สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 40
ถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้หลักสูตรนอกตำราแล้วหนู
หนูต้องมี "พรรคพวก" ซึ่งในที่นี้ คือ กองกำลังเสริมจ๊ะ มันมาได้หลายทาง เช่น
- บ้านหนูพอมีตังบ้าง พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ไปต่างประเทศ เอาของฝากมาเยอะหน่อย(ขนมนมเนยอะไรก็ได้ ไม่ต้องซื้อเพชรซื้อพลอยมานะ อันนั้นก็อวดรวยเกินไปนิ๊ส) แจกทุกคนที่ดีกับเรา แจกแม่มตั้งแต่ พี่รปภ แม่บ้าน อย่าเพิ่งแจกกลุ่มแอนตี้นะ เอาคนอื่นๆให้ครบก่อน แล้วลากไป 1-2 วันดูว่าคนในกลุ่มแอนตี้ใครที่เปลี่ยนทีท่าบ้าง เช่น สนใจว่าเราให้อะไร(แรกๆมันก็จะนินทาว่าอวดรวย เสี่ยซื้อมาฝากเมียเก็บอ่ะดิ อย่าสนใจ พวกเราเยอะกว่าอยู่แล้ว) คนในกลุ่มแอนตี้ที่เริ่มเปิดใจให้เรา เราให้ของฝากเค้าก่อนเลย ส่วนไอ่แกนนำ อย่าให้เด็ดขาด(หมายถึงอย่าให้ตอนนี้)
- จัดกิจกรรมสันทนาการกับกลุ่มเพื่อนใกล้ชิด เช่น เพื่อนที่เข้ามาพร้อมๆกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เลเวลงานใกล้เคียงกัน ฯลฯ จัดทริป ล่องแก่ง ตลาดน้ำ ทะเลสวย ดูหนัง ทานข้าว ร้องเกะ เราก็ได้เพื่อนสนิทแล้ว(อันนี้ต้องดูดีๆ ใครมาหลอกแดรกฟรีอย่าคบ เพราะขั้นตอนนี้คือดูคนจริงใจใกล้ๆตัว อิพวก อิ่มจังตังอยู่ครบ เลิกชวนเลย เพื่อนจริงใจมันต้องหารเท่าๆ)
- สนิทกะหัวหน้าเรา ดีแล้ว แต่เป็นไปได้ สนิทกะหัวหน้าทุกคนเลย จะเยี่ยมมาก ไม่ได้ให้ชะเลียนะ แต่ควรสุภาพอ่อนน้อม รู้กาละเทศะ วางตัวดี เค้าขอความช่วยเหลืออะไร ทำให้หน่อยไม่ใช่ พอเค้าให้ช่วยก็บอกเค้าว่า มีลูกน้องก็ใช้ลูกน้องซิ สะบัดบ๊อบใส่ อันนี้ก็แย่ไป
- สังเกตคนรอบตัวเราถ้ามีกลุ่มใหญ่ขึ้นแล้ว อิพี่คนนั้นจะหัวเดียวกระเทียมลีบ อย่ากระนั้นเลย กระทืบให้ตายก็ตายเปล่า ผูกมิตรเข้าใว้ เอางานนี่แหละ ไปปรึกษา ยกย่องว่าเค้าเก่งอ่ะ เราอยากเก่งแบบเค้าจริงๆเลย
**** ถ้าทำมาทั้งหมดแล้ว ยังรู้สึกอึดอัดใจในการทำงานที่นี่อยู่ "ลาออก" ไปหาที่ใหม่ เหอะ (การเมืองที่นี่คงแรงไปสำหรับเด็กใหม่อ่ะ)****
หนูต้องมี "พรรคพวก" ซึ่งในที่นี้ คือ กองกำลังเสริมจ๊ะ มันมาได้หลายทาง เช่น
- บ้านหนูพอมีตังบ้าง พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ไปต่างประเทศ เอาของฝากมาเยอะหน่อย(ขนมนมเนยอะไรก็ได้ ไม่ต้องซื้อเพชรซื้อพลอยมานะ อันนั้นก็อวดรวยเกินไปนิ๊ส) แจกทุกคนที่ดีกับเรา แจกแม่มตั้งแต่ พี่รปภ แม่บ้าน อย่าเพิ่งแจกกลุ่มแอนตี้นะ เอาคนอื่นๆให้ครบก่อน แล้วลากไป 1-2 วันดูว่าคนในกลุ่มแอนตี้ใครที่เปลี่ยนทีท่าบ้าง เช่น สนใจว่าเราให้อะไร(แรกๆมันก็จะนินทาว่าอวดรวย เสี่ยซื้อมาฝากเมียเก็บอ่ะดิ อย่าสนใจ พวกเราเยอะกว่าอยู่แล้ว) คนในกลุ่มแอนตี้ที่เริ่มเปิดใจให้เรา เราให้ของฝากเค้าก่อนเลย ส่วนไอ่แกนนำ อย่าให้เด็ดขาด(หมายถึงอย่าให้ตอนนี้)
