สวัสดีคะ วันนี้มีเรื่องมาแชร์ ไม่ใช่เรื่องของตัวเองนะคะ เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทที่มีประสบการณ์อันแสนตื่นเต้นกับ Immigration ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์คะ (ได้ขออนุญาตเจ้าของเรื่องแล้วนะคะ)
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนสนิทของเรา เดินทางมาที่เนเธอร์แลนด์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว และเนื่องจากเดินทางมาทุกปีสามปีติดต่อกันปีนี้โชคดีจึงได้ Multiple Entries 4 ปีมาอย่างง่ายดาย และ
ใช้วิธีเดิมๆคือจองโรงแรมที่อัมสเตอร์ดัมเพื่อไปขอวีซ่า เมื่อได้วีซ่าแล้วก็ยกเลิกแล้วก็มาค้างกับเราคะ
3 ครั้งที่ผ่านมา เธอผ่าน Imigration มาได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ สองคร้ังแรกเราไปรอรับที่สนามบิน ครั้งที่สามนัดเจอกันที่สเปนแต่ก็ต้องผ่าน Immigration ที่เนเธอร์แลนด์เพราะเธอบินด้วย KLM และทุกๆครั้งก็สบายๆ
ครั้งล่าสุดนี้ โดนเชิญออกจากแถวด้วยความมึนงง ตอนนั้นเราทำงานอยู่ มีประชุม เมื่อกลับมาถึงที่โต๊ะ ปกติจะนั่งทำงานต่อเลยแต่วันนั้นเหมือนอะไรดลใจ เปิดโทรศัพท์มาดู มีข้อความในไลน์ เปิดออกอ่านแบบไม่ได้คิดอะไร และพบว่ามีข้อความของเพื่อน (ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพนะคะ) " โทรกลับกูด่วน ต.ม. ไม่ให้เข้า เค้าจะส่งตัวกูกลับไทย"
เมื่อเห็นข้อความเราตกใจมาก รีบโทรศัพท์กลับหาเพื่อนทันทีคะ เพื่อนก็ตัดพ้อต่อว่าว่าโทรหาใครก็ไม่รับทั้งตัวเราและแฟนเรา เพื่อนค่อนข้างตกใจและขวัญเสียมากคะ เราสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น และเพื่อนได้เล่าให้ฟังว่า
ทาง Immigration เชิญออกจากแถว ขอดูเอกสารจองที่พักและเงินสดที่พกมา เจ้าหน้าที่โทรไปสอบถามที่โรงแรม และได้ทราบว่าไม่มีชื่อเพื่อนของเราจองที่พักไว้กับโรงแรมที่เพื่อนเราแจ้ง และเมื่อตรวจดูเงินก็พบว่าไม่น่าจะเพียงพอต่อทริปท่องเที่ยวทั้งหมดที่รวมถึงค่าที่พัก ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เพื่อนนั่งรอ คาดว่าจะส่งตัวกลับคะ เพื่อนเรารีบโทรหาเราแต่เราก็ไม่รับเลยได้แต่ส่งไลน์ทิ้งไว้คะ
เมื่อเราได้ทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจึงขอคุยกับเจ้าหน้าที่คะ (สัญญาณโทรศัพท์แย่มากๆ) เราได้อธิบายว่า เพื่อนมาร่วมงานแต่งงานของเรา และในช่วง 6 วันแรกจะพักที่บ้านเราและจะย้ายไปพักที่โรงแรมหลังจากเพื่อนๆจากประเทศไทยตามมาสมทบคะ ซึ่งแผนเดิมเพื่อนเราจะไปพักที่โรงแรมตลอดทริปแต่มาเปลี่ยนภายหลังจึงได้ยกเลิกโรงแรม เจ้าหน้าที่สอบถามชื่อ ที่อยู่ที่พักของเรา และที่ทำงานทั้งของเราและของแฟน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่บอกเราว่าเค้าฟังเราไม่เข้าใจ เพราะว่าภาษาอังกฤษเราไม่ดี (ตรงนี้เราโมโหมากนะคะ ณ วันนั้น) เราบอกเค้าว่าภาษาอังกฤษเราดีนะ แต่สัญญาณไม่ดี เพราะเพื่อนเรา Roaming มา เราจึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่โทรเข้าเบอร์ของเราโดยตรง โดยระหว่างนั้นเราได้โทรไปแจ้งแฟนเราไว้ก่อนแล้ว และเมื่อเจ้าหน้าที่โทรมา (เรากำลังโมโหอยู่ เลยไม่อยากคุยกับเจ้าหน้าที่อีก) จึงบอกเจ้าหน้าที่ว่า คุณโทรหาแฟนเราแล้วกัน แล้วเราก็ให้เบอร์ไปคะ
ประสบการณ์ครั้งนี้ที่เราอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆที่เดินทางและใช้วิธีนี้ในการขอวีซ่า อยากให้ได้ระวังเพราะว่าตามกฏแล้วทาง Immigration สามารถขอดูหลักฐานเหล่านี้และเช็คได้ตลอดเวลา กฏคือกฏ แต่หลายๆครั้งที่เพื่อนๆท่านอื่นไม่โดนเช็คไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะไม่โดนนะคะ เพราะฉะนั้นทำให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดีที่สุดคะ
