สวัสดีคะดิฉันมีประสบการณ์ที่อยากจะมาแชร์ และ ถามเพื่อนๆว่า รพ รัฐของไทยทำงานแย่ไปรึป่าว???
เนื่องจากว่าดิฉันได้ไปรับบริการใน รพ รัฐ แห่งนึงในตัวเมืองปทุมธานี ดิฉันถูกส่งตัวมาจาก คลีนิคแถวบ้านอีกที โดยใช้บัตร30บาท ในการรักษา
ดิฉันไปถึง รพ. เวลา 3โมงกว่าๆ นอนรอสักประวัติและรอหมอตรวจเบื้องต้น ไอเราก็นอนรออยู่เกือบ ชม. กว่าจะมีคนมาสนใจ อ่อ ลืมบอกไปดิฉันเข้าฉุกเฉินในวันนั้นซึ่งก็มีคนไข้อยู่ไม่มากเท่าใดนัก
เหตุที่ถูกส่งตัวมา รพ. นี้เพราะดิฉันปวดท้องหนักมาก ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ 6 เดือน ดิฉันทนนอนปวดทรมานอยู่ หลาย ชม. กว่าจะได้คุยก็คุณพยาบาลและบอกอาการต่างๆ จำได้ว่าได้ทำประวัติก็ปาเกือบเข้าไป5โมงครึ่งเห็นจะได้ ทั้งๆที่เราปวดมากและตั้งครรภ์อยู่แท้ๆ ในตอนนั้นได้คุยกับคุณพยาบาลไปเกือบ 10 นาที คุณพยาบาลบอกให้รอคุณหมอมาและค่อยบอกอาการกับคุณหมออีกที เพราะเวลานั้นเป็นเวลาเปลี่ยนเวรพอดี เวลาผ่านไปอีกเกือบ 3 ชม. ที่นอนรอคุณหมอมา ตอนนั้น 3ทุ่มกว่าเห็นจะได้ คุณหมอก็เดินมาที่เตียงถามอาการต่างๆ เราก็บอกไปปวดท้องมาก ลูกก็ไม่ค่อยดิ้น ด้วยความที่คุณหมอเป็นแค่แพทย์ฝึกหัด เหมือนจะตัดสินใจอะไรไม่ได้ เขาก็สั่งให้เรานอนรอไปอีก รออะไรดิฉันเองก็ไม่ทราบ จนเวลาผ่านไปอีกเป็น ชม. ดิฉันนอนมองคุณหมออยู่ตลอดเวลา คุณหมอ(ฝึกหัด)ก็นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน นั่งเล่นโทรศัพย์มือถืออย่างสบายใจ จนมีคุณหมอฝึกหัดมาอีกคนนึง ตอนนั้นที่เห็นเธอเดินเข้ามา ในใจมีความหวังขึ้นมาหน่อยว่าเราคงจะได้ตรวจแล้ว ผลคือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคุณหมอมานั่งที่โต๊ะและเอามือถือขึ้นมากดเล่นเหมือนกับอีกท่านนึง จนดิฉันทนไม่ไหว โทรหาสามีให้มารับตัวไป รพ อื่น สามีมาถึงก็เกือบจะ 4 ทุ่มแล้ว ด้วยความไม่พอใจเพราะสามีทราบว่าเราเข้า รพ. ตั้งแต่ 3โมงกว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการรักษาใดๆเลย จึงเดินเข้าไปถามคุณหมอว่าจะรักษาให้ไหม? ถ้าไม่รักษาหรือไม่ทำอะไรจะได้ย้าย รพ. พอสามีถามไปแบบนั้นนางพยาบาลที่โต๊ะรีบโทรออกไปไหนดิฉันก็ไม่ทราบ คิดว่าคงโทรตามหมอใหญ่มา เพราะสักพักก็มีคุณหมอมาอีกคน ท่านนี้ดูมีอายุ และคุณหมอสองท่านแรกเรียกท่านว่าอาจารย์
พอคุณหมอตัวจริงมาเขาก็เข้ามาพูดคุย สอบถามอาการดิฉัน พอท่านทราบว่าลูกไม่ดิ้นมานานแล้วจึงรีบส่งตัวดิฉันไปห้องคลอดเพื่อทำการเช็คหัวใจของลูกคะ
พอไปถึงห้องคลอดเจอนางพยาบาล 2 ท่าน (พูดจาหมาไม่รับประทานมาก) ดิฉันนอนฟังนางพยาบาลท่านนึงด่าว่า คนไข้ที่เป็นชาวต่างชาติ ต่างๆนาน (ต่างด้าว) พูดจาจิกกัด ดูถูก ณ ตอนนั้นถ้าดิฉันสบายดีคงได้ถามนางพยาบาลแล้วว่าพูดจาแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่?
