**แมนยูไนเต็ด>>พวกเขามีสุดยอดนักเตะที่มีทักษะการส่งบอลคืนหลังอยู่ในทีมมากเกินไป**

แมนยูในยุคฟานกัลมิได้ต่างจากของมอยส์สักเท่าไหร่นัก  การเล่นกองหลัง 3 คนอาจไม่เหมาะสมกับทีมนี้เนื่องจาก 3 ตัวที่มีอยู่ทั้งอ่อนและช้าเกินกว่าจะแบกรับความกดดันจากกองหน้าที่มีความเร็วสูงได้ วิงแบ็คที่ขาดหายไปกลายเป็นจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้โจมตีได้ง่ายๆ สังเกตได้จากการโจมตีของสวอนซี และซันเดอแลนด์ในเกมที่ผ่านมา กองหน้าริมเส้นสามารถหลุดเข้ามาในกรอบได้ไม่ยากเนื่องจากตัวสนับสนุนแนวรับด้านนี้ลงมาหรือปลีกตัวออกมารับไม่ทัน ที่ทันก็กลายเป็นตัวที่เชื่องช้ากว่าของคู่แข่งไปเสียอีก

วิงแบ็คที่เติมมาต่อบอลจนสุดเส้นในการเดินเกมรุกคู่กับปีกอย่างที่ราฟาเอล และเอฟร่าเคยทำ ตอนนี้ไม่เห็นอีกแล้ว สูญพันธุ์ไปกับระบบลองของของฟานกัลเสียแล้ว

แต่นั่นก็ยังแก้ไขได้หากเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-4-2 เหมือนเดิม หรือเมื่อได้กองหลังตัวเก๋ากว่าที่มีอยู่มาเป็นแกนหลักเหมือนเดิม เกมรุกริมเส้นจะดีขึ้น


แต่การวางแถวกลางไว้ 5 ตัวนี่สิ ไม่รู้วางไปทำไมเพราะถึงอย่างไรก็ส่งลูกไปไม่ถึงกองหน้าตัวเป้าได้อยู่ดี เนื่องจากแผนการรุกของแต่ละตำแหน่งที่ยืนไม่คม ชัด ลึก อย่างที่ควรจะเป็น

มียอดนักเตะระดับโลกจอมส่งบอลคืนหลังอยู่ในทีมมากเกินไป

ทีมหนึ่งๆ มีนักเตะแบบนี้ในทีมแค่ คนหรือสองคน ทีมก็ไปไม่เป็นแล้ว แต่นี่............@&@

บอลโต้กลับเร็วของแมนยูไปไม่ถึงกรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้ามเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากเพราะเมื่อตัดบอลได้และพาบอลวิ่งขึ้นไปได้ครึ่งทางแล้ว ตัวพาบอลก็นึกขึ้นได้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างเมื่อมีตัวมาประกบ นั่นก็คือ จ่ายคืนให้ตัวต่อบอลที่วิ่งเติมขึ้นมา (แม้มันจะอยู่ไก๊ ไกลก็เหอะ) แทนที่บอลจะคืบและมีตัวไปดักรอในกรอบเขตแล้ว กลับต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นตั้งบอลกันที่ตัวจ่ายแดนกลางใหม่ และหลังจากชิ่งไปชิ่งมาอีกสัก 2-3 แปะ คู่ต่อสู้ก็จะลงมาตั้งแผงรับกันได้หมดแล้ว  หรือหากถูกบีบมากๆ เข้า ยอดนักเตะจอมจ่ายคืนหลัง(เหล่านั้น) ก็จะส่งบอลกลับคืนไปที่เซ็นเตอร์แบ็คที่อยู่ไกลโพ้นทะเล (อยู่กันคนละทวีปเลยปานนั้น) เพื่อความปลอดภัย (ของตนเอง) อุบ๊ะ! แล้วมันจะยิงกันได้เมื่อไหร่กัน..!

แล้วตัวเซ็นเตอร์แมนยูในระบบนี้ก็เหลือเกิน พอคู่แข่งตั้งท่าว่าจะวิ่งเข้ามา (แค่ตั้งท่าก็พอ) ก็จะหันหลังกลับ ส่งบอลให้ผู้รักษาประตูเป็นคนเปิดบอลขึ้นหน้าแทน ซึ่งก็กลายเป็นต้องลุ้นกัน 50-50 นั่นคือ ให้ผู้รักษาประตูเป็นตัวเปิดบอลเกมรุก อิ อิ มันจะฮาไปถึงไหนกัน

ตลอดทั้งเกมจึงเห็นได้ว่า งานของเดเกอามันหนักตรงต้องคอยเตะลูกส่งย้อนกลับมากกว่ารับบอลจากคู่แข่งเสียอีก ทั้งๆ ที่ในอดีตกาล บอลแมนยูผู้รักษาประตูจะนั่งจิบไวน์ได้เลย

