มีเมียผิด คิดจนตัวตาย

ตอนนี้ชีวิตจมดิ่งมากครับ อดีตภรรยาติดการพนัน เอาชื่อผมไปแอบอ้างกู้เงิน จนตอนนี้เค้าฟ้องร้องบังคับคดี ยึดบ้านผมแล้วครับ

จุดเริ่มต้นของความรัก 

25 มีนาคม 2557 ขณะนั้นผมอายุประมาณ 24ปี  ผมได้พบ ผญ.คนนึงที่ร้านเหล้า แนวนั่งชิลๆ  หน้ามหาลัย แต่จังหว่ะนั้นผมน่าจะดื่มไปพอประมาณ กับเพื่อนอีก2คน  ด้วยความที่ผมไม่เคยมีแฟนเลยครับ  ผมได้หันไปเห็น ผญ.คนนึง แต่งตัวธรรมดา กางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดคอกลม ดูบ้านๆ สบายๆ ซึ่งถือว่าตรงเสปคเลยครับ ผมได้วานให้เพื่อนอีกคนเข้าไปขอไลน์  และได้รู้จักเธอตั้งแต่นั้นมา 

เธออายุน้อยกว่าผม 5 ปี เธอตั้งชื่อไลน์ของเธอว่า " ตัวเล็กเซ็กจัด " ยิ่งเพิ่มความอยากรู้จักของผมเข้าไปใหญ่ ด้วยความที่ว่า ผมไม่เคยมีอะไรอย่างว่า กับ ผญ. เลย  ผมเลยหมายหมั้นว่า คนนี้แหละจะต้องเสร็จผมแน่ เราเริ่มคุยแชทกันในวันต่อมา ทราบมาว่าเธอเพิ่งเลิกกับแฟนครับ ทีนี้ก็ทางสะดวกซิ่ เพราะโดยนิสัยของผม ผมไม่ชอบแย่ง ผญ. มาจากใคร 

คุยกันอยู่ประมาณ 1 เดือนครับ พาไปกินนู่นบ้างนี่บ้าง ผมจะเป็นคนออกเงินอยู่ฝ่ายเดียวครับ  ด้วยคติที่ว่าเสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ครับ 🤣  คืนหนึ่งเธอชวนผมออกมาร้านเหล้าระแวกเดิม นั่งดื่มกับเพื่อนของเธอ 7-8 คน พอเลิกดื่ม ผมจึงได้ชวนเธอกลับบ้านผม  คิดในใจเธอก็เสร็จผมแน่คืนนี้  ตามคาดครับ ช่วงข้าวใหม่ปลามัน อะไรก็ดีไปหมด  ระหว่างที่เธอมานอนบ้านผม ผมก็แอบเช็คโทรศัพท์เธอครับ เธอทักไปหาแฟนเก่าเธอว่า "หนูคิดถึงพี่นะ" ผมก็แบบ อ้าว ไหนว่าเป็นคนบอกเลิกแฟนเก่าแล้ว แต่อ่านข้อความไปๆมาๆ กลับกลายเป็นว่า ฝั่งแฟนเก่าเธอนั่นแหละที่บอกเลิกเธอ ผมได้เข้าไปส่องเฟส ผช. ได้มีการโพสต์ประมาณว่า  " เด็กผมรับเลี้ยงเองได้ แต่ตัว ผญ. เลวๆ ผมไม่เอา "  ผมจึงได้ถามเธอไปตรงไปว่า ที่ ผช.คนนั้นโพสต์ เค้าโพสต์ถึงเธอใช่มั้ย เธอจึงได้บอกผมว่า ตอนนี้ เธอกำลังท้องอยู่ กับแฟนเก่าเธอ 

ด้วยความที่ผมยิ้มดูหนังเยอะไปหน่อย ผมจึงบอกกับเธอไปว่า ผมจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกเอง เธอไม่ต้องไปกินยา หรือทำแท้งอะไรหรอก สงสารเด็ก แต่เธอไม่สนใจครับ ทุกครั้งที่ผมเผลอ เธอก็พยามทุบท้องตัวเอง เพื่อที่จะให้ลูกหลุด และสุดท้าย เธอก็แท้งลูกครับ

