สวัสดีครับ ผม เป็นบุคคลที่รับรู้ปัญหา การเงินของที่บ้านตอนนี้เกือบทั้งหมด
มันติดปัญหาตรงที่ผมยังเรียนอยู่ ช่วยหาเงินจำนวนมากมาใช้หนี้ไม่ได้
แค่ลำพังเรื่องเรียน ยังแทบจะเอาตัวไม่รอด คณะที่ผมเรียนใช้เงินค่อนข้างเยอะ แต่ ผมเรียน ม. รัฐบาลนะครับ
ผมช่วยแม่ได้อย่างมากคือ นำเงินไปเข้าธนาคารให้แกทุกเดือน ช่วยทำบัญชีจ่ายบัตร ช่วยตรวจสอบ
รายการใช้จ่ายบัตรในแต่ละเดือนว่าถูกต้องไหม คอยช่วยคิดแนวทางการโยกหนี้สารพัดเพื่อให้มันหมดเร็วๆ
แม่มีรายได้แน่นอน แค่เดือนละ 45000 ในปีนี้ ปกติมีเดือนละประมาณ 9หมื่น-1แสน โดยเฉลี่ยมาตลอด
เลยพออยู่ได้กระท่อนกระแท่นมา แต่เพราะวิกฤติเศรษฐกิจปีนี้จากการเมือง กระทบต่อการงานของแม่มาก
แถมเพิ่งซื้อรถมาใหม่ด้วย เพราะ ณ เวลานั้น คิดว่าไหว เพราะ ปีที่แล้วผมช่วยแม่คิดปรับโครงสร้างหนี้
ด้วยการนำบ้าน มูลค่า 1.9 ล้านไป รีไฟแนนซ์ใหม่ ได้มูลค่าเพิ่มเป็น 2.4 ล้าน แล้วเอาเงินส่วนต่างไปโปะ
หนี้เครดิตทั้งหมด ตอนนั้นคิดว่าโล่งแล้ว เพราะเหลือหนี้ ทางเดียว คือบ้านแค่นั้นเอง ตอนนั้น ผ่อนบ้านกับรถใหม่
สองอย่าง 4 หมื่นกว่า มันยังน้อยกว่ารายได้แม่ไปครึ่งๆ + ค่าใช้จ่ายกินอยู่ในบ้าน หมา 4 แมว 2 คน 3 น้ำไฟ
+ ค่าส่งผมเรียน ค่าหอผม ทั้งหมดอีกเดือนละ 35,000 เบ็ดเส็ด ก็อยู่ได้สบายๆ
หนี้บัตรเครดิต 300,000 จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 30,000 << งอกมาใหม่หลังจากโปะ เนื่องจากภาวะติดลบ
สินเชื่ออีก 300,000 จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 15,000 << กู้มาโปะบัตร แต่เนื่องจากติดลบ ทำให้มันเป็นหนี้อีกก้อน
หนี้รถคันใหม่ 900,000 ผ่อนงวดละ 17,500 << ปล่อยยึดไม่ได้เด็ดขาด กระทบงานแม่มากๆ
หนี้บ้าน 2.4ล้าน ผ่อนงวดละ 23,500 เป็นเวลา 12 ปี << อันนี้ก็ถ้าไม่มี ผมคงไปอยู่สะพานลอย
แชร์อีก 5 มือ รวมเดือนละ 17,000 << แม่เล่นเพื่อเอามาหมุนในช่วงวิกฤติปีนี้ ผมพยายามบอกแล้วว่ายิ่งเล่นแชร์ ดอกแพง
ยิ่งมีหนี้เพิ่มขึ้น แม่ก็บอกว่าต้องรักษาเครดิตอย่างเดียว
บ้านผมไม่มีสมบัติอะไรที่จะไปขายใช้หนี้ได้ ทุกอย่างยังคงผ่อนอยู่ทั้งหมด อย่างที่เห็น
หลายคนคงอยาก ตำหนิว่าทำไมใช้เงินไม่ประหยัดเลย ปล่อยให้มีหนี้เป็นแสนๆ ต่อเดือนได้ยังไง
นั่นเพราะเศรษฐกิจพลิกผันจริงๆ ที่จริงปีนี้ ถ้าแม่รายได้เท่าเดิม จะไม่เป็นหนี้มากมายขนาดนี้
จะมีเพียงแต่ บ้านกับรถ พอเจอวิกฤติติดลบ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว เงินเก็บนิดหน่อย ก็หมดไปภายในสองเดือน
จากนั้นก็เริ่มเป็นหนี้พอกพูนมาเรื่อยๆ เนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายรับ ไปมาก
ต่อจากนี้คือเหตุผล สำหรับคนที่อยากรู้นะครับว่าทำไมต้องซื้อรถคันใหม่ หาหนี้เพิ่มมาอีก
เพราะ บ้านกับที่ทำงานแม่ห่างกัน 50 กิโล ไปกลับร่วม 100 แถมแม่ต้องออกหาลูกค้า ต่างจังหวัด บางครั้ง
