สวัสดีค่ะ ทุกท่านๆ
เมื่อทราบข่าวสารจาก FB ของเพื่อนคนหนึ่งว่า ดอกหงอนนาคบนภูสอยดาวบานแล้ว
จึงวางแผนหนีเที่ยวสัก 2 คืน เลยโทรไปจองทัวร์แห่งหนึ่ง แต่ปรากฎว่าทัวร์เต็มรวด 2 อาทิตย์
ตอนนั้นผิดหวังค่ะ เพราะหากปล่อยเวลาให้ยืดออกไปอาจจะไม่ทันดูดอกหงอนนาค
แสงตะวันเลยลองโพสต์หากลุ่มเพื่อนไปเที่ยวที่พันทิป แต่ก็ไม่มีคนไปด้วย 555
ในสุดก็ไปกัน2คนกับตากล้อง
..........................................
การเดินทางของเราเริ่มจาก ขนส่งหมอชิต นั่งรถทัวร์มาค่ะ ค่ารถ 304.- บาท
ออกจาก กทม. 22.30 น. ไปถึง บขส.พิษณุโลกประมาณตี 3 กว่าๆ
มีวินมอเตอร์รับจ้างเดินมาถาม เราเลยบอกไปว่าต้องการหารถรับจ้างไปภูสอยดาว (ตั้งงบไว้ไม่เกิน 3200 บาท)
แต่ในสุดเราหารถได้ในราคา 3500 บาทค่ะ เป็นราคาเหมาไป-กลับ
เราขอให้คนขับแวะที่ตลาดในอำเภอชาติตระการค่ะ เพื่อซื้อเสบียง ไข่ไก่ ผักสด
และแล้วก็มาถึงที่ทำการอุทยานช่วง 7 โมงกว่า เราไปติดต่อเรื่องเต้นท์และลูกหาบ
น้ำนักรวมของเราอยู่ ที่ 39 ก.ก. ค่ะ จำนวนเงิน 1,170 บาท
หลักจากนั้นเราหาข้าวเช้าทานกันที่ร้านคนท้องถิ่นแถวที่ทำการอุทยานเพิ่มพลังงานก่อนขึ้นภู
เอาล่ะ ทางเดิน 6.5 กิโลเมตร เราจะพิชิตกันได้ในกี่ชั่วโมง
เท่าที่เช็คจากข้อมูล นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ที่ ประมาณ 6 ช.ม.ค่ะ
มันก็ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของร่างกายน่ะค่ะ
จุดทางขึ้นจะเป็นน้ำตกภูสอยดาวค่ะ และการเดินก้าวแรกก็มาถึง ขึ้นบันไดเหล็กสูงเป็นการวอร์มขาก่อนเบาๆ
เส้นทางช่วงแรกเป็นทางเดินที่เรียบไปกับธารน้ำตกค่ะ
แต่เป็นป่าทึบ แอบกลัวในใจเพราะเดินกันแค่ 2 คนเอง แล้วไม่เคยเดินป่าลึกๆมาก่อนเลยค่ะ
(ก่อนขึ้นภูถามเจ้าหน้าที่ว่ามีสัตว์ป่าไหม จนท.ยิ้มแล้วบอกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนมี นศ.เจอหมีควาย
แต่ต่างฝ่ายต่างกลัวกันไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ )
เนินแรกที่เราจะถึงคือ เนินส่งญาติค่ะ ตอนแรกนั้นเราเข้าใจว่า เป็นเนินที่ญาติๆมาส่งคนขึ้นภูค่ะ
แต่ที่ไหนได้ ที่มาคือการส่งศพทหารร่มเกล้า ลำเลียงมาล้างศพที่นี่ก่อนนำส่งญาติ
เราเดินกันไปต่อค่ะ ทางก็เริ่มสูงและลาดชั้น มองขึ้นไปนี่เพลียรอเลยค่ะ
เดินไปเรื่อยๆจนถึงเนินปราบเซียบ ที่มาของชื่อเนินคือทหารค่ายปักธงชัยถูกลอบโจมตีที่นี้ จึงชื่อเนินปราบเซียน
จากนั้นเราเดินไปอีกยาวเลยค่ะ กว่าจะถึงเนินป่าก่อ เราหมายว่าจะแวะกินข้าวกลางวันที่นั่น
ลมเย็นๆพัดมาโชยตก มองไปเขาลูกไกลๆท้องฟ้าเริ่มมืด
ให้ตายสิ ไม่นะ ฝนกำลังจะมา ได้แต่ภาวนาในใจอย่าตกเลยอย่ามาทางนี้เลย
ทั้งๆที่รู้ว่าเดินป่าหน้าฝนยังไงก็ต้องเจอ (แต่ไม่อยากเจอนี่นา)
ในที่สุดก็ตกลงมาจนได้ค่ะ และตกตลอดทางเลยค่ะ ยาวไปจนถึงลานสนเลย
อาหารมื้อเที่ยงของเราก็ สุดยอดความคลาสสิกค่ะ กินกลางสายฝน
ถ้าไม่กินคงไม่แรงเดินหน้าต่อค่ะ 555
เราเดินต่อไปเรื่อยๆจนถึง เนินเสือโคร่ง ที่เริ่มเป็นป่าโปร่งค่ะ ฝนก็ยังตกมาไม่ขาดสาย