เธอเริ่มคืบคลานเข้ามาอยู่บ้านผมอย่างถาวร

คุยกันจนได้ความว่าเธอเรียนอยู่ ม.ราม เธอบอกไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้แค่ไปสอบให้ผ่านอย่างเดียวก็พอ เธอมีหอพักเธออยู่แถว ม.ราม ซึ่งเช่าอยู่กับรุ่นพี่เธอ ช่วงแรกๆ เธอก็ไปๆมาๆ ระหว่างบ้านผมกับหอพักเพื่อนเธอบ้าง หอพักเธอบ้าง ซึ่งผมจะเป็นคนไปรับไปส่งตลอดครับ จนนานวันเข้า เธอก็ค่อยๆขนเสื้อผ้าเธอมาอยู่บ้านผมทีละนิด ทีละนิด ช่วง เดือนที่3 ที่เราคบกัน เธอก็ไม่กลับหอพักของเธออีกเลย จนแม่ของผมถามว่า แฟนไม่มีบ้านมีช่องรึไง ทำไมไม่กลับบ้านบ้าง  ผมก็เริ่มรู้สึกละ ว่าแม่ผมไม่ปลื้ม ผญ. คนนี้ ไม่อยากให้คบกัน แต่ทำไงได้ครับ พ่อแม่ผมสอนให้ผมเป็นสุภาพบุรุษนี่ครับ ผมได้กับเธอแล้วนี่ ผมต้องรับผิดชอบเธอซิ่  ผมจึงถามกับเธอไปตรงๆว่า เธอไม่กลับไปหาพ่อแม่เธอบ้างหรอ เธอตอบกลับมาว่า นี่ไล่หรอ ไม่ต้องไล่ อยากไปเดี๋ยวไปเอง ผมก็แบบ เฮ้อ เอาที่เธอสบายใจแล้วกัน 

ผมมีพี่น้องทั้งหมด 4คนครับ พี่ชายคนโต ผมคนที่สอง และน้องชาย น้องสาว ตามลำดับ ซึ่งพี่ชายกับน้องชายผม มีงานทำแล้วครับ พวกเค้าเลือกไม่เรียนต่อ  ส่วนตัวผมเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้ายกำลังจะจบครับ  ช่วงที่คุยกับเธอคือช่วงที่ทำโปรเจคจบพอดี 

ระหว่างที่เธออยู่ที่บ้านผม เธอได้ตัดผมออกจากสังคมทุกอย่าง มีแค่ผมกับเธอ ถ้าทำโปรเจคเธอก็ขอติดไปด้วย ซึ่งผมเริ่มอึดอัดละครับ จนมาวันหนึ่ง น้องชายผมซึ่งอายุห่างจากผมเพียงปีเดียว เราสองคนสนิทกันมากครับ เราเรียนมาด้วยกัน เที่ยวมาด้วยกัน ตั้งแต่ ปวช. เพราะช่วง ปวช.ผมติดเกมครับ จนต้องซ้ำชั้นมาเรียนกับน้องชายตั้งแต่นั้นมา  และวันนั้น น้องได้ชวนผมออกไปดื่มกับกลุ่มเพื่อนไปครับ ผมจึงไปบอกกับเธอว่า วันนี้ผมขอไปดื่มกับน้องและเพื่อนๆนะ เธอจะไปด้วยก็ได้ ถ้าไม่ไปก็รออยู่บ้านก็ได้นะ เพราะตั้งแต่อยู่กับเธอผมแทบจะไม่ได้ไปพบเจอเพื่อนๆเลย เธอปฎิเสธครับ เธอไม่ไปและไม่ให้ผมไป ผมจึงเริ่มไม่พอใจละครับ  จึงบอกกับเธอไปว่า นานๆทีผมจะได้ไปดื่มกับน้อง เพราะน้องผมต้องทำงาน วันหยุดมีไม่เยอะ ถ้าเธอไม่ให้เราไป เธอก็เลิกกับเราไปเถอะ แล้วผมก็กำลังเดินออกจากห้องไป เธอคว้าแขนผมไว้แล้วบอกว่าไม่ให้ไป ผมจึงพยามสลัดมือของเธอออก แต่เธอเริ่มเอาเล็บจิกแขนของผมครับ จิกจนผมเจ็บมากๆ (พ่อผมสอนเสมอว่าลูกผู้ชายต้องไม่ทำร้ายผู้หญิง) ผมเริ่มทนไม่ไหวและได้บีบคอเธอ จับเธอทุ่มลงกับเตียง เธอเริ่มร้องไห้ครับ แล้วถามว่าผมไม่รักเธอแล้วหรอ แล้วสุดท้ายมันก็อีหรอบเดิมครับ  ผมแพ้น้ำตา ผญ. วันนั้นผมจึงไม่ได้ไปดื่มกับน้องและเพื่อนๆ