- จัดกิจกรรมสันทนาการกับกลุ่มเพื่อนใกล้ชิด เช่น เพื่อนที่เข้ามาพร้อมๆกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เลเวลงานใกล้เคียงกัน ฯลฯ จัดทริป ล่องแก่ง ตลาดน้ำ ทะเลสวย ดูหนัง ทานข้าว ร้องเกะ เราก็ได้เพื่อนสนิทแล้ว(อันนี้ต้องดูดีๆ ใครมาหลอกแดรกฟรีอย่าคบ เพราะขั้นตอนนี้คือดูคนจริงใจใกล้ๆตัว อิพวก อิ่มจังตังอยู่ครบ เลิกชวนเลย เพื่อนจริงใจมันต้องหารเท่าๆ)
- สนิทกะหัวหน้าเรา ดีแล้ว แต่เป็นไปได้ สนิทกะหัวหน้าทุกคนเลย จะเยี่ยมมาก ไม่ได้ให้ชะเลียนะ แต่ควรสุภาพอ่อนน้อม รู้กาละเทศะ วางตัวดี เค้าขอความช่วยเหลืออะไร ทำให้หน่อยไม่ใช่ พอเค้าให้ช่วยก็บอกเค้าว่า มีลูกน้องก็ใช้ลูกน้องซิ สะบัดบ๊อบใส่ อันนี้ก็แย่ไป
- สังเกตคนรอบตัวเราถ้ามีกลุ่มใหญ่ขึ้นแล้ว อิพี่คนนั้นจะหัวเดียวกระเทียมลีบ อย่ากระนั้นเลย กระทืบให้ตายก็ตายเปล่า ผูกมิตรเข้าใว้ เอางานนี่แหละ ไปปรึกษา ยกย่องว่าเค้าเก่งอ่ะ เราอยากเก่งแบบเค้าจริงๆเลย
**** ถ้าทำมาทั้งหมดแล้ว ยังรู้สึกอึดอัดใจในการทำงานที่นี่อยู่ "ลาออก" ไปหาที่ใหม่ เหอะ (การเมืองที่นี่คงแรงไปสำหรับเด็กใหม่อ่ะ)****
ความคิดเห็นที่ 11
เราทุกคนอาศัยอยู่ในสังคม อยู่กับคนหมู่มาก ย่อมมีโอกาสพบเจอทั้งคนดี และไม่ดีปะปนกันครับ
การลาออกจากที่ปัจจุบัน สามารถแก้ (หนี) ปัญหานี้ได้ แต่ไม่ได้การันตี ว่าคุณไปที่อื่นแล้วจะไม่เจอแบบนี้ (หรืออาจจะแย่กว่านี้)
และคงไม่แปลกที่เราจะต้องเผชิญกับคนไม่ดี
อยากแนะนำให้คุณ อย่าลดตัวลงไปปะทะกับคนพวกนี้ (อย่าไปกัดกับหมาครับ)
การปรึษาเจ้านาย ให้เจ้านายจัดการให้ เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาครับ
นอกซะจาก เจ้านายบอกว่า ทำอะไรทำเลย เดี๋ยวเค้าแบ้คให้ ก็จัดเต็มเหนี่ยวเลยครับ
การแอบเก็บหลักฐานที่เราถูกกลั่นแกล้งไว้ ก็เป็นเกราะป้องกันตัวได้ในระดับหนึ่งครับ (ถ่ายคลิบ อัดเสียง)
ผมว่าคุณกลับโชคดีนะครับ ที่มีหัวหน้าที่ดี มีวุฒิภาวะ
ถ้าคุณชอบงาน แนะนำว่า ไม่อย่าลาออกครับ
ส่วนเรื่องรถ ลองคุยกับยาม หรือรปภครับ ให้เค้าช่วยสอดส่องรถเรา
เพราะคนจำพวก หมาลอบกัด ถ้ามีใครเห็นอยู่ในสายตา เค้าไม่กล้าทำผิดหรอกครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
