ไปดู ตุ๊กแกรักแป้งมาก มาแล้วครับ หลังจากกระแสเสียงวิจารณ์และความคิดเห็นรอบสื่อออกมาในทางชื่นชมเสียส่วนใหญ่ บวกกับส่วนตัวเราติดตามผลงานของ ยุทธเลิศ มาโดยตลอด (หนังยุคหลังๆดูในโรงแทบทั้งสิ้น บางกอกกังฟู กับ หมาแก่อันตราย ชอบมากๆ) นี่จึงเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องขอใช้คำตามสไตล์คนคลั่งหนังว่า กระหายใคร่ดู อย่างสุดแสน แต่ในขณะเดียวกัน กราฟความคาดหวังก็ย่อมต้องสูงลิบลิ่ว
และพอได้เข้าไปลิ้มรสภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยสองตาตนเอง ผลที่ได้คือ...
ชอบมากกกกกกก
สำหรับเรานี่คือ หนังของคนรักหนัง เพื่อคนรักหนัง และโดยคนรักหนัง อย่างแท้จริง (ขออนุญาตดัดแปลงวาทะอมตะของท่านลินคอล์นมา ณ ที่นี้) หนังมีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่จะทำให้คนรักหนังหลงใหลและชื่นชอบอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เริ่มตั้งแต่เนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับการทำตามความฝันของเด็กหนุ่มซึ่งอยากเป็นผู้กำกับ, มีตัวละครที่ครอบจักรวาลวงการแผ่นฟิล์ม ไม่ว่าจะ ผกก นักแสดง นายทุน คอหนัง คนฉายหนัง หรือกระทั่งคนเขียนคัตเอาท์, มีการล้อเลียนหนังที่เป็นปรากฏการณ์แห่งโลกภาพยนตร์ด้วยน้ำเสียงน่ารักๆ (มีเรื่องอะไรบ้าง ขออุบไว้ ให้ไปลุ้นกันเอง)
นอกจากนี้ โทนและบรรยากาศที่ชัดเจนมาก คือ อารมณ์ถวิลโหยหาอดีต ทั้งเรื่องราวที่ย้อนไปในยุคที่โลกยังไม่รู้จักโรงหนังมัลติเพล็กซ์ (และน่าสนใจมากที่หนังเรื่องนี้ ไม่ฉายภาพโรงหนังแบบนั้นเลย โรงหนังที่เราพบเห็นในเรื่องมีแค่ เพชรเชียงคาน กับ สกาล่า), มีหนังเก่าๆที่เป็นสัญลักษณ์แห่งยุค เช่น หนุมานพบเจ็ดยอดมนุษย์, ช่วงเวลาแห่งวัยเด็ก ของเล่นเก่าๆ ของใช้เก่าๆ การละเล่นเก่าๆ, การใช้แสงและงานด้านภาพอบอุ่นๆเหมือนอยู่ในโลกแห่งความทรงจำ, เพลงเก่าๆ (อันนี้คือไฮไลต์เลย แต่เดี๋ยวไว้ก่อนนะครับ ไว้ขยายตอนท้ายสุด)
อ่านถึงตรงนี้ บางคนอาจเกิดคำถาม "เอ๊ะ! แล้วถ้าฉันไม่ได้รักหนังมากมายล่ะ ถ้าฉันเป็นแค่คนดูหนังทั่วๆไป แถมฉันยังเกิดไม่ทันยุคสมัยที่เธอพร่ำพรรณาเลย ฉันก็ไม่เหมาะที่จะดูหนังเรื่องนี้สินะ" ขอบอกเลยว่าไม่จริงครับ สมมติว่าเราไม่อินหรือรีเลทกับหนังเลย ไม่มีจุดร่วมใดๆกับหนังเลย มันก็ยังคงเป็นหนังที่น่าดูและน่ารักในแบบฉบับของมันอยู่ แม้เราอาจเห็นข้อบกพร่องด้านความสมเหตุสมผลบางอย่างของตัวบท แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในหนังก็ยังลื่นไหลและบันเทิงเริงใจ เป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจ ทั้งมุกตลกที่ทำงานไม่ต่ำกว่าร้อยละแปดสิบ, ธีมโรแมนติกกุ๊กกิ๊ก หรือ เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน
เอาล่ะ ถือป้ายไฟเชียร์มานานเกินไปละ (ก็รู้ตัวนิ!!!) ถึงเวลาเข้าเรื่องสักที จากที่กล่าวไปทั้งหมด สามารถสรุปได้ว่า หนังทั้งเรื่องสร้างความประทับใจให้กับเรา ในด้านความรู้สึก หรือ ฟีลลิ่ง เป็นหลัก ซึ่งมันเริ่มต้นตั้งแต่ฉากเครดิตเปิดเรื่อง (ด้วยเพลงที่เราชอบมากกกกกกก) หลังจากนั้น ผกก ยังคงแทรกเพลงประกอบมาสนับสนุนอารมณ์ของเราและตัวละครอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะฟินเหมือนกันไหมนะครับ แต่โดยส่วนตัว มันทำให้เราต้องเคาะนิ้วและร้องตาม(ในใจ)แทบทุกเพลง สำหรับเรามันจึงเป็นอะไรที่มากกว่าแค่เพลงประกอบ สำหรับเรามันไม่ต่างอะไรกับตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งน่ารัก และเราก็รักมันมาก
" ต่อไปนี้จะมีการระบุรายชื่อแต่ละเพลง และมีการอธิบายควบคู่กับฉากในหนังด้วย
หากท่านใดอยากจะเข้าไปเซอร์ไพรซ์ในโรงทีเดียว (ซึ่งให้อารมณ์มากกว่าเปิดฟังผ่านยูทูปแห้งๆ)
ขอแนะนำว่า ให้เข้าโรงหนังเลือกเบอร์นั่งเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อนะครับ "
จุดมุ่งหมายของการตั้งกระทู้เกิดจากความที่เราชอบเพลงประกอบของหนังเรื่องนี้มากๆ หนังจบ เพลงไม่จบ อารมณ์ไม่จบ อยากหามาฟังเพื่อย้อนรำลึกความรู้สึกในหนังอีกครั้ง ติดก็แต่จำไม่หวาดไม่ไหวว่ามีเพลงอะไรบ้าง เลยได้ทำการสอบถามไปทางทีมงานของค่ายครับ ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาทันที แล้วถ้าเกิดมีคนที่ต้องการหาเพลงประกอบฟังอย่างเราอีกล่ะ? เพื่อความสะดวก เราจึงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ รวบรวมไว้เลยละกัน (ไม่ได้เป็นการรีวิวนะครับ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องเพลงเลย ฟีลลิ่ง ล้วนๆ 555)
พร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า...
รอวันฉันรักเธอ - อ๊อด คีรีบูน
เป็นเพลงที่พูดถึงคนสองคนที่อยู่ห่างไกลกันครับ ฝ่ายหนึ่งพร่ำเพ้อเฝ้ารอวันที่พวกเขาจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ด้วยดวงใจที่คุกรุ่นไปด้วยความรัก เป็นเพลงที่โรแมนติกมากๆ และแน่นอน นี่อาจเป็นความในใจที่ตุ๊กแกมีต่อแป้งตลอด ตั้งแต่ที่เธอต้องตามพ่อไปอยู่กรุงเทพฯ
น่ารัก - ชัยรัตน์ เทียบเทียม