ทำให้รถที่ใช้ มา 17 ปีแล้วนั้น มันเข้าอู่ตลอด + กับที่บ้านมีรถคันเดียว
เจอ งานแม่+ธุระคนในบ้าน รวมกัน ทำให้ตารางการใช้รถแน่นมาก แน่นจนแม้แต่ว่ามันเสีย
มีเงินซ่อมก็ไม่มีเวลาเอาไปจอดอู่ (พยายามใช้รถสาธารณะแล้วนะครับ)
สรุปคือ ต้องมีรถสองคันครับ เผื่อคันนึงซ่อม จะได้มีอีกคันใช้
แม่มีคติ อันดับ 1 ในใจเลยคือ ไม่ต้องการเสียเครดิต แกจะชำระขั้นต่ำตลอด
แต่เนื่องจากรายจ่ายในบ้านปีนี้สูงเกินรายจ่าย ทำให้เงินติดลบ เดือนนี้เริ่มถึงทางตันแล้ว
ผมหนักใจมาก เพราะผมก็ไม่อยากให้แม่เสียเครดิต กลายเป็นคนที่ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อีก
เพราะแม่เป็นหนี้บัตรเกือบทุกธนาคาร ถ้าจะหยุดจ่ายแล้วรอเรียก Hair cut แม่คงถูกแบนจากทุกธนาคารแน่ๆ
ผมไม่เคยเจอ วิธีไหนช่วย กรณีที่หนี้มากกว่ารายได้ ให้รอดพ้นจากการเสียเครดิตได้เลย
เจออย่างมากก็แค่ให้หยุดจ่ายแล้วออมเงินไว้โปะทีเดียว
ตอนนี้แม่เครียดมาก แกกำลัง คิดจะขายรถคันเก่า ซึ่งก็คงได้แค่แสนเดียว เพื่อเอาไปโปะสินเชื่อ
และก็หาสินเชื่อ อีก 2-3 เจ้า เพื่อไปโปะบัตรจะได้ผ่อนน้อยลง รักษาเครดิตเอาไว้
แต่ผมมองว่า มันก็ช่วยได้แค่ระนับนึงลดรายจ่ายไป ประมาณ 2-3 หมื่น ยังคงติดลบอยู่ดี
สงสารแม่มากครับ ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว ได้แต่ภาวนาให้เศรษฐกิจดีขึ้น การงานของแม่ กลับเข้าที่
ในเร็ววัน จะได้มีเงินมาใช้หนี้สิน แม่ไม่อยากกู้หนี้ยืมสินคนรอบข้างด้วย
"หนี้บัตรเครดิต"ของแม่ ทำให้ผมเครียดมาก สงสารแม่
มันติดปัญหาตรงที่ผมยังเรียนอยู่ ช่วยหาเงินจำนวนมากมาใช้หนี้ไม่ได้
แค่ลำพังเรื่องเรียน ยังแทบจะเอาตัวไม่รอด คณะที่ผมเรียนใช้เงินค่อนข้างเยอะ แต่ ผมเรียน ม. รัฐบาลนะครับ
ผมช่วยแม่ได้อย่างมากคือ นำเงินไปเข้าธนาคารให้แกทุกเดือน ช่วยทำบัญชีจ่ายบัตร ช่วยตรวจสอบ
รายการใช้จ่ายบัตรในแต่ละเดือนว่าถูกต้องไหม คอยช่วยคิดแนวทางการโยกหนี้สารพัดเพื่อให้มันหมดเร็วๆ
แม่มีรายได้แน่นอน แค่เดือนละ 45000 ในปีนี้ ปกติมีเดือนละประมาณ 9หมื่น-1แสน โดยเฉลี่ยมาตลอด
เลยพออยู่ได้กระท่อนกระแท่นมา แต่เพราะวิกฤติเศรษฐกิจปีนี้จากการเมือง กระทบต่อการงานของแม่มาก
แถมเพิ่งซื้อรถมาใหม่ด้วย เพราะ ณ เวลานั้น คิดว่าไหว เพราะ ปีที่แล้วผมช่วยแม่คิดปรับโครงสร้างหนี้
ด้วยการนำบ้าน มูลค่า 1.9 ล้านไป รีไฟแนนซ์ใหม่ ได้มูลค่าเพิ่มเป็น 2.4 ล้าน แล้วเอาเงินส่วนต่างไปโปะ
หนี้เครดิตทั้งหมด ตอนนั้นคิดว่าโล่งแล้ว เพราะเหลือหนี้ ทางเดียว คือบ้านแค่นั้นเอง ตอนนั้น ผ่อนบ้านกับรถใหม่
สองอย่าง 4 หมื่นกว่า มันยังน้อยกว่ารายได้แม่ไปครึ่งๆ + ค่าใช้จ่ายกินอยู่ในบ้าน หมา 4 แมว 2 คน 3 น้ำไฟ
+ ค่าส่งผมเรียน ค่าหอผม ทั้งหมดอีกเดือนละ 35,000 เบ็ดเส็ด ก็อยู่ได้สบายๆ
หนี้บัตรเครดิต 300,000 จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 30,000 << งอกมาใหม่หลังจากโปะ เนื่องจากภาวะติดลบ
