ทอดกายยาวไปกับพื้นห้องโถง
“ข้ามีตัวตน”เสียงที่แสนจะคุ้นเคยตอบกลับมา
“ทำไมข้าไม่เห็นตัวเจ้า”นาอันสงสัย
“เจ้าจะเห็นได้อย่างไร ในเมื่อข้าก็คือเจ้า ..และเจ้าก็คือข้า”ทันใดนั้นเอง เงาสีดำก็ค่อยๆ ยืนขึ้นในแนวตั้ง จากที่เคยอยู่ในแนวนอน บัดนี้ ได้ค่อยๆ มีตัวตนขึ้นมา
“นี่มันอะไร”นางมองเงาดำๆ ที่สูงขึ้นจนอยู่ในระดับความสูงเดียวกัน
เงานั้นค่อยๆ สว่าง จนความดำถูกกลืนกินด้วยตัวตนที่มีรูปลักษณ์เดียวกันกับนาอัน
“ทำไมเจ้าเหมือนข้าราวกับคนเดียวกัน”นาอันสงสัย
“ข้าก็คือเจ้า ..เราคือหนึ่งเดียวกัน”หญิงสาวผู้บังเกิดจากเงากล่าว
“ไม่จริง ข้าไม่มีฝาแฝด”นาอันปฏิเสธ
“ข้าไม่ใช่ฝาแฝด ..แต่ข้าคือเจ้า ส่วนหนึ่งของจิตใจที่ถูกผนึกให้หลับใหล
“จิตที่ถูกผนึก”นาอันรู้สึกไม่คุ้นเคยกับอีกหนึ่งตัวตนของตัวเอง
เสียงมนตราของพ่อมดแม่มดอาวุโส ทำให้นาอันรับรู้ได้ถึงพลังงานมหาศาลที่พยายามจะดึงนางกลับคืนไป
“คงต้องใช้หนังสือผนึกมนตรา เพราะมันไม่ปกติ เราต้องใช้หนังสือนั่น”พ่อมดบอก เมื่อลองใช้เวทมนต์ของพวกตนแล้ว ยังไม่สามารถปลุกนาอันให้ตื่นได้
พวกเขามองนาอันแล้วก็นึกถึงไพซัส ..ลูกผสมระหว่างพ่อมดแม่มดฝ่ายมนต์ดำและมนต์ขาว ซึ่งเคยทำลายล้างพิภพมนตราจนเกือบสิ้นซาก
“ประวัติศาสตร์กำลังจะกลับมา”แม่มดเฒ่าเปปาต้าพูด จากนั้นก็เสนอแนะวิธียุติปัญหาที่จะเกิดขึ้น “เราต้องกำจัดนาง”
เหล่าพ่อมดแม่มดอาวุโสต่างมองไปยังเปปาต้า ราวกับว่า ถ้าหากนางยังจะเสนอความคิดอีก อาจจะโดนกำจัดเสียเอง
“จากการต่อสู้กับไมร่าแล้วทำให้บาดเจ็บสาหัส จนลอร์ดมาทารัสต้องใช้มนต์ดำเยียวยารักษา ..บางที มนต์ของลอร์ดมาทารัส อาจจะส่งผลต่อผนึกที่สะกดอีกด้านขององค์หญิงก็เป็นได้”หนึ่งในบรรดาพ่อมดอาวุโสแสดงความคิดเห็น
*___________________________________________*