ถ้าใครพิ่งมาอ่านอันนี้หยุดไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งอ่านต่อ กลับไปอ่านกระทู้เก่าๆไล่มา พราะไม่งั้นจะงงๆว่าเล่าอะไรกันนี้ ตรูไม่รู้เรื่อง
นะๆ กลับไปอ่านแต่แรกแล้วจะไม่งง
เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009
http://ppantip.com/topic/32468932/comment9
@@@ เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009 @@@ ( ภาค 2 )
http://ppantip.com/topic/32477323/comment53
มาต่อกันค่ะ
เชื้อชาตินั้นสำคัญไฉน...
หลายๆคนบ่นว่า ไปกินร้านนู้นไม่อร่อย ร้านนี้ไม่อร่อย สู้ร้านฝรั่งไม่ได้งั้นงี้ จริงๆจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับชื้อชาติไหนที่ทำหรอกค่ะ กาแฟน่ะ
คนอิตาลีเองมาสมัครทำกาแฟ สตีฟเรียกให้คนที่มาสมัครมาดู ถามว่าธอทำแบบนี้ได้รึเปล่า เห็นกาแฟที่เราทำ
คนอิตาลีบอกข้าน้อยขอคาราวะนะ นังช้อย!!!!
( ที่เล่านี่คือตอนนั้นนะ ปี 2003 - 2009 ตอนนี้ใครๆก็ทำได้ ลวดลายแบบนี้กระจอกมากสำหรับปัจจุบัน )
หลักๆเลย ในออสเตรเลียเมล็ดกาแฟจะนำเข้ามา เมล็ดกาแฟที่นำมาขายตามร้านต่างๆ จะมีบริษัทนำเข้า มีไม่กี่บริษัท
แต่บริษัทนั้นๆเค้าแยกเกรดของเมล็ดกาแฟออกเป็นหลายกลุ่มผู้ซื้อ
ราคาเมล็ดกาแฟที่แพ็คเป็นถุงขาย ราคาก็ไม่แตกต่างกันมาก ที่แพงที่สุดที่เจ้าของกระทู้เคยมีโอกาศได้ใช้ ก็คือราคาสูงถึงเกือบ $300
( ร้านสุดท้าย ไว้ค่อยเล่าค่ะ รายละเอียดเยอะ ติดร้านอิลุง ยังเล่าไปไม่ถึงไหนเลย... ส่ายหัวด๊อกแด็ก)
ร้านที่เจ้าของเป็นนักรักบี้ ใช้เมล็ดกาแฟถุงละประมาณร้อยกว่าเหรียญต่อหนึ่งกก. คุณภาพจะดีกว่าเกรดของร้านสตีฟนิดหนึ่ง
ของสตีฟเมล็ดกาแฟราคาตกประมาณถุงละ เกือบร้อยเหรียญ แต่ถามว่าใช้เมล็ดกาแฟแพงๆแล้วกาแฟอร่อยไหม ตอบเเลยว่าไม่ถ้ามีคนชงฝีมือแย่
เพราะ....
การชงกาแฟ มันจะต้องสัมพันธ์กันทั้งสามอย่าง คือ 1. ครื่องบดเมล็ดกาแฟ 2.เครื่องชง 3.คนชง( Barista หน้ามัน )
เมล็ดกาแฟรสชาติอร่อยล้ำราคาสูง รสชาติดีแต่คนชงๆไม่เป็นก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เพราะการทำงานต้องสัมพันธืกันทั้งคนและเครื่อง
มีหลายๆๆๆคนมากที่เเดินเข้ามาสมัครงาน บางคนก็บอกว่ามีประสบการณ์งั้นงี้ทำมาห้าปีหกปี แต่พอมาให้ลองทำหน้าเครื่องจริงๆ
ตีนมพ่นออกมาเป็นฟองแฟ้ป ( ผงซักฟอกที่ไทย ยี่ห้อนี้ยังมีขายอยู่รึเปล่า? )
บางคนก็ไม่มีประสบการแต่ ชั้นมีใบประกาศๆๆ ถือกันมานี่เหมือนแจกใบปลิวกันเลยทีเดียว
อย่างที่เคยล่าไปในตอนแรกๆ ถ้าใครมาสมัครทำกาแฟนี่ สตีฟเอาเลย..... ช้อยเธอจัดการซิ !!!! เรียกมาหน้าเครื่องเลย
มีอยู่คนหนึ่ง ตลกมาก ฮาตดแตรก!!!!