จนกระทั่งมาถึงเนินมรณะ สุดโหดค่ะ ความสูงชันที่ตระหง่านรออยู่ข้างหน้า
น้ำฝนตกลงมาเป็นธารน้ำตกตามทางเดินขึ้นเลยค่ะ แต่แต่บอกตัวเองให้ฮึดสู้
เพราะผ่านเนินมรณะไปก็จะเป็นทางราบอีก 1 ก.ม.ถึงจะถึงลานสน
เราใช้เวลาเวลาเกือบ 6 ชั่วโมงในการเดินทางค่ะ มาถึงช่วง บ่าย 2 กว่าๆ
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นบ้านไม้เล็กๆมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ 2 ท่านค่ะ
และวันนี้ก็มีนักท่องเที่ยวปีนขึ้นภูมาแค่ เรา2คนเองค่ะ ^^
เอากล้องและเลนส์ออกมาผึ่งให้แห้งหน่อยค่ะ 555
ข้างบนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆไม่มีไฟฟ้า
และใช้น้ำจากลำธารค่ะ ดื่มน้ำฝน หากน้ำที่เตรียมมาหมด
หลังจากกางเต้น เราก็รีบจัดเตรียมอาหารค่ะ
อาหารพวกนี้ จำเตรียมมาทำกินสำหรับ 6 มื้อค่ะ (มื้อละ 2-3 อย่าง)
ท้องฟ้ายามเย็นบนภูสวยงามมากค่ะ
ตอนกลางคืนก็ไปนั่งผิงไฟคุยกับ จนท.จนประมาณ 2 ทุ่มเลยกลับมานอนด้วยความอ่อนเพลีย
แต่ก็ไม่หลับสักเท่าไหร่ค่ะ อากาศหนาวมากค่ะ ฝนตกแรงทั้งคืนเลยค่ะ
และซึมเข้ามาในเต้นท์น้ำนองเลยค่ะ ทำเอาเพลียหนักกว่าเดิม >< !!
...........................................................
รุ่งเช้าหลังจากทำอาหารเช้ากินกันแล้ว เราก็เดินไปศึกษาธรรมชาติรอบๆค่ะ เป็นเส้นทางวงกลมบนภูค่ะ
งดงามมากค่ะ ดอกหงอนนาคกำลังเบ่งบานสะพรั่งเต็มภูเลยค่ะ
ยอดเขาที่เห็นเป็นยอดภูสอยดาวค่ะ ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2012 เมตร
จากการพูดคุยกับลูกหาบ ได้ความว่าเราต้องใช้เวลาอีกเป็นวันค่ะเพื่อพิชิตยอดภู
และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปศึกษาธรรมชาติในฤดูหนาวค่ะ
เส้นทางน่าจะโหดเอาการค่ะ
และนางเอกของภูสอยดาวค่ะ ดอกหงอนนาค หากไม่มาช่วงหน้าฝนก็จะไม่พบความงดงามเช่นนี้ค่ะ
คุ้มค่ากับความยากลำบากจริงๆเลยค่ะ
ดอกหงอนนาค ภาพนี้ถ่ายจากมือถือค่ะ
.....................................
เราพักกัน 2 คืนค่ะ คืนที่2 ตรงกับวันศุกร์มีทัวร์ ประมาณ 3 ค่ายค่ะ และนักท่องเที่ยวที่รวมกลุ่มมากันเองค่ะ
คราวนี้เลยมีเพื่อนเต็มภูสอยดาวเลยค่ะ ^^ ผิดกับคืนแรกที่มีกันแค่ 2 เต้นท์ (รวม 5 คนเองค่ะ)
ถึงวันที่เราลงภู ฝนก็ตกมาเกือบตลอดทางอีกตามระเบียบค่ะ
ชุ่มช่ำจริงๆค่ะ เราเดินลื่นล้มไป 3-4 รอบ กางเกงขาดเป็นแนวยาวเลยค่ะ
อ้อ...เอาร่องรอยจากสมาชิกมาฝากค่ะ ^^
ขอร่ำลากันด้วยภาพนี้ค่ะ ณ เนินมรณะ ค่ะ
[CR] สะพายเป้ตะลุยภูสอยดาว ชมดอกหงอนนาค และสายหมอก จ.อุตรดิตร์
เมื่อทราบข่าวสารจาก FB ของเพื่อนคนหนึ่งว่า ดอกหงอนนาคบนภูสอยดาวบานแล้ว
จึงวางแผนหนีเที่ยวสัก 2 คืน เลยโทรไปจองทัวร์แห่งหนึ่ง แต่ปรากฎว่าทัวร์เต็มรวด 2 อาทิตย์
ตอนนั้นผิดหวังค่ะ เพราะหากปล่อยเวลาให้ยืดออกไปอาจจะไม่ทันดูดอกหงอนนาค
แสงตะวันเลยลองโพสต์หากลุ่มเพื่อนไปเที่ยวที่พันทิป แต่ก็ไม่มีคนไปด้วย 555
ในสุดก็ไปกัน2คนกับตากล้อง
..........................................