แต่เรื่องนั้นช่างก่อน กลับมาที่เรื่องของดิฉัน นางพยาบาลที่ด่าต่างด้าวเส็จก็เดินมาเปิดเครื่องฟังหัวใจลูก แต่พยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงเรียกนางพยาบาลอีกคนมาช่วย ซึ่งฟังจากคำพูดแล้วนางพยาบาลอีกคนนึงนั้นหน้าจะเก่งกว่า แต่คำตอบที่ดิฉันได้ยินทำเอาเกือบช๊อกไปเลย นาพยาลคนนั้นตอบกลับมาว่า "รอไปก่อนนะ ลูกชายส่งการบ้านโจทร์คณิตศาสตร์มาให้ทำ อีก 3 ข้อก็เส็จแล้ว พ่อเค้าแก้สมาการไม่ได้น่ะ เลยต้องส่งมาให้คุณแม่" พอพูดจบก็หัวเราะกันเป็นเรื่องสนุกสนานไปเลย ตอนนั้นดิฉันน้ำตาแถบไหล ห่วงลูกมากจะเป็นยังไงยังมีชีวิตอยู่ไหม? จะเป็นอะไรรึป่าว? จนกลั้นนำตาไม่อยู่ นอนร้องไห้เลยคะ นึกในใจขอโทษลูกที่แม่พามาเจอ รพ แบบนี้
พอนางพยาบาลคนนั้นทำการบ้านให้ลูกเส็จก็เดินมาตรวจท้องดิฉันคะ แต่ก็เหมือนเดิม หายังไงก็หาไม่เจอ จนเธอบอกให้ส่งตัวไปทำ U/S เทอะปล่อยไว้แบบนี้อันตรายแล้ว ในใจตอนนั้นอยากด่ามากๆ เรานอนรอตั้งนานได้คำตอบแค่นี้หรือ? แถมเป็นคำตอบที่ฟังแล้วยิ่งทำให้ร้องไห้นักกว่าเดิมอีก
สุดท้ายเขาส่งตัวดิฉันกลับไปที่ห้องฉุกเฉินคะ ไปนอนรอทำ U/S แต่ อ.หมอ ยังไม่ว่างเพราะตรวจคนไข้ท่านอื่นอยู่ ระหว่างที่นอนรอมีคนไข้ท่านนึงต้องทำ TC ซึ่งคนท้องโดนรังสีไปด้วยไม่ได้ นางพยาบาลเดินมาที่เตียงดิฉันแล้วบอกว่า ลงมาคะคนไข้ ออกไปข้างนอกก่อน ตอนนั้นทำเอาดิฉันอึ้งไปอีกรอบคะ เราปวดท้องจะไม่ไหวอยู่แล้วยังบังขับให้เราลงเดินอีก แต่ก้ต้องยอมคะเพื่อความปลอดภัยของลูกในท้อง ต้องแบกร่างตัวเองออกไป จนทำเส็จถึงกลับเข้าไปนอนต่อ พอคุณหมอว่างดิฉันก็ได้เข้าทำ U/S ผลคือดิฉันเป็นนิ่วที่กรวยไต และลูกหัวใจเต็นออนมาก จึงต้องทำการ แอดมิดที่ รพ นั้น กว่าจะได้ขึ้นตึกคนไข้ก็ปาเข้าไป เกือบตี 2 ระหว่างที่นอนรอขึ้นตึกดิฉันได้นอนดูการทำงานต่างๆของคุณหมอในห้องนั้นที่มีถึง3ท่าน แต่ทำงานจริงได้เพียงท่านเดียว ป้าข้างๆเตียงดิฉันน่าสงสานมาก ท่านมาถึง รพ. ตั้งแต่ตี5 จน ณ ตอนนั้นยังตรวจไม่เส็จท่านเป็นเบาหวานตั้งเจาะเลือดไปตรวจตลอด ดิฉันได้มองดูการทำงานของพยาบาลเจาะเลือดคุณป้า มองแล้วก็เศร้าใจ เจาะเลือดทำเข็มหักบ้าง ทำเลือดไหลออกมาบ้าง คุณป้าก็บ่นเจ็บๆๆๆ นางพยาบาลตอบคำเดียว จะรักษาไหมป้า ถ้าจะรักษาก็อดทน ยิ่งฟังยิ่งเศร้า ยิ่งเห็นยิ่งสลดใจคะ