ขอให้ทุกๆคนท่องเที่ยวด้วยความสนุกและมีความสุขนะคะ
การจองโรงแรมเพื่อไปขอวีซ่าแล้วยกเลิก มีผลลัพธ์ที่ ต.ม. เนเธอร์แลนด์อย่างไร มาฟังกันคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนสนิทของเรา เดินทางมาที่เนเธอร์แลนด์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว และเนื่องจากเดินทางมาทุกปีสามปีติดต่อกันปีนี้โชคดีจึงได้ Multiple Entries 4 ปีมาอย่างง่ายดาย และใช้วิธีเดิมๆคือจองโรงแรมที่อัมสเตอร์ดัมเพื่อไปขอวีซ่า เมื่อได้วีซ่าแล้วก็ยกเลิกแล้วก็มาค้างกับเราคะ
3 ครั้งที่ผ่านมา เธอผ่าน Imigration มาได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ สองคร้ังแรกเราไปรอรับที่สนามบิน ครั้งที่สามนัดเจอกันที่สเปนแต่ก็ต้องผ่าน Immigration ที่เนเธอร์แลนด์เพราะเธอบินด้วย KLM และทุกๆครั้งก็สบายๆ
ครั้งล่าสุดนี้ โดนเชิญออกจากแถวด้วยความมึนงง ตอนนั้นเราทำงานอยู่ มีประชุม เมื่อกลับมาถึงที่โต๊ะ ปกติจะนั่งทำงานต่อเลยแต่วันนั้นเหมือนอะไรดลใจ เปิดโทรศัพท์มาดู มีข้อความในไลน์ เปิดออกอ่านแบบไม่ได้คิดอะไร และพบว่ามีข้อความของเพื่อน (ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพนะคะ) " โทรกลับกูด่วน ต.ม. ไม่ให้เข้า เค้าจะส่งตัวกูกลับไทย"
เมื่อเห็นข้อความเราตกใจมาก รีบโทรศัพท์กลับหาเพื่อนทันทีคะ เพื่อนก็ตัดพ้อต่อว่าว่าโทรหาใครก็ไม่รับทั้งตัวเราและแฟนเรา เพื่อนค่อนข้างตกใจและขวัญเสียมากคะ เราสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น และเพื่อนได้เล่าให้ฟังว่า ทาง Immigration เชิญออกจากแถว ขอดูเอกสารจองที่พักและเงินสดที่พกมา เจ้าหน้าที่โทรไปสอบถามที่โรงแรม และได้ทราบว่าไม่มีชื่อเพื่อนของเราจองที่พักไว้กับโรงแรมที่เพื่อนเราแจ้ง และเมื่อตรวจดูเงินก็พบว่าไม่น่าจะเพียงพอต่อทริปท่องเที่ยวทั้งหมดที่รวมถึงค่าที่พัก ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เพื่อนนั่งรอ คาดว่าจะส่งตัวกลับคะ เพื่อนเรารีบโทรหาเราแต่เราก็ไม่รับเลยได้แต่ส่งไลน์ทิ้งไว้คะ
เมื่อเราได้ทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจึงขอคุยกับเจ้าหน้าที่คะ (สัญญาณโทรศัพท์แย่มากๆ) เราได้อธิบายว่า เพื่อนมาร่วมงานแต่งงานของเรา และในช่วง 6 วันแรกจะพักที่บ้านเราและจะย้ายไปพักที่โรงแรมหลังจากเพื่อนๆจากประเทศไทยตามมาสมทบคะ ซึ่งแผนเดิมเพื่อนเราจะไปพักที่โรงแรมตลอดทริปแต่มาเปลี่ยนภายหลังจึงได้ยกเลิกโรงแรม เจ้าหน้าที่สอบถามชื่อ ที่อยู่ที่พักของเรา และที่ทำงานทั้งของเราและของแฟน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่บอกเราว่าเค้าฟังเราไม่เข้าใจ เพราะว่าภาษาอังกฤษเราไม่ดี (ตรงนี้เราโมโหมากนะคะ ณ วันนั้น) เราบอกเค้าว่าภาษาอังกฤษเราดีนะ แต่สัญญาณไม่ดี เพราะเพื่อนเรา Roaming มา เราจึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่โทรเข้าเบอร์ของเราโดยตรง โดยระหว่างนั้นเราได้โทรไปแจ้งแฟนเราไว้ก่อนแล้ว และเมื่อเจ้าหน้าที่โทรมา (เรากำลังโมโหอยู่ เลยไม่อยากคุยกับเจ้าหน้าที่อีก) จึงบอกเจ้าหน้าที่ว่า คุณโทรหาแฟนเราแล้วกัน แล้วเราก็ให้เบอร์ไปคะ
ประสบการณ์ครั้งนี้ที่เราอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆที่เดินทางและใช้วิธีนี้ในการขอวีซ่า อยากให้ได้ระวังเพราะว่าตามกฏแล้วทาง Immigration สามารถขอดูหลักฐานเหล่านี้และเช็คได้ตลอดเวลา กฏคือกฏ แต่หลายๆครั้งที่เพื่อนๆท่านอื่นไม่โดนเช็คไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะไม่โดนนะคะ เพราะฉะนั้นทำให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดีที่สุดคะ
ขอให้ทุกๆคนท่องเที่ยวด้วยความสนุกและมีความสุขนะคะ