เพลงนี้เคยเป็นเพลงประกอบของภาพยนตร์เรื่อง วัยอลวน (1976) ครับ เนื้อเพลงพูดถึงอาการแอบรักของคนๆหนึ่ง ซึ่งไม่กล้าบอกรักคนใกล้ตัว หลายๆท่อนฟังแล้วรู้สึกว่าคนร้องไร้เดียงสามากๆ เป็นเพลงที่เพราะโคตรๆ และยังน่ารักสมชื่อจริงๆ ในหนังมาในเวอร์ชั่น cover ครับ (ตัวละครแป้งเป็นคนร้อง) ต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถหามาได้ ฟังต้นฉบับแก้ขัดก่อนละกันเนอะ
คําสัญญา - อินโดจีน
เพลงนี้ล่ะครับ ที่เล่นเอาเด็กสาวแป้งถึงกับน้ำตาร่วง เมื่อแก๊งเด็กอ้วนหลังห้อง cover เพลงนี้เป็นการอำลาให้กับเธอ แม้พวกแกจะไม่ได้ร้องเพราะอะไรมากมาย แต่ความจริงใจจัดเต็มมาก เป็นอีกเพลงซึ่งควรเปิดในวันเลี้ยงส่งมิตรสหายยิ่งนัก
หนึ่งมิตรชิดใกล้ - อัสนี วสันต์
มาที่เพลงเศร้ากันบ้าง กับน้ำเสียงแอบน้อยใจเล็กๆ ของคนที่เคยใกล้ชิดและมีเวลาดีๆร่วมกัน หนังใช้ชื่อเพลงนี้เป็นชื่อหนังเรื่องแรกที่แป้งเล่น และส่งให้เธอแต่งงาน มันจึงยิ่งเสียดแทงจิตใจของตุ๊กแกและคนดูในระดับที่ไม่สามารถบรรยายได้
เพียงสบตา - แจ้ ดนุพล
คนที่กำลังร้องเพลงนี้ โลกของเขาหรือเธอต้องเป็นสีชมพูอย่างแน่นอน นี่คืออาการของคนที่กำลังตกหลุมรักใครสักคน ซึ่งฟังดูร้อนแรงเหลือคณนา จึงไม่แปลกที่เนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะร้องว่า "รักในวัยรุ่นคือรักครั้งแรก แอบแฝงด้วยความร้อนแรง" โดยผิวเผิน ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับนิสัยนิ่งๆเก็บอาการของตุ๊กแก แต่ใครจะไปรู้ ว่าแท้จริงแล้ว อุณหภูมิภายในใจจะเป็นเช่นไร
เชื่อฉัน - แจ้ ดนุพล
เป็นเพลงที่มีจังหวะน่ารักมาก ตอนแรกเนื้อร้องก็ออกมาในเชิงตัดพ้อ ที่คนรักเลือกคนใหม่ แต่กลับปิดท้ายเพลงได้กุ๊กกิ๊กเอามากๆ "โปรดทิ้งความคิดจะเปลี่ยนใจ ห้ามหนีไปชอบใคร ชอบทำไม ชอบได้แต่ฉัน คนเดียว" แหม่ อะไรจะมั่นใจขนาดนั้นคะคุณ
เขิน - The Palace feat.นักแสดงตุ๊กแกรักแป้งมาก
เพลงเอนด์เครดิตนั่นเอง เพลงนี้ cover จากวงแกรนด์เอ็กซ์ครับ เป็นเพลงที่เหมาะต่อการรูดม่านปิดฉากด้วยประการทั้งปวง ด้วยทำนองสนุกสนาน และเนื้อร้องที่มีการเล่นคำมันส์ๆ อยากจะบอกว่ารักได้แต่ร้อง "เย เย เย"
พอลองนำมาเรียงร้อยต่อกันแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกว่า แต่ละเพลงแทน 'สาร' หลายๆอย่างในหนังได้ดีมากทีเดียวครับ เริ่มตั้งแต่การเขิน ตกหลุมรัก แอบรัก คิดถึงคนที่รัก น้อยใจคนรัก หรือกระทั่งตัดพ้อ และคืนดี
หวังว่าเพลงในกระทู้นี้น่าจะอยู่เป็นเพื่อนอารมณ์ความรู้สึกที่หนังเรื่องนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจทุกคนที่ได้ไปดูมาแล้วนะครับ แต่ถ้ามันไม่อาจทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ เชิญครับ ไปเสพ ตุ๊กแกรักแป้งมาก รอบที่สอง สาม สี่ หรือห้า กันเถอะ...
