ผมกับแฟนอายุ 31 ปี คบกันมาตั้งกะปี 2005 มาจนถึงวันนี้ก็ 9 ปีพอดี...เรายังไม่มีลูก แต่ก่อนจะเข้าไปที่ปัญหาส่วนตัวของผมกับแฟน ผมอยากจะเกริ่นถึงช่วง 9 ปีที่ผ่านมาซักนิด ไม่รู้ว่าพิมเสร็จผมจะเปลี่ยนใจรึเปล่านะ...เห็นคนส่วนใหญ่ชอบพูดกัน "ถ้าจะเลิกกันก็ให้นึกถึงช่วงดีๆที่ผ่านมา"
"9 ปี"...ฟังดูนานมาก
"แต่...ผมกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย"
ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะได้เจอกับแฟนผมคนนี้...ผมเป็นคนไม่เอาไหน เรียนก็ไม่จบ อาศัยกินเงินพ่อแม่ไปวันๆ เรียกว่าเกเลยละ
จนวันนึงผมได้เจอกับผู้หญิงบ้านนอกคนนึง แวบแรกที่เจอ ผมก็ไม่ได้คิดว่าเธอสวยอะไรหรอกนะ...แต่ผมดันชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ พอมีโอกาศได้คุยด้วย ซึ่งผมก็ไม่ได้ประทับใจอะไร คือเธอขี้อาย ด้วยความที่เธอเป็นคนต่างจังหวัด เวลาที่เธอพูดจะติดสำเนียงอีสาน สำหรับผมมันฟังยากพอสมควร(และนั่นเลยทำให้ผมต้องตั้งใจฟังเธอเป็นพิเศษ) เธอชื่อ"กุ้ง"เป็นคนอุบลฯ...ซื่งตอนนั้นเธอเรียนรัฐศาสตร์ปี 4 ม.ราม(ส่วนผมน่ะเหรอ...ม.1 ผมยังไม่จบเลย) ครอบครัวเธอเป็นชาวนา ฐานะปานกลาง เธอก็ไม่ต่างจากสาวๆส่วนใหญ่เท่าไหร่นักหรอก แต่สิ่งที่ผมรู้สึกพิเศษกับ"กุ้ง"คือสิ่งที่เธอมี...แต่ผมไม่มี"
เธอทำงานเป็นทั้งเด็กเสริฟ เด็กแจกใบปลิว และงาน Part-time ต่างๆ คือไม่รู้สิ...ผมรู้สึกว่าเธอสู้ชิวิตมาก เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ต้องทำงานหาเงินเพื่อจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าหน่วยกิจ ค่าขนมฯลฯ แต่ทุกครั้งที่ผมเจอเธอ...เธอจะมีรอยยิ้มเสมอ และมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมแทบละลายได้เลย
ผมยอมรับในตอนนั้นผมก็เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ ผมยอมเธอทุกอย่าง เป็นฝ่ายง้อเธอก่อนเสมอ โทรฯหาเธอ เช้า สาย บ่าย เย็น ก่อนนอน...ถ้าโทรฯได้ก่อนตื่นนอนผมคงโทรไปแล้วหละ
จนวันนึงเราสองคนตกลงคบกัน ผมชวนเธอมาอยู่ด้วยกัน...ตอนแรกเธอปฎิเสธ เธอขอให้ผมทำงานก่อน ผมเข้าใจเธอคงจะกลัวที่บ้านผมจะไม่พอใจที่จะย้ายเข้ามาอยู่กันแบบไม่มีงานมีการทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ผมเลยตัดสินใจทำธุระกิจส่วนตัว ด้วยเงินเก็บอันน้อยนิด จนเธอยอมย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน
หลายปีต่อมา...ผมเก็บเงินได้ก้อนใหญ่พอสมควร(ด้วยความช่วยเหลือของพ่อแม่ของผมที่คอยประคองผมมาโดยตลอด) เพราะถ้าผมไม่มีที่ปรึกษาเลย ผมคงทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
แต่ด้วยความโง่ของผม หรือความโชคร้ายไม่รู้...มีคนมาขอกู้เงินผมเป็นจำนวน 4 แสนบาท ด้วยข้อเสนอดอกเบี้ยที่สูงมากจนผมปฎิเสธไม่ได้ ผมตอบตกลงในทันที่ และไม่นานเลย...ผมก็รู้ตัวว่า"โดนโกงจนหมดตัว" ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันแย่มาก เงินที่หามาได้ตลอดหลายปี"หมดแล้ว"
ผมไม่รู้เลยว่ามันนานแค่ไหนที่ผมได้แต่ถอนหายใจทิ้งไปวันๆ ผมกลับไปเป็นไอ้"คนไม่เอาไหนคนเดิม" ผมไม่มีพรุ้งนี้ให้ทำอะไร ได้แต่คิดว่าทำไมตัวเองถึงได้โง่แบบนี้นะ
มีวันนึง...แฟนผมกลับมาถึงบ้าน เธอยิ้มให้ผมเหมือนทุกวัน รอยยิ้มที่แทบละลายผมได้
ในมือเธอถือแบงค์พันปึกนึงส่งมาให้ผม...ผมถามว่าเงินอะไร?