การลาออกจากที่ปัจจุบัน สามารถแก้ (หนี) ปัญหานี้ได้ แต่ไม่ได้การันตี ว่าคุณไปที่อื่นแล้วจะไม่เจอแบบนี้ (หรืออาจจะแย่กว่านี้)
และคงไม่แปลกที่เราจะต้องเผชิญกับคนไม่ดี
อยากแนะนำให้คุณ อย่าลดตัวลงไปปะทะกับคนพวกนี้ (อย่าไปกัดกับหมาครับ)
การปรึษาเจ้านาย ให้เจ้านายจัดการให้ เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาครับ
นอกซะจาก เจ้านายบอกว่า ทำอะไรทำเลย เดี๋ยวเค้าแบ้คให้ ก็จัดเต็มเหนี่ยวเลยครับ
การแอบเก็บหลักฐานที่เราถูกกลั่นแกล้งไว้ ก็เป็นเกราะป้องกันตัวได้ในระดับหนึ่งครับ (ถ่ายคลิบ อัดเสียง)
ผมว่าคุณกลับโชคดีนะครับ ที่มีหัวหน้าที่ดี มีวุฒิภาวะ
ถ้าคุณชอบงาน แนะนำว่า ไม่อย่าลาออกครับ
ส่วนเรื่องรถ ลองคุยกับยาม หรือรปภครับ ให้เค้าช่วยสอดส่องรถเรา
เพราะคนจำพวก หมาลอบกัด ถ้ามีใครเห็นอยู่ในสายตา เค้าไม่กล้าทำผิดหรอกครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
ความคิดเห็นที่ 33
คนจนอิจฉาคนรวยมีเป็นปกติในสังคม แก่กะโหลกกะลากลัวการเปลี่ยนแปลง เคยทำยังไง อยู่ยังไงก็จะทำแบบนั้นจนแก่จาย
เคยได้จอด เพราะไปเบ่งคับฟ้า พอไม่ได้จอดก็จะแกล้งสารพัด
อย่าไปกลัวน้องเอ๋ย คนพวกนี้มันแค่หมาเน่าลอยน้ำ สักวันเดวมันก็จมลงใต้น้ำ คราวหลังนะบ่นไปเลยดัง ๆ
"เนี่ยมีคนมาเขียนที่รถเราด้วยแหละว่าขาย ห แลกรถมา สงสัยเคยทำมาก่อนแน่ ๆ เลย ถึงรู้ว่าต้องทำยังไง"
รับรอง เสียดแทงไปทั่วร่าง อีกอย่างติดกล้องที่รถนะครับ จะได้ค่าหนังคาเขา เอาแบบบันทึกรอบคันเลยยิ่งดี
แล้วเอาไปติดที่หน้าบอร์ดบริษัท เชื่อป่ะ พวกเก่ง ๆ แบบนี้มันจะกลัวคนจริง ที่เอาจริง อย่าไปอ่อนข้อครับ
เคยได้จอด เพราะไปเบ่งคับฟ้า พอไม่ได้จอดก็จะแกล้งสารพัด
อย่าไปกลัวน้องเอ๋ย คนพวกนี้มันแค่หมาเน่าลอยน้ำ สักวันเดวมันก็จมลงใต้น้ำ คราวหลังนะบ่นไปเลยดัง ๆ
"เนี่ยมีคนมาเขียนที่รถเราด้วยแหละว่าขาย ห แลกรถมา สงสัยเคยทำมาก่อนแน่ ๆ เลย ถึงรู้ว่าต้องทำยังไง"
รับรอง เสียดแทงไปทั่วร่าง อีกอย่างติดกล้องที่รถนะครับ จะได้ค่าหนังคาเขา เอาแบบบันทึกรอบคันเลยยิ่งดี
แล้วเอาไปติดที่หน้าบอร์ดบริษัท เชื่อป่ะ พวกเก่ง ๆ แบบนี้มันจะกลัวคนจริง ที่เอาจริง อย่าไปอ่อนข้อครับ
แสดงความคิดเห็น
โดนเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานหมั่นไส้ ต้นเหตุมาจากรถของเรา และอีกหลายสาเหตุ เราควรทำอย่างไรดีคะ รู้สึกแย่มากๆเลย