หลังจากนั้นมา เธอก็ได้เข้ามาอยู่บ้านผมอย่างถาวร โดยที่ คนในบ้านผม ไม่มีใครชอบเธอเลย โดยเฉพาะน้องชายผม

ในวันที่หัวใจผมแตกสลาย

14 พ.ย. วันเกิดพี่ชายผมครับ พี่ผมได้จัดงานวันเกิดเล็กๆ ชวนเพื่อนๆมานั่งดื่มกันที่บ้านครับ ซึ่งหลังๆผมไม่ค่อยได้ดื่มกับคนที่บ้านแล้วครับ เพราะแฟนผมเค้าไม่ค่อยถูกกับคนในบ้าน เวลาดื่มก็จะทะเลาะกับเธอประจำ วันนั้นก็เช่นเดิม เธอทำท่าทีว่าไม่อยากให้ผมออกไปดื่ม ซึ่งงานก็จัดกันเล็กๆ บริเวณหลังบ้านเราเอง ผมจึงบอกกับพี่ชายไปว่า วันนี้ไม่ค่อยสบายว่ะ ไว้โอกาสหน้านะ แต่ในใจลึกๆแล้วคือผมขี้เกียจทะเลาะกับแฟนแล้วครับ ผมเหนื่อย  จนประมาณ 4-5 ทุ่ม น้องชายผมได้ขับรถออกไปรับเพื่อน เพื่อมากินเลี้ยงวันเกิดพี่ชายที่บ้านครับ แต่ น้องชายผมไม่กลับเข้าบ้านมาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น

พี่ผมขับรถออกไปซื้อเหล้ามาเพิ่มตอนประมาณเที่ยงคืนครับ ขาไป-กลับ ได้สังเกตุเห็นรถมูลนิธิก่อนถึงบ้านครับ แต่ไม่ได้สนใจอะไร จนพี่ผมกลับมาที่บ้านแล้วโทรหาน้องชาย แต่โทรไม่ติดครับ จึงได้ขับรถออกไปดูตรงรถมูลนิธิอีกครั้ง มันเป็นรถน้องชายผมเองครับ น้องผมประสบอุบัติเหตุ รถเสียหลัก ตกลงไปในคลอง กับเพื่อนอีก 1 คน  เป็นเหตุให้น้องผมและเพื่อนอีกคนเสียชีวิตในวันนั้นครับ ผมไม่มีโอกาสได้ดื่มกับน้องอีกแล้ว

ความจริงเริ่มปรากฎ

หลังจากที่น้องผมเสีย ผมก็ได้เรียนจบ ป.ตรี และตัดขาดจากเหล่าเพื่อนๆตั้งแต่นั้นมาครับ ผมพยามค้นข้อมูลในโทรศัพท์ของเธอครับ แต่เธอไม่ค่อยให้ผมจับโทรศัพท์เธอสักเท่าไหร่ วันนึ่ง ผมได้ไปเจอรูปเด็ก ผช. คนนึ่ง อายุน่าจะราวๆ 3 ขวบได้ มีการโพสต์ลงเฟส โดยการแท็กแฟนผมทุกรูป ผมจึงถามแฟนผมว่ามันคืออะไร แฟนผมบอกว่า เป็นลูกของพี่สาวเธอ แต่พี่สาวเธอไม่อยากให้ผัวใหม่พี่สาวรู้ว่ามีลูกติด เธอจึงรับเป็นแม่เด็กแทน แต่ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผมก็ถามเธออยู่ทุกๆวัน จนเธอยอมรับว่า เป็นลูกติดของเธอ กับแฟนคนแรกของเธอเอง ด้วยความที่พักหลังๆมาผมเริ่มอึดอัดแล้วครับ เธอไม่ยอมห่างจากผมแม่แต่ก้าวเดียว โอกาสทองที่จะบอกเลิกเธอมาแล้วครับ ผมจึงยื่นคำขาดกับเธอไปว่า ผมรับไม่ได้หรอกนะที่เธอมีลูกติด และพ่อแม่ผม ก็คงรับไม่ได้ เธอร้องไห้ อีกแล้วครับ และก็พยามทำร้ายตัวเองอิหรอบเดิม เธอเริ่มหยิกตัวเอง ทุบท้องตัวเอง ผมจึงบอกเธอว่า ป่ะ เดี๋ยวผมจะไปส่งกลับบ้านนะ กลับไปอยู่กับพ่อแม่เธอนะ อยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครชอบเธอ แต่...  เธอไม่กลับครับ เธอบอกว่า ถ้าเธอพร้อมเธอจะไปเอง ไม่ต้องไล่ได้มั้ย ผมก็ โอเครได้ คิดว่า 2-3วัน เธอคงไป แต่ไม่เลยครับ เธอปล่อยให้เวลาผ่านไป ให้ผมค่อยไปหายโกรธ และก็อยู่กับผมต่อไป