สินเชื่ออีก 300,000 จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 15,000 << กู้มาโปะบัตร แต่เนื่องจากติดลบ ทำให้มันเป็นหนี้อีกก้อน
หนี้รถคันใหม่ 900,000 ผ่อนงวดละ 17,500 << ปล่อยยึดไม่ได้เด็ดขาด กระทบงานแม่มากๆ
หนี้บ้าน 2.4ล้าน ผ่อนงวดละ 23,500 เป็นเวลา 12 ปี << อันนี้ก็ถ้าไม่มี ผมคงไปอยู่สะพานลอย
แชร์อีก 5 มือ รวมเดือนละ 17,000 << แม่เล่นเพื่อเอามาหมุนในช่วงวิกฤติปีนี้ ผมพยายามบอกแล้วว่ายิ่งเล่นแชร์ ดอกแพง
ยิ่งมีหนี้เพิ่มขึ้น แม่ก็บอกว่าต้องรักษาเครดิตอย่างเดียว
บ้านผมไม่มีสมบัติอะไรที่จะไปขายใช้หนี้ได้ ทุกอย่างยังคงผ่อนอยู่ทั้งหมด อย่างที่เห็น
หลายคนคงอยาก ตำหนิว่าทำไมใช้เงินไม่ประหยัดเลย ปล่อยให้มีหนี้เป็นแสนๆ ต่อเดือนได้ยังไง
นั่นเพราะเศรษฐกิจพลิกผันจริงๆ ที่จริงปีนี้ ถ้าแม่รายได้เท่าเดิม จะไม่เป็นหนี้มากมายขนาดนี้
จะมีเพียงแต่ บ้านกับรถ พอเจอวิกฤติติดลบ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว เงินเก็บนิดหน่อย ก็หมดไปภายในสองเดือน
จากนั้นก็เริ่มเป็นหนี้พอกพูนมาเรื่อยๆ เนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายรับ ไปมาก
ต่อจากนี้คือเหตุผล สำหรับคนที่อยากรู้นะครับว่าทำไมต้องซื้อรถคันใหม่ หาหนี้เพิ่มมาอีก
เพราะ บ้านกับที่ทำงานแม่ห่างกัน 50 กิโล ไปกลับร่วม 100 แถมแม่ต้องออกหาลูกค้า ต่างจังหวัด บางครั้ง
ทำให้รถที่ใช้ มา 17 ปีแล้วนั้น มันเข้าอู่ตลอด + กับที่บ้านมีรถคันเดียว
เจอ งานแม่+ธุระคนในบ้าน รวมกัน ทำให้ตารางการใช้รถแน่นมาก แน่นจนแม้แต่ว่ามันเสีย
มีเงินซ่อมก็ไม่มีเวลาเอาไปจอดอู่ (พยายามใช้รถสาธารณะแล้วนะครับ)
สรุปคือ ต้องมีรถสองคันครับ เผื่อคันนึงซ่อม จะได้มีอีกคันใช้
แม่มีคติ อันดับ 1 ในใจเลยคือ ไม่ต้องการเสียเครดิต แกจะชำระขั้นต่ำตลอด
แต่เนื่องจากรายจ่ายในบ้านปีนี้สูงเกินรายจ่าย ทำให้เงินติดลบ เดือนนี้เริ่มถึงทางตันแล้ว
ผมหนักใจมาก เพราะผมก็ไม่อยากให้แม่เสียเครดิต กลายเป็นคนที่ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อีก
เพราะแม่เป็นหนี้บัตรเกือบทุกธนาคาร ถ้าจะหยุดจ่ายแล้วรอเรียก Hair cut แม่คงถูกแบนจากทุกธนาคารแน่ๆ
ผมไม่เคยเจอ วิธีไหนช่วย กรณีที่หนี้มากกว่ารายได้ ให้รอดพ้นจากการเสียเครดิตได้เลย
เจออย่างมากก็แค่ให้หยุดจ่ายแล้วออมเงินไว้โปะทีเดียว
ตอนนี้แม่เครียดมาก แกกำลัง คิดจะขายรถคันเก่า ซึ่งก็คงได้แค่แสนเดียว เพื่อเอาไปโปะสินเชื่อ
และก็หาสินเชื่อ อีก 2-3 เจ้า เพื่อไปโปะบัตรจะได้ผ่อนน้อยลง รักษาเครดิตเอาไว้
แต่ผมมองว่า มันก็ช่วยได้แค่ระนับนึงลดรายจ่ายไป ประมาณ 2-3 หมื่น ยังคงติดลบอยู่ดี
สงสารแม่มากครับ ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว ได้แต่ภาวนาให้เศรษฐกิจดีขึ้น การงานของแม่ กลับเข้าที่
ในเร็ววัน จะได้มีเงินมาใช้หนี้สิน แม่ไม่อยากกู้หนี้ยืมสินคนรอบข้างด้วย