เรื่องมันเริ่มมาจากเราได้ที่ทำงานค่อนข้างไกลบ้าน คือบ้านเราอยู่วัชรพล แต่ต้องไปทำงานถึงลาดกระบัง ซึ่งคุณแม่เราไม่อยากให้เรานั่งรถสาธารณะเท่าไหร่นัก เพราะที่วัชรพลรถสาธารณะนั้นค่อนข้างรอนานและคนแน่นมาก และถ้าวันไหนกลับดึกก็จะเปลี่ยวมากๆ คุณแม่คงไปรับไปส่งเหมือนที่เคยทำไม่ได้ เพราะท่านก็ไม่ค่อยมีเวลา คุณแม่เลยให้เอารถไปใช้ เป็นรถ BMW 320d ค่ะ ส่วนท่านกำลังอยากได้รถ Hybrid อยู่พอดี เลยจะไปซื้อรถใหม่ ส่วนตัวเรายังไงก็ได้ ให้ขับรถไปเองหรือนั่งรถสาธาณะก็ไม่มีปัญหา แต่ขับไปเองก็ดี สะดวกกว่ามากๆ
เรื่องมันเริ่มมาจากตรงนี้เลยค่ะ
วันแรกของการทำงาน เราก็ขับรถไปทำงานตามปรกติ แต่ที่จอดรถในร่มของออฟฟิศมีจำกัด เพราะพนักงานส่วนมากจะขับรถมาทำงานกัน ใครมาก่อนก็ได้จอดในร่มก่อน ถ้าใครมาช้าก็ต้องไปจอดลานกลางแจ้ง ซึ่งเรามาแต่เช้าอยู่แล้ว จึงได้ที่จอดก่อน เราก็ได้จอดแบบนี้ทุกเช้าเพราะเรามาถึงที่ทำงานเร็วมาก จนมีพี่คนนึงเขารู้มาว่ารถคันนี้เป็นรถของเรา ซึ่งเราเป็นเด็กใหม่ เขาจึงขอให้เราเลื่อนรถออกไปจอดกลางแจ้งในวันต่อๆไป "สาเหตุเพราะ เราเป็นเด็กใหม่ ในร่มมีไว้ให้พนักงานเก่าเท่านั้น เด็กใหม่ไม่มีสิทธิ์" เราไม่เข้าใจแต่ก็คิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆก็ยอมเลื่อนไปจอดกลางแจ้ง ซึ่งร้อนและเดินไกลมาก แต่ก็ยอมเพราะยังไม่รู้อะไรเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจเราจึงไปถามหัวหน้างานเรา หัวหน้างานเราบอกว่า จอดไปเลย มาก่อนได้ก่อน ตัวเขาเองมาช้ายังจอดกลางแจ้งเลย และหัวหน้าเราก็เอาเรื่องนี้ไปแจ้งต่อหัวหน้างานของพี่คนนั้น พี่คนนั้นก็โดนหัวหน้างานเขาต่อว่ามาตามปรกติ
พอขับรถคันนี้ไปทำงานก็โดนพี่คนนี้เอาไปนินทาลับหลังตลอดว่า
เราเป็นเด็กเสี่ยบ้าง (ถ้าเราเป็นเด็กเสี่ยจริง เราคงนอนงอมืองอเท้าอยู่บ้านแล้วหล่ะ ไม่ออกมาทำงานกินเงินเดือนหรอก)
เราพนักงานใหม่เงินเดือนหมื่นกว่าบาทแต่ขับรถแพง ขับรถหรูกว่าหัวหน้าบ้าง แถมแพงกว่าพนักงานอาวุโสบางท่านซะอีก (ไม่ได้ซื้อเองค่ะ - -" ถ้าให้ซื้อเองปัญญาจะผ่อน มอเตอร์ไซด์สักคันยังลำบากเลย)
เอาเราไปพูดเสียๆหายๆ เป่าหูให้หัวหน้าฟังบ้าง ฯลฯ สารพัดเลยค่ะ แต่โชคดีที่หัวหน้าท่านเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูง แยกแยะออกเราจึงทำงานอยู่ได้เพราะท่านค่ะ คือท่านบอกให้ทำงานไป มีอะไร โดนแกล้งอะไรให้ไปบอกท่าน แต่บอกทีไร เราก็โดนแกล้งนอกเวลางานทุกที
จนตอนนี้จากคนๆเดียว กลายเป็นกลุ่มเพื่อนๆของพี่คนนั้นเริ่มไม่ชอบเราเหมือนกันค่ะ
หลังจากนั้นเหมือนเราทำอะไรก็ผิด เช่น