เริ่มงานวันแรก

หลังเรียนจบ 1 ปี ผมเพิ่งจะได้งานทำที่ บริษัท รัฐวิสาหกิจ แห่งหนึ่ง เป็นตำแหน่งลูกจ้างประจำ เธอได้ทำการยึดเอทีเอ็มผมในทันที ซึ่งเป็นเอทีเอ็มที่เงินเดือนผ่านบัญชี ซึ่งผมก็ไม่ได้เต็มใจให้ แต่เธอหยิบไปดื้อๆ แล้วให้เอทีเอ็มของเธอมาใช้แทน (เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าโดยนิสัยของผม ผมจะไม่ใช้ความรุนแรงกับ ผญ. ผมจึงไปเอาเอทีเอ็มกลับคืนมาไม่ได้ ) หลังจากนั้นเธอได้จัดการสมัครแอพธนาคารเข้ามือถือของเธอโดยปริยาย รวมทั้งแอพธนาคารของเธอก้อยู่ในมือถือเธอ เธอให้ผมใช้เพียง เอทีเอ็มของเธอเพียงใบเดียวเท่านั้น เธอจะคอยโอนเงินไว้ใช้ตอนทำงานวันละ 100 บาทเป็นอย่างต่ำ 

พอเริ่มทำงานความวุ่นวายเริ่มมาเยือนอีกครั้ง เธอเป็นคนที่ขี้หึงเอามากๆ มากจนขนาดที่ว่า เธอจะคาสายโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาที่ผมทำงานอยู่ (เธอไม่ได้ทำงานครับ ผมให้อยู่บ้านเฉยๆ แล้วผมหาเลี้ยงเธอเอง )  พอมีเสียงเพื่อนร่วมงานผู้หญิงแทรกมาเวลาทำงานหรือคุยหยอกล้อกัน เธอจะรู้หมดเลยครับ ซึ่งผมก็บริสุทธิ์ใจ เพราะผมไม่อยากทะเลาะ ไม่ชอบความวุ่นวาย ผมไม่ชอบเครียดครับ กลับกลายเป็นว่า ผมคิดผิดครับ

ยิ่งนานวันเข้า ก็มีแต่เรื่องหึงหวงที่ทำงานครับ ผมรำคาญครับ ที่กลับบ้านมาต้องมาทะเลาะกันอยู่ตลอด ด้วยความที่อยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผมจึงอนุญาตให้เธอเข้าเฟสบุ๊คผมได้ตลอดเวลา และเข้าไปลน์ใน pc ไว้ที่บ้านด้วยครับ (แต่ผมไม่สามารถเข้าเฟสหรืออ่านไลน์เธอได้เลย เธอบอกว่าถ้าจะดูให้บอกเธอ เดี๋ยวเธอให้ดูเอง แต่เธอจะคอยลบแชทของเธอเสมอครับ ) หลังจากนั้นครับ คือจุดเริ่มต้นของหายนะชีวิตคู่

เธอท้อง

ประมาณปี 2559 เธอท้องครับ และ ปีนั้นเป็นปีที่พ่อของผมเกษียณพอดี แม่ผมจึงมีความประสงค์ที่จะจัดงานบวชให้กับผมตามประเพณี เธอและแม่ของผมจึงมีความเห็นไม่ตรงกันอีกครั้ง ในเรื่องของวันที่จะบวช เพราะทางแฟนผมกลัวว่า วันที่แม่หามา มันจะไปชนกับวันที่เธอไกล้คลอด และผมจะไม่ได้ดูแลเธอ จนสุดท้ายตกลงกันได้ ได้วันที่เธออายุครรได้ 7-8 เดือน ครับ