การเดินทางของเราเริ่มจาก ขนส่งหมอชิต นั่งรถทัวร์มาค่ะ ค่ารถ 304.- บาท
ออกจาก กทม. 22.30 น. ไปถึง บขส.พิษณุโลกประมาณตี 3 กว่าๆ
มีวินมอเตอร์รับจ้างเดินมาถาม เราเลยบอกไปว่าต้องการหารถรับจ้างไปภูสอยดาว (ตั้งงบไว้ไม่เกิน 3200 บาท)
แต่ในสุดเราหารถได้ในราคา 3500 บาทค่ะ เป็นราคาเหมาไป-กลับ
เราขอให้คนขับแวะที่ตลาดในอำเภอชาติตระการค่ะ เพื่อซื้อเสบียง ไข่ไก่ ผักสด
และแล้วก็มาถึงที่ทำการอุทยานช่วง 7 โมงกว่า เราไปติดต่อเรื่องเต้นท์และลูกหาบ
น้ำนักรวมของเราอยู่ ที่ 39 ก.ก. ค่ะ จำนวนเงิน 1,170 บาท
หลักจากนั้นเราหาข้าวเช้าทานกันที่ร้านคนท้องถิ่นแถวที่ทำการอุทยานเพิ่มพลังงานก่อนขึ้นภู
เอาล่ะ ทางเดิน 6.5 กิโลเมตร เราจะพิชิตกันได้ในกี่ชั่วโมง
เท่าที่เช็คจากข้อมูล นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ที่ ประมาณ 6 ช.ม.ค่ะ
มันก็ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของร่างกายน่ะค่ะ
จุดทางขึ้นจะเป็นน้ำตกภูสอยดาวค่ะ และการเดินก้าวแรกก็มาถึง ขึ้นบันไดเหล็กสูงเป็นการวอร์มขาก่อนเบาๆ
เส้นทางช่วงแรกเป็นทางเดินที่เรียบไปกับธารน้ำตกค่ะ
แต่เป็นป่าทึบ แอบกลัวในใจเพราะเดินกันแค่ 2 คนเอง แล้วไม่เคยเดินป่าลึกๆมาก่อนเลยค่ะ
(ก่อนขึ้นภูถามเจ้าหน้าที่ว่ามีสัตว์ป่าไหม จนท.ยิ้มแล้วบอกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนมี นศ.เจอหมีควาย
แต่ต่างฝ่ายต่างกลัวกันไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ )
เนินแรกที่เราจะถึงคือ เนินส่งญาติค่ะ ตอนแรกนั้นเราเข้าใจว่า เป็นเนินที่ญาติๆมาส่งคนขึ้นภูค่ะ
แต่ที่ไหนได้ ที่มาคือการส่งศพทหารร่มเกล้า ลำเลียงมาล้างศพที่นี่ก่อนนำส่งญาติ
เราเดินกันไปต่อค่ะ ทางก็เริ่มสูงและลาดชั้น มองขึ้นไปนี่เพลียรอเลยค่ะ
เดินไปเรื่อยๆจนถึงเนินปราบเซียบ ที่มาของชื่อเนินคือทหารค่ายปักธงชัยถูกลอบโจมตีที่นี้ จึงชื่อเนินปราบเซียน
จากนั้นเราเดินไปอีกยาวเลยค่ะ กว่าจะถึงเนินป่าก่อ เราหมายว่าจะแวะกินข้าวกลางวันที่นั่น
ลมเย็นๆพัดมาโชยตก มองไปเขาลูกไกลๆท้องฟ้าเริ่มมืด
ให้ตายสิ ไม่นะ ฝนกำลังจะมา ได้แต่ภาวนาในใจอย่าตกเลยอย่ามาทางนี้เลย
ทั้งๆที่รู้ว่าเดินป่าหน้าฝนยังไงก็ต้องเจอ (แต่ไม่อยากเจอนี่นา)
ในที่สุดก็ตกลงมาจนได้ค่ะ และตกตลอดทางเลยค่ะ ยาวไปจนถึงลานสนเลย
อาหารมื้อเที่ยงของเราก็ สุดยอดความคลาสสิกค่ะ กินกลางสายฝน
ถ้าไม่กินคงไม่แรงเดินหน้าต่อค่ะ 555
เราเดินต่อไปเรื่อยๆจนถึง เนินเสือโคร่ง ที่เริ่มเป็นป่าโปร่งค่ะ ฝนก็ยังตกมาไม่ขาดสาย