ปรกติเราจะเป็นคนชอบไปก่อนเวลาเสมอๆ ไม่ว่าจะตอนเรียน หรือไปตามนัดต่างๆ เราจะไปก่อนเวลาอย่างน้อย 30 นาที ซึ่งการทำงานก็เหมือนกันเราจะไปถึงที่ทำงาน 7.30 แต่เข้างาน 8.30 ซึ่งเรื่องมันเริ่มมาจากเราไปถึงที่ทำงานเป็นคนแรกๆเสมอ จึงทำให้หัวหน้าชอบชมเราว่าบ้านไกลแต่ยังมาถึงก่อนพวกอยู่ใกล้ๆเสียอีก ... คนกลุ่มนั้นรู้ว่าหัวหน้ากำลังตำหนิพวกเขา เขาจึงพยายามกลั่นแกล้งเรา นินทาเราสารพัด เพราะคิดว่าเราไปฟ้องเรื่องนี้กับหัวหน้างาน (ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ได้บอกเลยค่ะ หัวหน้าท่านเห็นเอง และเราไม่มีความจำเป็นจำต้องไปฟ้องอะไรอยู่แล้ว)
แต่ก็มีอีกหลายคนนะคะที่ไม่ชอบคนกลุ่มนั้น มีหลายคนมาบอกว่า เราอย่าไปสนใจเขาเลย ทำงานของเราไป เหมือนคนกลุ่มนั้นจะจับกลุ่มเพื่อแอนตี้เด็กใหม่ที่เขาไม่ชอบ หรือพวกที่เขาอิจฉาเท่านั้น เด็กใหม่คนก่อนหน้าเราโดนมาหลายคนแล้ว หลายคนในนี้ก็เคยโดนเช่น ตอนคนในออฟฟิศซื้อรถป้ายแดงตอนภาษีรถคันแรก คนกลุ่มนี้ก็จะชอบจับกลุ่มนินทา เด็กฝึกงานไปแย่งที่จอดรถก็โดนปล่อยลม (แต่คนทำโดนไล่ออกไปแล้ว)
เราก็พยายามไม่สนใจตามที่พี่ๆในออฟฟิศบอกนะคะ แต่เหมือนเราจะโดนกลั่นแกล้งตลอดเวลาเลยค่ะ เช่น
เรื่องงาน เขาจะชอบเอาเอกสารมาให้เราแบบไม่มีเวลาให้เราตั้งตัวเลย คือต้องทำแข่งกับเวลา ถ้าทำไม่ทันก็โดนลูกค้าตำหนิมา
ชอบเอาเอกสารมาให้เราแต่ไม่เรียงหน้าบ้าง ให้หาหน้ากระดาษเอง คำศัพท์ทั้งไทยทั้งอังกฤษก็เหมือนตั้งใจพิมพ์ผิดบ้าง พอเราไปบอกหัวหน้า เราก็โดนแกล้งนอกเวลางานเช่น คนในกลุ่มนั้นเอารถมาจอดขวางรถเราบ้าง เราก็ออกไม่ได้ กลับบ้านไม่ได้ รอจนกว่าเขาจะมาเลื่อนออก แต่ถ้าเราไม่บอก เราก็จะโดนหัวหน้าตำหนิ
และมีอีกหลายเรื่องเลยค่ะที่ยังเล่าไม่หมด เรารู้สึกอึดอัดใจมากๆ ถ้าเป็นพี่ๆ จะทำยังไงกันบ้างคะ
- ทนทำต่อไป ?
- ลาออกหาที่ทำงานใหม่ ?
- แนะนำเพิ่มเติมได้นะคะ
ปล.2 ทุกวันนี้เรายอมจอดกลางแจ้งนะคะ เพื่อยุติปัญหา แต่พวกพี่ๆเขาก็ยังไม่หยุดเลยค่ะ เมื่อวานก็โดนเขียนรถ (รถฝุ่นเยอะ) เขียนว่า
"รถกาก"
"เด็กเสี่ย"
"รถสวยนะ แต่ขาย ห แลกรถมาหรอ"
เรายืนเช็ดออกทั้งน้ำตา ... นี่หรอชีวิตการทำงาน
มียามเห็นเรากำลังเช็ดออกก็มาช่วยเช็ด และยามเขาก็บอกว่า คนกลุ่มนี้สุดยอดแล้ว เขาแค่เปิดที่กั้นประตูช้า ก็โดน Report แล้ว
Tag - สีลม / มุษย์เงินเดือน - เพราะเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์เงินเดือนโดยตรง
Tag - รัชดา / รถยนต์ - เพราะมีเรื่องรถยนต์มาเกี่ยวข้อง
Tag - ศาลาประชาคม / ปัญหาชีวิต - เพราะเราคิดว่าเป็นปัญหาชีวิตของเราค่ะ