ร้อยร้าวเริ่มใหญ่ขึ้น หลังจากเธอคลอด เกิดเรื่องในบ้านขึ้นมากมาย แม่ผมเลิกกับพ่อผมด้วยความระหองระแหงกันมาเนิ่นนานแล้วครับ เงินเกษียณที่พ่อได้มา หักลบหนี้สิน ปิดหนี้บ้านกับธนาคารแล้ว พ่อแบ่งกับแม่คนละครึ่ง เรื่องนี้ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ได้ความมาคร่าวๆว่า แบ่งกันคนละ 2 ล้าน แม่ก็ได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น ส่วนพ่ออยู่บ้านเลี้ยงน้องสาวและหลานๆ  ทางด้านแฟนผมก็เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ด้วยความที่ว่างเกินไป เธอจึงไปสืบมา ได้ความว่าแม่ของผมติดการพนัน และก็เอามาเล่าให้ญาติพี่น้องของผมฟัง (ในช่วงเวลานั้นเราได้พากันไปจดทะเบียนสมรสหลังคลอดลูก เพราะลูกแฟนผมจะได้ใช้สวัสดิการต่างๆของที่ทำงานผมได้ )

จุดเริ่มต้นการแตกหัก

แม่ผมเงินหมดครับ แม่บอกว่าจะต้องใช้เงินจำนวน 2 หมื่น ให้ผมไปกู้นอกระบบมาให้หน่อย แต่แฟนผมไม่ยอมครับ และได้มีปากเสียงกับแม่ทางโทรศัพท์ แม่ของผมจึงได้ไล่แฟนผมและลูกผม กลับบ้านเธอไป  

เร่ร่อน

เธอกลับไปอยู่บ้านกับแม่เธอครับ ( *พ่อและแม่เธอแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็กๆ *แม่แท้ๆของเธอกับพ่อเลี้ยงเธอที่เป็นผัวปัจุบันของแม่เธอ ) แน่นอนว่าถ้าเธอออก เธอจึงชวนผมออกมาด้วย และไปอยู่บ้านเธอ ผมต้องขับมอไซค์ ไป-กลับ ที่ทำงาน-บ้านเธอ ร่วม 140 กม. ครับ อยู่ไปได้ไม่ถึงปีครับ เธอมีปัญหากับแม่ของเธอและพี่สาวของเธอเอง เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย และการทำความสะอาดบ้าน ล้างจานถูบ้าน เกี่ยงกันทำ จนเธอนั้นอยู่ไม่ได้ครับ บอกผมว่ามีแต่คนรังแกเธอ เธออยากไปอยู่หอพัก แต่การย้ายครอบครัวมันต้องมีเงินใช่มั้ยครับ ผมได้ติดต่อกับเพื่อนคนนึ่งซึ่งเปิดอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าบริเวณไกล้ที่ทำงานพอดีครับ แล้วเงินล่ะจะหาจากไหน เธอจึงให้ผมสมัครบัตรเครดิตใบแรกในชีวิตครับ ใช้เวลาสมัครอยู่เกือบเดือน ผมก็ได้บัตรมา ที่วงเงิน บัตรผ่อนสินค้า 25k บัตรกดเงินสด 25k พอมีเงินก็ทำการย้ายของไปห้องพักใหม่ครับ ยอมรับเลยครับว่าการจัดการเงินของพวกเราไม่ค่อยดีครับ เรารูดของต่างๆ ไม่ว่าจะเครื่องซักผ้า ตู้เย็น หมอหุงข้าว และด้วยหอพักของเราอยู่ชั้นบน ซึ่งอากาศร้อนมากๆ ก็ต้องติดแอร์เอง ใช้ไปใช้มา วงเงินในบัตรก็ครบจำนวน และใช้วิธี ผ่อนขั้นต่ำ แล้วก็รูดออกมาใช้ (จุดเริ่มต้นของลูปนรกได้เกิดขึ้น)

ชีวิตที่อยู่หอช่วงนี้ก็สุขบ้างทุกข์บ้าง เพราะใช้เงินเดือนชนเดือน ไหนจะค่าหอ ค่าไฟหอ ค่านม ค่าแพมเพิส แฟนผมก็ไปทำงานไหนไม่ได้เพราะต้องเลี้ยงลูกน้อยอยู่ห้อง และแล้วเธอก็ตั้งท้องอีกครั้ง เธอบอกกับผมว่า เธอจะให้แม่เลี้ยงของเธอ ( แฟนใหม่ของพ่อแท้ๆของเธอ ) มาช่วยเลี้ยงลูกคนเล็กครับ แต่ด้วยขนาดหอพักที่เล็กเกินไป จะอยู่หลายคนก็ลำบาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่