มาถึงมาอยู่หน้าเครื่อง เราเทนมใส่เหยือกให้ แกเปิดเครื่องเร่งสุดเลย
นมนี่สียงดังเสียงสูงปรี๊ด!!!แบบกระฉอกออกมานอกเหยือก พี่แกก็ยังเร่งต่อไปๆๆ จนเราต้องไปปิดเครื่องตีนมให้ ไม่งั้นได้เล่นสงกรานต์นมร้อนกันแน่
บางคนก็มาแบบเร่งเครื่องตีนมสุดๆไปเลย แต่นมเย็นเจี๊ยบเหมือนที่เราพิ่งเทไปให้ใหม่ๆไม่มีความร้อนใดๆเลยทั้งที่จุ่มก้านตีนมลงไป
อัศจรรย์มาก ทำได้ไง?
หลักๆของการทำกาแฟให้ออกมารสชาติดี อร่อยลูกค้าติดใจ ตอนแรกๆแนะนำว่าไม่ต้องสนใจเรื่องลวดลายมาก อันนั้เอาไว้ฝึกตอนลูกค้าไม่มีก็ได้ แต่หลักที่สำคัญคือ
จะต้องดูว่า ตัวบดเมล็ดกาแฟ บดออกมาละเอียดรึหยาบไป
เพราะถ้าเราบดละเอียดมากเวลาเอากาแฟไปใส่เครื่อง กดให้นำ้กาแฟไหลผ่านออกมาช้า
กาแฟก็จะเป็นนำ้ดำๆไม่มีครีมรึความมันของเมล็ดกาแฟไหลผ่าออกมากาแฟเวลาดื่มรสชาติจะมีรสขมและเปรี้ยว
( สภาพอากาศคือตัวแปรที่ทำให้เราต้องคอยเช็คว่า ตัวบดเมล็ดกาแฟควรตั้งที่หยาบรึละเอียด ตั้งหยาบเพราะอากาศเย็น ตั้งละเอียดเพราะอากาศร้อน )
แต่ถ้าเราบดเมล็ดกาแฟหยาบเกินไป พอเอากาแฟที่บดแล้วไปใส่ในเครื่องทำกาแฟ พอกดสวิชปุ๊บ นำ้กาแฟไหลออกมาปั๊บ อันนั้น รสชาติของกาแฟก็จะขมเหมือนกัน
ส่วนใหญ่เวลาเราเอากาแฟที่บดมาแล้วใส่เครื่อง นำ้กาแฟควรจะไหลลงมาภายใน 6 วินาที และหยุดไหลไม่เกิน30 วินาที ที่จขกท.ตั้งเอาไว้ที่คิดว่าที่ดีที่สุดคือ 26 วินาที
( ถ้าจำไม่ผิดนะ ไม่ได้ทำนานเกือบห้าปีแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้าไปรื้อในโกดังที่จดๆเอาไว้ ช้อยไม่ได้จับนาน ลืมค่ะ )
เทคนิคอื่นๆก็คือนมที่จะตีต้องเย็นเจี๊ยบตลอดเวลา ใช้สร็จแล้วต้องเก็บเข้าตู้เย็นทันที ไม่งั้นตีนมออกมา เนื้อของนมที่เราเรียกกันว่าฟองมันจะไม่แน่น มันจะเป็นฟองเบา
ไม่หนักนุ่มลึก สัมผัสปากนี้มันนียนนุ่ม ไม่ใช้ฮึ่ย!!!ตรูดื่มผงซักฟอกรึนี่!!!
และอีกอย่างที่สำคัญ คือพยายามเทนมให้พอดีกับที่เราจะใช้ อย่าเทเยอะๆ แล้วเหลือ พอเหลือแล้วมาใส่นมเพื่มไปใหม่ งกเก็บไว้ให้ลูกค้าคนต่อไปนั่นแหล่ะลูกค้าคนที่สองจะได้กาแฟที่ไม่อร่อยไปดื่ม โดนแก้วกาแฟเขี้ยงใส่ ตัวใครตัวมัน
ทุกครั้งที่จขก ตีนม พอชงเสร็จก็จะล้างเหยือกด้วยนำ้เย็นเพราะดับอุณหภูมิของเหยือกที่เราตีไปแล้ว ไม่มีนมเก่ารึอุณหภูมิเก่าค้างอยู่
ก่อนจะตีนมก่อนทุกครั้ง ควรไล่ลมที่ก้านตีนมก่อนทุกครั้ง เพราะครั้งสุดท้ายที่เราตีนมไปแล้วเราปิดสวิช ลมจะข้างอยู่ที่ก้านตีนม
ไม่ใช่ไล่ลมตัวเองนะ เดือดร้อนคนเสริฟข้างๆเค้าจะเหม็นเอา
วิชาการมากไป จะมีใครอ่านมั้ยนี่ ......!!!