เครดิต ขอขอบคุณ ข้อมูลและรูปภาพ จาก
JEDIYUTH
Transformation Films
หนังจบ เพลงไม่จบ อารมณ์ไม่จบ: 'ตุ๊กแกรักแป้งมาก' หนังที่มีเพลงประกอบ 'โดนใจ' ที่สุดแห่งปี
ไปดู ตุ๊กแกรักแป้งมาก มาแล้วครับ หลังจากกระแสเสียงวิจารณ์และความคิดเห็นรอบสื่อออกมาในทางชื่นชมเสียส่วนใหญ่ บวกกับส่วนตัวเราติดตามผลงานของ ยุทธเลิศ มาโดยตลอด (หนังยุคหลังๆดูในโรงแทบทั้งสิ้น บางกอกกังฟู กับ หมาแก่อันตราย ชอบมากๆ) นี่จึงเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งต้องขอใช้คำตามสไตล์คนคลั่งหนังว่า กระหายใคร่ดู อย่างสุดแสน แต่ในขณะเดียวกัน กราฟความคาดหวังก็ย่อมต้องสูงลิบลิ่ว
และพอได้เข้าไปลิ้มรสภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยสองตาตนเอง ผลที่ได้คือ...
ชอบมากกกกกกก
สำหรับเรานี่คือ หนังของคนรักหนัง เพื่อคนรักหนัง และโดยคนรักหนัง อย่างแท้จริง (ขออนุญาตดัดแปลงวาทะอมตะของท่านลินคอล์นมา ณ ที่นี้) หนังมีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่จะทำให้คนรักหนังหลงใหลและชื่นชอบอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เริ่มตั้งแต่เนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับการทำตามความฝันของเด็กหนุ่มซึ่งอยากเป็นผู้กำกับ, มีตัวละครที่ครอบจักรวาลวงการแผ่นฟิล์ม ไม่ว่าจะ ผกก นักแสดง นายทุน คอหนัง คนฉายหนัง หรือกระทั่งคนเขียนคัตเอาท์, มีการล้อเลียนหนังที่เป็นปรากฏการณ์แห่งโลกภาพยนตร์ด้วยน้ำเสียงน่ารักๆ (มีเรื่องอะไรบ้าง ขออุบไว้ ให้ไปลุ้นกันเอง)
นอกจากนี้ โทนและบรรยากาศที่ชัดเจนมาก คือ อารมณ์ถวิลโหยหาอดีต ทั้งเรื่องราวที่ย้อนไปในยุคที่โลกยังไม่รู้จักโรงหนังมัลติเพล็กซ์ (และน่าสนใจมากที่หนังเรื่องนี้ ไม่ฉายภาพโรงหนังแบบนั้นเลย โรงหนังที่เราพบเห็นในเรื่องมีแค่ เพชรเชียงคาน กับ สกาล่า), มีหนังเก่าๆที่เป็นสัญลักษณ์แห่งยุค เช่น หนุมานพบเจ็ดยอดมนุษย์, ช่วงเวลาแห่งวัยเด็ก ของเล่นเก่าๆ ของใช้เก่าๆ การละเล่นเก่าๆ, การใช้แสงและงานด้านภาพอบอุ่นๆเหมือนอยู่ในโลกแห่งความทรงจำ, เพลงเก่าๆ (อันนี้คือไฮไลต์เลย แต่เดี๋ยวไว้ก่อนนะครับ ไว้ขยายตอนท้ายสุด)
อ่านถึงตรงนี้ บางคนอาจเกิดคำถาม "เอ๊ะ! แล้วถ้าฉันไม่ได้รักหนังมากมายล่ะ ถ้าฉันเป็นแค่คนดูหนังทั่วๆไป แถมฉันยังเกิดไม่ทันยุคสมัยที่เธอพร่ำพรรณาเลย ฉันก็ไม่เหมาะที่จะดูหนังเรื่องนี้สินะ" ขอบอกเลยว่าไม่จริงครับ สมมติว่าเราไม่อินหรือรีเลทกับหนังเลย ไม่มีจุดร่วมใดๆกับหนังเลย มันก็ยังคงเป็นหนังที่น่าดูและน่ารักในแบบฉบับของมันอยู่ แม้เราอาจเห็นข้อบกพร่องด้านความสมเหตุสมผลบางอย่างของตัวบท แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในหนังก็ยังลื่นไหลและบันเทิงเริงใจ เป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจ ทั้งมุกตลกที่ทำงานไม่ต่ำกว่าร้อยละแปดสิบ, ธีมโรแมนติกกุ๊กกิ๊ก หรือ เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน
เอาล่ะ ถือป้ายไฟเชียร์มานานเกินไปละ (ก็รู้ตัวนิ!!!) ถึงเวลาเข้าเรื่องสักที จากที่กล่าวไปทั้งหมด สามารถสรุปได้ว่า หนังทั้งเรื่องสร้างความประทับใจให้กับเรา ในด้านความรู้สึก หรือ ฟีลลิ่ง เป็นหลัก ซึ่งมันเริ่มต้นตั้งแต่ฉากเครดิตเปิดเรื่อง (ด้วยเพลงที่เราชอบมากกกกกกก) หลังจากนั้น ผกก ยังคงแทรกเพลงประกอบมาสนับสนุนอารมณ์ของเราและตัวละครอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะฟินเหมือนกันไหมนะครับ แต่โดยส่วนตัว มันทำให้เราต้องเคาะนิ้วและร้องตาม(ในใจ)แทบทุกเพลง สำหรับเรามันจึงเป็นอะไรที่มากกว่าแค่เพลงประกอบ สำหรับเรามันไม่ต่างอะไรกับตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งน่ารัก และเราก็รักมันมาก
หากท่านใดอยากจะเข้าไปเซอร์ไพรซ์ในโรงทีเดียว (ซึ่งให้อารมณ์มากกว่าเปิดฟังผ่านยูทูปแห้งๆ)
ขอแนะนำว่า ให้เข้าโรงหนังเลือกเบอร์นั่งเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อนะครับ "
จุดมุ่งหมายของการตั้งกระทู้เกิดจากความที่เราชอบเพลงประกอบของหนังเรื่องนี้มากๆ หนังจบ เพลงไม่จบ อารมณ์ไม่จบ อยากหามาฟังเพื่อย้อนรำลึกความรู้สึกในหนังอีกครั้ง ติดก็แต่จำไม่หวาดไม่ไหวว่ามีเพลงอะไรบ้าง เลยได้ทำการสอบถามไปทางทีมงานของค่ายครับ ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาทันที แล้วถ้าเกิดมีคนที่ต้องการหาเพลงประกอบฟังอย่างเราอีกล่ะ? เพื่อความสะดวก เราจึงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ รวบรวมไว้เลยละกัน (ไม่ได้เป็นการรีวิวนะครับ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องเพลงเลย ฟีลลิ่ง ล้วนๆ 555)
พร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า...
รอวันฉันรักเธอ - อ๊อด คีรีบูน
เป็นเพลงที่พูดถึงคนสองคนที่อยู่ห่างไกลกันครับ ฝ่ายหนึ่งพร่ำเพ้อเฝ้ารอวันที่พวกเขาจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ด้วยดวงใจที่คุกรุ่นไปด้วยความรัก เป็นเพลงที่โรแมนติกมากๆ และแน่นอน นี่อาจเป็นความในใจที่ตุ๊กแกมีต่อแป้งตลอด ตั้งแต่ที่เธอต้องตามพ่อไปอยู่กรุงเทพฯ
น่ารัก - ชัยรัตน์ เทียบเทียม
เพลงนี้เคยเป็นเพลงประกอบของภาพยนตร์เรื่อง วัยอลวน (1976) ครับ เนื้อเพลงพูดถึงอาการแอบรักของคนๆหนึ่ง ซึ่งไม่กล้าบอกรักคนใกล้ตัว หลายๆท่อนฟังแล้วรู้สึกว่าคนร้องไร้เดียงสามากๆ เป็นเพลงที่เพราะโคตรๆ และยังน่ารักสมชื่อจริงๆ ในหนังมาในเวอร์ชั่น cover ครับ (ตัวละครแป้งเป็นคนร้อง) ต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถหามาได้ ฟังต้นฉบับแก้ขัดก่อนละกันเนอะ