จนกระทั่งมาถึงเนินมรณะ สุดโหดค่ะ ความสูงชันที่ตระหง่านรออยู่ข้างหน้า
น้ำฝนตกลงมาเป็นธารน้ำตกตามทางเดินขึ้นเลยค่ะ แต่แต่บอกตัวเองให้ฮึดสู้
เพราะผ่านเนินมรณะไปก็จะเป็นทางราบอีก 1 ก.ม.ถึงจะถึงลานสน
เราใช้เวลาเวลาเกือบ 6 ชั่วโมงในการเดินทางค่ะ มาถึงช่วง บ่าย 2 กว่าๆ
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นบ้านไม้เล็กๆมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ 2 ท่านค่ะ
และวันนี้ก็มีนักท่องเที่ยวปีนขึ้นภูมาแค่ เรา2คนเองค่ะ ^^
เอากล้องและเลนส์ออกมาผึ่งให้แห้งหน่อยค่ะ 555
ข้างบนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆไม่มีไฟฟ้า
และใช้น้ำจากลำธารค่ะ ดื่มน้ำฝน หากน้ำที่เตรียมมาหมด
หลังจากกางเต้น เราก็รีบจัดเตรียมอาหารค่ะ
อาหารพวกนี้ จำเตรียมมาทำกินสำหรับ 6 มื้อค่ะ (มื้อละ 2-3 อย่าง)
ท้องฟ้ายามเย็นบนภูสวยงามมากค่ะ
ตอนกลางคืนก็ไปนั่งผิงไฟคุยกับ จนท.จนประมาณ 2 ทุ่มเลยกลับมานอนด้วยความอ่อนเพลีย
แต่ก็ไม่หลับสักเท่าไหร่ค่ะ อากาศหนาวมากค่ะ ฝนตกแรงทั้งคืนเลยค่ะ
และซึมเข้ามาในเต้นท์น้ำนองเลยค่ะ ทำเอาเพลียหนักกว่าเดิม >< !!
...........................................................
รุ่งเช้าหลังจากทำอาหารเช้ากินกันแล้ว เราก็เดินไปศึกษาธรรมชาติรอบๆค่ะ เป็นเส้นทางวงกลมบนภูค่ะ
งดงามมากค่ะ ดอกหงอนนาคกำลังเบ่งบานสะพรั่งเต็มภูเลยค่ะ
ยอดเขาที่เห็นเป็นยอดภูสอยดาวค่ะ ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2012 เมตร
จากการพูดคุยกับลูกหาบ ได้ความว่าเราต้องใช้เวลาอีกเป็นวันค่ะเพื่อพิชิตยอดภู
และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปศึกษาธรรมชาติในฤดูหนาวค่ะ
เส้นทางน่าจะโหดเอาการค่ะ
และนางเอกของภูสอยดาวค่ะ ดอกหงอนนาค หากไม่มาช่วงหน้าฝนก็จะไม่พบความงดงามเช่นนี้ค่ะ
คุ้มค่ากับความยากลำบากจริงๆเลยค่ะ
ดอกหงอนนาค ภาพนี้ถ่ายจากมือถือค่ะ
.....................................
เราพักกัน 2 คืนค่ะ คืนที่2 ตรงกับวันศุกร์มีทัวร์ ประมาณ 3 ค่ายค่ะ และนักท่องเที่ยวที่รวมกลุ่มมากันเองค่ะ
คราวนี้เลยมีเพื่อนเต็มภูสอยดาวเลยค่ะ ^^ ผิดกับคืนแรกที่มีกันแค่ 2 เต้นท์ (รวม 5 คนเองค่ะ)
ถึงวันที่เราลงภู ฝนก็ตกมาเกือบตลอดทางอีกตามระเบียบค่ะ
ชุ่มช่ำจริงๆค่ะ เราเดินลื่นล้มไป 3-4 รอบ กางเกงขาดเป็นแนวยาวเลยค่ะ
อ้อ...เอาร่องรอยจากสมาชิกมาฝากค่ะ ^^
ขอร่ำลากันด้วยภาพนี้ค่ะ ณ เนินมรณะ ค่ะ