พอดิฉันได้ขึ้นตึกก็ได้เจอกับนางพยาบาลปากสุนักอีกหลายคน และก่อนขึ้นไปคุณหมอสั่งไว้ว่าถ้าปวดมากไม่ไหวให้บอกพยาบาลเค้านะ เค้าจะฉีดยาให้ พอเราทนไม่ไหว เราก็เดินไปบอกเค้าคะ พอเค้ามาฉีดยาให้ ดิฉันกลับมีอาการแยากว่าเดิม ตอนนั้นหายใจไม่ออก ปวดแสบหน้าอก ร้อนไปหมด ตาพล่ามัวมองแถบไม่เห็น พี่ข้างเตียงเห็นอาการไม่ดีเลยเดินไปบอกนางพยาบาลให้ พอนางพยาบาลมา กลับบอกเราว่าไม่เป็นอะไรหรอกแค่ยากำลังทำงาน ตอนนั้นเรามั่นใจว่าไม่ใช่แน่ เพราะทรมานมาก โชคดีที่ตอนตี 5 มีหมอใหญ่มาอีกท่าน เราจึงบอกอาการไป ทันทีที่บอกคุณหมอสั่งให้ใช้เครื่องช้วยหายใจทันทีเพราะเรามีอาการแพ้ยา เลือดไม่ไหลขึ้นสมอง และรีบฉีดยาแก้แพ้ให้ทันทีคะ จนอาการดีขึ้น ดิฉันนอนอยู่ที่ รพ. นั้นอยู่ 2 คืน เห็นว่าไม่ดีแน่แล้วจึงบอกสามีให้ย้ายตัวไปรักษาที่ รพ อื่น จึงทำการย้ายไป รพ ภูมิพลคะ และหลังจากรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ภูมิพลอีกไม่นานดิฉันก็หาย กลับมารักษาตัวที่บ้านอีกสักพักนิ่วก็หลุดไปเองคะ
แต่เหตุการที่เจอกับ รพ.โรงฆ่าสัตว์นั้นยังไม่หมด เพราะต่อมาต้องกลับไปตรวจให้แน่ใจอีกครั้งว่านิ่วหลุดไปแล้วแน่นอนรึป่าว ด้วยไม่อยากเสียเงินเยอะคุณหมอทาง รพ.ภูมิพล ได้แนะนำให้กลับไปเช็คที่ รพ. นั้น ดิฉันก้คิดว่าแค่เช็คคงไม่เป็นอะไร ก็ไปคะ แต่เจออะไรที่แย่กว่าเดิมอีก แต่เอาไว้ครั้งหน้าจะมาเล่าต่อนะคะ เท่าที่ได้เล่าไปเป็นเหตุการย่อๆ จริงๆมีอะไรแย่ๆกว่านี้อีกเยอะเลยคะ รวมถึงกรากลับไปเช็คร่างกายอีกครั้งด้วย จนตอนนี้บอกตัวเองแล้วคะว่าจะไม่กลับไปที่ รพ นั้งอีก ทั้งๆที่เรามีสิทธิคลอดฟรีที่ รพ. นั้นแท้ๆ แต่เจอแบบนี้ไปไม่ไหวคะ ยอมจ่ายเงินเองดีกว่า.....
นี้หรือ รพ.รัฐ ของไทย????
เนื่องจากว่าดิฉันได้ไปรับบริการใน รพ รัฐ แห่งนึงในตัวเมืองปทุมธานี ดิฉันถูกส่งตัวมาจาก คลีนิคแถวบ้านอีกที โดยใช้บัตร30บาท ในการรักษา
ดิฉันไปถึง รพ. เวลา 3โมงกว่าๆ นอนรอสักประวัติและรอหมอตรวจเบื้องต้น ไอเราก็นอนรออยู่เกือบ ชม. กว่าจะมีคนมาสนใจ อ่อ ลืมบอกไปดิฉันเข้าฉุกเฉินในวันนั้นซึ่งก็มีคนไข้อยู่ไม่มากเท่าใดนัก
เหตุที่ถูกส่งตัวมา รพ. นี้เพราะดิฉันปวดท้องหนักมาก ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ 6 เดือน ดิฉันทนนอนปวดทรมานอยู่ หลาย ชม. กว่าจะได้คุยก็คุณพยาบาลและบอกอาการต่างๆ จำได้ว่าได้ทำประวัติก็ปาเกือบเข้าไป5โมงครึ่งเห็นจะได้ ทั้งๆที่เราปวดมากและตั้งครรภ์อยู่แท้ๆ ในตอนนั้นได้คุยกับคุณพยาบาลไปเกือบ 10 นาที คุณพยาบาลบอกให้รอคุณหมอมาและค่อยบอกอาการกับคุณหมออีกที เพราะเวลานั้นเป็นเวลาเปลี่ยนเวรพอดี เวลาผ่านไปอีกเกือบ 3 ชม. ที่นอนรอคุณหมอมา ตอนนั้น 3ทุ่มกว่าเห็นจะได้ คุณหมอก็เดินมาที่เตียงถามอาการต่างๆ เราก็บอกไปปวดท้องมาก ลูกก็ไม่ค่อยดิ้น