"เงินเดือนเราเดือนแรก...เราให้กล๊อฟ"
ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลย...มันตื้อไปหมด เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ
ผมมองเธอแล้วนึกอายตัวเอง...ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้...(น้ำตาผมไหล)
แฟนผมเธอตัดสินใจไปทำงานเป็นเซลล์ที่ศูยน์รถยนต์แห่งนึง หลังจากเรื่องเงิน 4 แสนนั้น คือผมรู้อยู่แล้วหละ...แต่ผมมัวแต่ทำตัวไร้ค่า ปล่อยให้เธอไปทำงานนอกบ้านคนเดียว
ผมตัดสินใจกลับมาฮึดสู้ใหม่...กับเงิน 6,500 บาทที่เธอส่งมาให้ในวันนั้น เราใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อแก้ใขสิ่งที่ผมทำพลาดไปในครั้งนั้น และเป็นหลายปีที่เรามีความสุขมาก ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา มีบ้างที่เราทะเลาะกัน...แต่เธอจะเป็นฝ่ายยอมผมก่อนเสมอ ไม่ว่าผมจะผิดหรือถูก เธอลืมมันเร็วมาก...ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น เรามีเงินเก็บ ผมดาวย์รถมาให้เธอขับไปทำงานได้
หลังจากที่เธอออกไปทำงานนอกบ้าน เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันแทบจะไม่มีเลย เธอทำงานทุกวัน ตั้งแต่ 9.00-17.30น. หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว มันทำให้เราห่างกันมากขึ้น ผมต้องรับผิดชอบงานบ้านทั้งหมด
เธอมักจะหงุดหงิดใส่ผมบ่อยมากขึ้นทุกวัน คงเพราะงานที่เธอทำมั๊ง
แต่เราทั้ง 2 คนอยากมีลูกมาก แต่แฟนผมดันมีลูกยาก และเวลางานของเธอก็กินเวลาของเราไปจนเกือบหมดแล้ว ซึ้งนั้นมันแย่มาก
...แต่เรื่องร้ายๆมันก็ยังไม่จบแค่นั้น มาเมื่อเดือนเมษาฯที่ผ่านมานี้ ผมดันมีปัญหากับหุ้นส่วน และด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้...ทำให้รายได้จากเดิมที่ผมได้ 2-3 หมื่นตอนนี้เหลือไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ
ผมรู้สึกอึดอัด...ไม่ใช่ที่ต้องทำงานบ้านหรืออะไรนะ แต่คงเพราะความที่ผมไม่เอาไหน ผมรู้สึกผิดที่ต้องให้เธอออกไปทำงาน รายใด้ส่วนใหญ่ต้องหมดไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงหนี้ที่ผมก่อขึ้นมา...ทุกวันนี้ผมเคลียดมาก ทั้งเรื่องงานและเรื่องชีวิตคู่ ผมไม่มีความสุขเลย
คือผมเข้าใจ "การใช้ชีวิตคู่มันก็ต้องมีปัญหาบ้าง ไม่งั้นมันคงจืดชืดหน้าดู"
แต่การที่เราต้องดึงอีกฝ่าย ให้ตกลงมากับเราด้วยเนี่ย...มันก็ไม่ต่างจากตัวถ่วงเท่าไหร่
ผมเบื่อชีวิตคู่ครับ
"9 ปี"...ฟังดูนานมาก
"แต่...ผมกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย"
ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะได้เจอกับแฟนผมคนนี้...ผมเป็นคนไม่เอาไหน เรียนก็ไม่จบ อาศัยกินเงินพ่อแม่ไปวันๆ เรียกว่าเกเลยละ