ปล. ภาพประกอบไม่ชัด ไม่ได้กลัวลูกชายลุงแกมาแอบก็อปไปลงเฟสบุคนะ ต้องเข้าใจว่าสมัยก่อนยังไม่มีไอโฟน มีแต่มือถือธรรมดา จะถ่ายรูปทีต้องเอากล้องดิจิตอลมาถ่าย แถมถ่ายไม่ชัดอีก
@@@ เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009 @@@ ( ภาค 3 )
นะๆ กลับไปอ่านแต่แรกแล้วจะไม่งง
เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009
http://ppantip.com/topic/32468932/comment9
@@@ เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009 @@@ ( ภาค 2 )
http://ppantip.com/topic/32477323/comment53
มาต่อกันค่ะ
เชื้อชาตินั้นสำคัญไฉน...
หลายๆคนบ่นว่า ไปกินร้านนู้นไม่อร่อย ร้านนี้ไม่อร่อย สู้ร้านฝรั่งไม่ได้งั้นงี้ จริงๆจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับชื้อชาติไหนที่ทำหรอกค่ะ กาแฟน่ะ
คนอิตาลีเองมาสมัครทำกาแฟ สตีฟเรียกให้คนที่มาสมัครมาดู ถามว่าธอทำแบบนี้ได้รึเปล่า เห็นกาแฟที่เราทำ
คนอิตาลีบอกข้าน้อยขอคาราวะนะ นังช้อย!!!!
( ที่เล่านี่คือตอนนั้นนะ ปี 2003 - 2009 ตอนนี้ใครๆก็ทำได้ ลวดลายแบบนี้กระจอกมากสำหรับปัจจุบัน )
หลักๆเลย ในออสเตรเลียเมล็ดกาแฟจะนำเข้ามา เมล็ดกาแฟที่นำมาขายตามร้านต่างๆ จะมีบริษัทนำเข้า มีไม่กี่บริษัท
แต่บริษัทนั้นๆเค้าแยกเกรดของเมล็ดกาแฟออกเป็นหลายกลุ่มผู้ซื้อ
ราคาเมล็ดกาแฟที่แพ็คเป็นถุงขาย ราคาก็ไม่แตกต่างกันมาก ที่แพงที่สุดที่เจ้าของกระทู้เคยมีโอกาศได้ใช้ ก็คือราคาสูงถึงเกือบ $300
( ร้านสุดท้าย ไว้ค่อยเล่าค่ะ รายละเอียดเยอะ ติดร้านอิลุง ยังเล่าไปไม่ถึงไหนเลย... ส่ายหัวด๊อกแด็ก)
ร้านที่เจ้าของเป็นนักรักบี้ ใช้เมล็ดกาแฟถุงละประมาณร้อยกว่าเหรียญต่อหนึ่งกก. คุณภาพจะดีกว่าเกรดของร้านสตีฟนิดหนึ่ง
ของสตีฟเมล็ดกาแฟราคาตกประมาณถุงละ เกือบร้อยเหรียญ แต่ถามว่าใช้เมล็ดกาแฟแพงๆแล้วกาแฟอร่อยไหม ตอบเเลยว่าไม่ถ้ามีคนชงฝีมือแย่
เพราะ....
การชงกาแฟ มันจะต้องสัมพันธ์กันทั้งสามอย่าง คือ 1. ครื่องบดเมล็ดกาแฟ 2.เครื่องชง 3.คนชง( Barista หน้ามัน )
เมล็ดกาแฟรสชาติอร่อยล้ำราคาสูง รสชาติดีแต่คนชงๆไม่เป็นก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เพราะการทำงานต้องสัมพันธืกันทั้งคนและเครื่อง
มีหลายๆๆๆคนมากที่เเดินเข้ามาสมัครงาน บางคนก็บอกว่ามีประสบการณ์งั้นงี้ทำมาห้าปีหกปี แต่พอมาให้ลองทำหน้าเครื่องจริงๆ
ตีนมพ่นออกมาเป็นฟองแฟ้ป ( ผงซักฟอกที่ไทย ยี่ห้อนี้ยังมีขายอยู่รึเปล่า? )
บางคนก็ไม่มีประสบการแต่ ชั้นมีใบประกาศๆๆ ถือกันมานี่เหมือนแจกใบปลิวกันเลยทีเดียว
อย่างที่เคยล่าไปในตอนแรกๆ ถ้าใครมาสมัครทำกาแฟนี่ สตีฟเอาเลย..... ช้อยเธอจัดการซิ !!!! เรียกมาหน้าเครื่องเลย
มีอยู่คนหนึ่ง ตลกมาก ฮาตดแตรก!!!!
มาถึงมาอยู่หน้าเครื่อง เราเทนมใส่เหยือกให้ แกเปิดเครื่องเร่งสุดเลย
นมนี่สียงดังเสียงสูงปรี๊ด!!!แบบกระฉอกออกมานอกเหยือก พี่แกก็ยังเร่งต่อไปๆๆ จนเราต้องไปปิดเครื่องตีนมให้ ไม่งั้นได้เล่นสงกรานต์นมร้อนกันแน่
บางคนก็มาแบบเร่งเครื่องตีนมสุดๆไปเลย แต่นมเย็นเจี๊ยบเหมือนที่เราพิ่งเทไปให้ใหม่ๆไม่มีความร้อนใดๆเลยทั้งที่จุ่มก้านตีนมลงไป
อัศจรรย์มาก ทำได้ไง?