คําสัญญา - อินโดจีน
เพลงนี้ล่ะครับ ที่เล่นเอาเด็กสาวแป้งถึงกับน้ำตาร่วง เมื่อแก๊งเด็กอ้วนหลังห้อง cover เพลงนี้เป็นการอำลาให้กับเธอ แม้พวกแกจะไม่ได้ร้องเพราะอะไรมากมาย แต่ความจริงใจจัดเต็มมาก เป็นอีกเพลงซึ่งควรเปิดในวันเลี้ยงส่งมิตรสหายยิ่งนัก
หนึ่งมิตรชิดใกล้ - อัสนี วสันต์
มาที่เพลงเศร้ากันบ้าง กับน้ำเสียงแอบน้อยใจเล็กๆ ของคนที่เคยใกล้ชิดและมีเวลาดีๆร่วมกัน หนังใช้ชื่อเพลงนี้เป็นชื่อหนังเรื่องแรกที่แป้งเล่น และส่งให้เธอแต่งงาน มันจึงยิ่งเสียดแทงจิตใจของตุ๊กแกและคนดูในระดับที่ไม่สามารถบรรยายได้
เพียงสบตา - แจ้ ดนุพล
คนที่กำลังร้องเพลงนี้ โลกของเขาหรือเธอต้องเป็นสีชมพูอย่างแน่นอน นี่คืออาการของคนที่กำลังตกหลุมรักใครสักคน ซึ่งฟังดูร้อนแรงเหลือคณนา จึงไม่แปลกที่เนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะร้องว่า "รักในวัยรุ่นคือรักครั้งแรก แอบแฝงด้วยความร้อนแรง" โดยผิวเผิน ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับนิสัยนิ่งๆเก็บอาการของตุ๊กแก แต่ใครจะไปรู้ ว่าแท้จริงแล้ว อุณหภูมิภายในใจจะเป็นเช่นไร
เชื่อฉัน - แจ้ ดนุพล
เป็นเพลงที่มีจังหวะน่ารักมาก ตอนแรกเนื้อร้องก็ออกมาในเชิงตัดพ้อ ที่คนรักเลือกคนใหม่ แต่กลับปิดท้ายเพลงได้กุ๊กกิ๊กเอามากๆ "โปรดทิ้งความคิดจะเปลี่ยนใจ ห้ามหนีไปชอบใคร ชอบทำไม ชอบได้แต่ฉัน คนเดียว" แหม่ อะไรจะมั่นใจขนาดนั้นคะคุณ
เขิน - The Palace feat.นักแสดงตุ๊กแกรักแป้งมาก
เพลงเอนด์เครดิตนั่นเอง เพลงนี้ cover จากวงแกรนด์เอ็กซ์ครับ เป็นเพลงที่เหมาะต่อการรูดม่านปิดฉากด้วยประการทั้งปวง ด้วยทำนองสนุกสนาน และเนื้อร้องที่มีการเล่นคำมันส์ๆ อยากจะบอกว่ารักได้แต่ร้อง "เย เย เย"
พอลองนำมาเรียงร้อยต่อกันแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกว่า แต่ละเพลงแทน 'สาร' หลายๆอย่างในหนังได้ดีมากทีเดียวครับ เริ่มตั้งแต่การเขิน ตกหลุมรัก แอบรัก คิดถึงคนที่รัก น้อยใจคนรัก หรือกระทั่งตัดพ้อ และคืนดี
หวังว่าเพลงในกระทู้นี้น่าจะอยู่เป็นเพื่อนอารมณ์ความรู้สึกที่หนังเรื่องนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจทุกคนที่ได้ไปดูมาแล้วนะครับ แต่ถ้ามันไม่อาจทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ เชิญครับ ไปเสพ ตุ๊กแกรักแป้งมาก รอบที่สอง สาม สี่ หรือห้า กันเถอะ...
เครดิต ขอขอบคุณ ข้อมูลและรูปภาพ จาก
JEDIYUTH
Transformation Films