นี่จึงเป็นความเสียเปล่าของการวางแผงกลางที่ไร้ประโยชน์ไว้มากถึง 5 ตัว มีใครบ้างก็คงไม่ต้องเอ่ยนามเนื่องจากส่งใครลงมาทดแทนก็เล่นแผนเดียวกันหมด  แม้แต่ฮวน มาต้าก็เอากะเค้าด้วย เมื่อก่อนอยู่เชลซีเป็นกลางตัวรุกที่อันตรายมาก เปิดบอลแม่น ยิงคม  แต่พอมาเห็นสองนัดหลังนี้ เล่นเหมือนถูกวิญญาณเคลฟเวอรี่เข้าสิงซะงั้น

ถือเป็นสุดยอดทักษะการส่งบอลคืนหลังระดับโลกที่นักเตะแมนยูยุคนี้เท่านั้นที่ทำกัน(ไปได้)

ในการเล่นฟุตบอลที่มีแบบแผนนั้น.. การส่งบอลคืนหลังในยามที่ทีมตนเองต้องการทำสกอร์อย่างยิ่งยวด มีได้ในกรณีเดียว คือ เมื่อรุกจนแต้มแล้ว เจอทางตันข้างหน้า ต้องผ่านบอลออกข้างหรือคืนไปข้างหลังเพื่อให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเปิดเกมรุกแทน
ไม่ใช่ตั้งหน้าเท้าตั้งแต่ไก่โห่เลยว่าต้องแปะคืนให้เพื่อนที่เติมขึ้นมาเสียให้ได้อย่างที่ยอดนักเตะทั้งหลายของแมนยูทำอยู่ นั่นทำให้เสียกระบวนรุกทั้งหมดไปทันที เนื่องจากศูนย์หน้าไปรอที่ตำแหน่งจนหยักใย่ไต่ขาแล้ว

เหมือนดูวอลเล่ย์บอลสาวไทยน่ะแหละ  ตัวเซ็ตชงบอลไม่กลมกล่อมนิดเดียว แทนที่จะใช้ทักษะความสามารถพลิกแพลง แต่งลูก ตีบอลให้คู่ต่อสู้รับยาก ตัวตีกลับใช้วิธีเซฟบอลโดยยอมอันเดอร์ข้ามไปก่อนแล้วให้ทั้งทีมรอตั้งรับเอา โดยหวังว่า ถ้าตั้งรับได้อาจได้ลูกชงสวยๆ มาให้ตบ
สุดท้ายคู่ต่อสู้ได้บอลง่ายๆ กลับมาก็สามารถรุกกลับอย่างง่ายดายจนได้แต้มนั้นไป  ฉันใด ก็ ฉันนั้น

ในอดีต แมนยูเคยมีกลางตัวรุกที่วันๆ ไม่คิดอย่างอื่น จับบอลได้ก็หาหนทางในหัวสมองอยู่ตลอดเวลาว่าจะรุกอย่างไรจึงจะเอาชนะกองหลังคู่แข่งได้ จึงจะส่งบอลสวยๆ ให้เพื่อนได้ นักเตะเหล่านั้นได้แก่.. คริสเตียโน่ โรนัลโด้  เดวิด เบคแคม ไรอัน กิ๊กส์ เป็นอาทิ และแม้แต่รุ่นปัจจุบันอย่างหลุยส์ นานี และยานาไซจ์ก็เหอะ แม้จะฝืนไปบ้างแต่ก็พยายามที่จะคิดถึงว่าจะรุกไปข้างหน้าอย่างไรมากกว่าจะส่งคืนหลังอย่างไรไม่ให้บอลเสีย

ตอนนี้ก็เหลือแต่เจ้าหนูยานาไซจ์คนเดียวแล้ว แม้ที่ผ่านมาจะหวังอะไรไม่ได้มากเนื่องจากมักจะเดินหน้าแบบฝืนธรรมชาติจนพาตัวเองเข้าตาจนไปเองก็ตามเถอะ แต่รับรองว่ามีประโยชน์กว่าการเก็บทอม เคลฟเวอรี่ไว้ในสนามแน่นอนครับ เรื่องแบบนี้อยู่ที่ประสบการณ์และการพัฒนาฝีเท้าของยานาไซจ์เอง

ความหวังของสาวกปีศาจอย่างผมยังไม่มืดมิดเสียทีเดียว หากทีมได้ตัวอังเคล ดิมาเรียในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจะทำให้เกมรุกดีขึ้นแน่ๆ เพราะดิมาเรียเป็นนักเตะที่คิดถึงเกมรุกและการทำสกอร์มากกว่าเล่นเพื่อความปลอดภัยของตนเองโดยแค่ส่งบอลให้พ้นตัวแล้วให้เพื่อนเป็นฝ่ายทำ

ข้อสำคัญคือ ฟานกัลอย่าปรับทัศนคติของดิมาเรียใหม่ เดี๋ยวจะกลายเป็นโรคติดต่ออย่างที่มาต้ากำลังเป็นอยู่ จะกลายเป็นเสียของ(แพง)ไป
โรค "สุดยอดทักษะในการส่งบอลคืนหลัง" นี่จะหายได้ต้องกำจัดนักเตะประเภทจอมเซฟตัวเองออกไปให้หมด  เอ..! หรือว่าต้นตอของโรคจะเป็นที่ตัวโค้ชเองหว่า? ตัวนี้โละยากด้วยสิ ^^"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่