หลักๆของการทำกาแฟให้ออกมารสชาติดี อร่อยลูกค้าติดใจ ตอนแรกๆแนะนำว่าไม่ต้องสนใจเรื่องลวดลายมาก อันนั้เอาไว้ฝึกตอนลูกค้าไม่มีก็ได้ แต่หลักที่สำคัญคือ
จะต้องดูว่า ตัวบดเมล็ดกาแฟ บดออกมาละเอียดรึหยาบไป
เพราะถ้าเราบดละเอียดมากเวลาเอากาแฟไปใส่เครื่อง กดให้นำ้กาแฟไหลผ่านออกมาช้า
กาแฟก็จะเป็นนำ้ดำๆไม่มีครีมรึความมันของเมล็ดกาแฟไหลผ่าออกมากาแฟเวลาดื่มรสชาติจะมีรสขมและเปรี้ยว
( สภาพอากาศคือตัวแปรที่ทำให้เราต้องคอยเช็คว่า ตัวบดเมล็ดกาแฟควรตั้งที่หยาบรึละเอียด ตั้งหยาบเพราะอากาศเย็น ตั้งละเอียดเพราะอากาศร้อน )
แต่ถ้าเราบดเมล็ดกาแฟหยาบเกินไป พอเอากาแฟที่บดแล้วไปใส่ในเครื่องทำกาแฟ พอกดสวิชปุ๊บ นำ้กาแฟไหลออกมาปั๊บ อันนั้น รสชาติของกาแฟก็จะขมเหมือนกัน
ส่วนใหญ่เวลาเราเอากาแฟที่บดมาแล้วใส่เครื่อง นำ้กาแฟควรจะไหลลงมาภายใน 6 วินาที และหยุดไหลไม่เกิน30 วินาที ที่จขกท.ตั้งเอาไว้ที่คิดว่าที่ดีที่สุดคือ 26 วินาที
( ถ้าจำไม่ผิดนะ ไม่ได้ทำนานเกือบห้าปีแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้าไปรื้อในโกดังที่จดๆเอาไว้ ช้อยไม่ได้จับนาน ลืมค่ะ )
เทคนิคอื่นๆก็คือนมที่จะตีต้องเย็นเจี๊ยบตลอดเวลา ใช้สร็จแล้วต้องเก็บเข้าตู้เย็นทันที ไม่งั้นตีนมออกมา เนื้อของนมที่เราเรียกกันว่าฟองมันจะไม่แน่น มันจะเป็นฟองเบา
ไม่หนักนุ่มลึก สัมผัสปากนี้มันนียนนุ่ม ไม่ใช้ฮึ่ย!!!ตรูดื่มผงซักฟอกรึนี่!!!
และอีกอย่างที่สำคัญ คือพยายามเทนมให้พอดีกับที่เราจะใช้ อย่าเทเยอะๆ แล้วเหลือ พอเหลือแล้วมาใส่นมเพื่มไปใหม่ งกเก็บไว้ให้ลูกค้าคนต่อไปนั่นแหล่ะลูกค้าคนที่สองจะได้กาแฟที่ไม่อร่อยไปดื่ม โดนแก้วกาแฟเขี้ยงใส่ ตัวใครตัวมัน
ทุกครั้งที่จขก ตีนม พอชงเสร็จก็จะล้างเหยือกด้วยนำ้เย็นเพราะดับอุณหภูมิของเหยือกที่เราตีไปแล้ว ไม่มีนมเก่ารึอุณหภูมิเก่าค้างอยู่
ก่อนจะตีนมก่อนทุกครั้ง ควรไล่ลมที่ก้านตีนมก่อนทุกครั้ง เพราะครั้งสุดท้ายที่เราตีนมไปแล้วเราปิดสวิช ลมจะข้างอยู่ที่ก้านตีนม
ไม่ใช่ไล่ลมตัวเองนะ เดือดร้อนคนเสริฟข้างๆเค้าจะเหม็นเอา
วิชาการมากไป จะมีใครอ่านมั้ยนี่ ......!!!
ปล. ภาพประกอบไม่ชัด ไม่ได้กลัวลูกชายลุงแกมาแอบก็อปไปลงเฟสบุคนะ ต้องเข้าใจว่าสมัยก่อนยังไม่มีไอโฟน มีแต่มือถือธรรมดา จะถ่ายรูปทีต้องเอากล้องดิจิตอลมาถ่าย แถมถ่ายไม่ชัดอีก