จนวันนึงผมได้เจอกับผู้หญิงบ้านนอกคนนึง แวบแรกที่เจอ ผมก็ไม่ได้คิดว่าเธอสวยอะไรหรอกนะ...แต่ผมดันชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ พอมีโอกาศได้คุยด้วย ซึ่งผมก็ไม่ได้ประทับใจอะไร คือเธอขี้อาย ด้วยความที่เธอเป็นคนต่างจังหวัด เวลาที่เธอพูดจะติดสำเนียงอีสาน สำหรับผมมันฟังยากพอสมควร(และนั่นเลยทำให้ผมต้องตั้งใจฟังเธอเป็นพิเศษ) เธอชื่อ"กุ้ง"เป็นคนอุบลฯ...ซื่งตอนนั้นเธอเรียนรัฐศาสตร์ปี 4 ม.ราม(ส่วนผมน่ะเหรอ...ม.1 ผมยังไม่จบเลย) ครอบครัวเธอเป็นชาวนา ฐานะปานกลาง เธอก็ไม่ต่างจากสาวๆส่วนใหญ่เท่าไหร่นักหรอก แต่สิ่งที่ผมรู้สึกพิเศษกับ"กุ้ง"คือสิ่งที่เธอมี...แต่ผมไม่มี"
เธอทำงานเป็นทั้งเด็กเสริฟ เด็กแจกใบปลิว และงาน Part-time ต่างๆ คือไม่รู้สิ...ผมรู้สึกว่าเธอสู้ชิวิตมาก เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ต้องทำงานหาเงินเพื่อจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าหน่วยกิจ ค่าขนมฯลฯ แต่ทุกครั้งที่ผมเจอเธอ...เธอจะมีรอยยิ้มเสมอ และมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมแทบละลายได้เลย
ผมยอมรับในตอนนั้นผมก็เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ ผมยอมเธอทุกอย่าง เป็นฝ่ายง้อเธอก่อนเสมอ โทรฯหาเธอ เช้า สาย บ่าย เย็น ก่อนนอน...ถ้าโทรฯได้ก่อนตื่นนอนผมคงโทรไปแล้วหละ
จนวันนึงเราสองคนตกลงคบกัน ผมชวนเธอมาอยู่ด้วยกัน...ตอนแรกเธอปฎิเสธ เธอขอให้ผมทำงานก่อน ผมเข้าใจเธอคงจะกลัวที่บ้านผมจะไม่พอใจที่จะย้ายเข้ามาอยู่กันแบบไม่มีงานมีการทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ผมเลยตัดสินใจทำธุระกิจส่วนตัว ด้วยเงินเก็บอันน้อยนิด จนเธอยอมย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน
หลายปีต่อมา...ผมเก็บเงินได้ก้อนใหญ่พอสมควร(ด้วยความช่วยเหลือของพ่อแม่ของผมที่คอยประคองผมมาโดยตลอด) เพราะถ้าผมไม่มีที่ปรึกษาเลย ผมคงทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
แต่ด้วยความโง่ของผม หรือความโชคร้ายไม่รู้...มีคนมาขอกู้เงินผมเป็นจำนวน 4 แสนบาท ด้วยข้อเสนอดอกเบี้ยที่สูงมากจนผมปฎิเสธไม่ได้ ผมตอบตกลงในทันที่ และไม่นานเลย...ผมก็รู้ตัวว่า"โดนโกงจนหมดตัว" ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันแย่มาก เงินที่หามาได้ตลอดหลายปี"หมดแล้ว"
ผมไม่รู้เลยว่ามันนานแค่ไหนที่ผมได้แต่ถอนหายใจทิ้งไปวันๆ ผมกลับไปเป็นไอ้"คนไม่เอาไหนคนเดิม" ผมไม่มีพรุ้งนี้ให้ทำอะไร ได้แต่คิดว่าทำไมตัวเองถึงได้โง่แบบนี้นะ
มีวันนึง...แฟนผมกลับมาถึงบ้าน เธอยิ้มให้ผมเหมือนทุกวัน รอยยิ้มที่แทบละลายผมได้
ในมือเธอถือแบงค์พันปึกนึงส่งมาให้ผม...ผมถามว่าเงินอะไร?
"เงินเดือนเราเดือนแรก...เราให้กล๊อฟ"
ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลย...มันตื้อไปหมด เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ
ผมมองเธอแล้วนึกอายตัวเอง...ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้...(น้ำตาผมไหล)
แฟนผมเธอตัดสินใจไปทำงานเป็นเซลล์ที่ศูยน์รถยนต์แห่งนึง หลังจากเรื่องเงิน 4 แสนนั้น คือผมรู้อยู่แล้วหละ...แต่ผมมัวแต่ทำตัวไร้ค่า ปล่อยให้เธอไปทำงานนอกบ้านคนเดียว
ผมตัดสินใจกลับมาฮึดสู้ใหม่...กับเงิน 6,500 บาทที่เธอส่งมาให้ในวันนั้น เราใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อแก้ใขสิ่งที่ผมทำพลาดไปในครั้งนั้น และเป็นหลายปีที่เรามีความสุขมาก ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา มีบ้างที่เราทะเลาะกัน...แต่เธอจะเป็นฝ่ายยอมผมก่อนเสมอ ไม่ว่าผมจะผิดหรือถูก เธอลืมมันเร็วมาก...ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น เรามีเงินเก็บ ผมดาวย์รถมาให้เธอขับไปทำงานได้
หลังจากที่เธอออกไปทำงานนอกบ้าน เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันแทบจะไม่มีเลย เธอทำงานทุกวัน ตั้งแต่ 9.00-17.30น. หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว มันทำให้เราห่างกันมากขึ้น ผมต้องรับผิดชอบงานบ้านทั้งหมด
เธอมักจะหงุดหงิดใส่ผมบ่อยมากขึ้นทุกวัน คงเพราะงานที่เธอทำมั๊ง
แต่เราทั้ง 2 คนอยากมีลูกมาก แต่แฟนผมดันมีลูกยาก และเวลางานของเธอก็กินเวลาของเราไปจนเกือบหมดแล้ว ซึ้งนั้นมันแย่มาก
...แต่เรื่องร้ายๆมันก็ยังไม่จบแค่นั้น มาเมื่อเดือนเมษาฯที่ผ่านมานี้ ผมดันมีปัญหากับหุ้นส่วน และด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้...ทำให้รายได้จากเดิมที่ผมได้ 2-3 หมื่นตอนนี้เหลือไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ
ผมรู้สึกอึดอัด...ไม่ใช่ที่ต้องทำงานบ้านหรืออะไรนะ แต่คงเพราะความที่ผมไม่เอาไหน ผมรู้สึกผิดที่ต้องให้เธอออกไปทำงาน รายใด้ส่วนใหญ่ต้องหมดไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงหนี้ที่ผมก่อขึ้นมา...ทุกวันนี้ผมเคลียดมาก ทั้งเรื่องงานและเรื่องชีวิตคู่ ผมไม่มีความสุขเลย
คือผมเข้าใจ "การใช้ชีวิตคู่มันก็ต้องมีปัญหาบ้าง ไม่งั้นมันคงจืดชืดหน้าดู"
แต่การที่เราต้องดึงอีกฝ่าย ให้ตกลงมากับเราด้วยเนี่ย...มันก็ไม่ต่างจากตัวถ่วงเท่าไหร่