ด้วยความที่คุณหมอเป็นแค่แพทย์ฝึกหัด เหมือนจะตัดสินใจอะไรไม่ได้ เขาก็สั่งให้เรานอนรอไปอีก รออะไรดิฉันเองก็ไม่ทราบ จนเวลาผ่านไปอีกเป็น ชม. ดิฉันนอนมองคุณหมออยู่ตลอดเวลา คุณหมอ(ฝึกหัด)ก็นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน นั่งเล่นโทรศัพย์มือถืออย่างสบายใจ จนมีคุณหมอฝึกหัดมาอีกคนนึง ตอนนั้นที่เห็นเธอเดินเข้ามา ในใจมีความหวังขึ้นมาหน่อยว่าเราคงจะได้ตรวจแล้ว ผลคือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคุณหมอมานั่งที่โต๊ะและเอามือถือขึ้นมากดเล่นเหมือนกับอีกท่านนึง จนดิฉันทนไม่ไหว โทรหาสามีให้มารับตัวไป รพ อื่น สามีมาถึงก็เกือบจะ 4 ทุ่มแล้ว ด้วยความไม่พอใจเพราะสามีทราบว่าเราเข้า รพ. ตั้งแต่ 3โมงกว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการรักษาใดๆเลย จึงเดินเข้าไปถามคุณหมอว่าจะรักษาให้ไหม? ถ้าไม่รักษาหรือไม่ทำอะไรจะได้ย้าย รพ. พอสามีถามไปแบบนั้นนางพยาบาลที่โต๊ะรีบโทรออกไปไหนดิฉันก็ไม่ทราบ คิดว่าคงโทรตามหมอใหญ่มา เพราะสักพักก็มีคุณหมอมาอีกคน ท่านนี้ดูมีอายุ และคุณหมอสองท่านแรกเรียกท่านว่าอาจารย์
พอคุณหมอตัวจริงมาเขาก็เข้ามาพูดคุย สอบถามอาการดิฉัน พอท่านทราบว่าลูกไม่ดิ้นมานานแล้วจึงรีบส่งตัวดิฉันไปห้องคลอดเพื่อทำการเช็คหัวใจของลูกคะ
พอไปถึงห้องคลอดเจอนางพยาบาล 2 ท่าน (พูดจาหมาไม่รับประทานมาก) ดิฉันนอนฟังนางพยาบาลท่านนึงด่าว่า คนไข้ที่เป็นชาวต่างชาติ ต่างๆนาน (ต่างด้าว) พูดจาจิกกัด ดูถูก ณ ตอนนั้นถ้าดิฉันสบายดีคงได้ถามนางพยาบาลแล้วว่าพูดจาแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่?
แต่เรื่องนั้นช่างก่อน กลับมาที่เรื่องของดิฉัน นางพยาบาลที่ด่าต่างด้าวเส็จก็เดินมาเปิดเครื่องฟังหัวใจลูก แต่พยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงเรียกนางพยาบาลอีกคนมาช่วย ซึ่งฟังจากคำพูดแล้วนางพยาบาลอีกคนนึงนั้นหน้าจะเก่งกว่า แต่คำตอบที่ดิฉันได้ยินทำเอาเกือบช๊อกไปเลย นาพยาลคนนั้นตอบกลับมาว่า "รอไปก่อนนะ ลูกชายส่งการบ้านโจทร์คณิตศาสตร์มาให้ทำ อีก 3 ข้อก็เส็จแล้ว พ่อเค้าแก้สมาการไม่ได้น่ะ เลยต้องส่งมาให้คุณแม่" พอพูดจบก็หัวเราะกันเป็นเรื่องสนุกสนานไปเลย ตอนนั้นดิฉันน้ำตาแถบไหล ห่วงลูกมากจะเป็นยังไงยังมีชีวิตอยู่ไหม? จะเป็นอะไรรึป่าว? จนกลั้นนำตาไม่อยู่ นอนร้องไห้เลยคะ นึกในใจขอโทษลูกที่แม่พามาเจอ รพ แบบนี้
พอนางพยาบาลคนนั้นทำการบ้านให้ลูกเส็จก็เดินมาตรวจท้องดิฉันคะ แต่ก็เหมือนเดิม หายังไงก็หาไม่เจอ จนเธอบอกให้ส่งตัวไปทำ U/S เทอะปล่อยไว้แบบนี้อันตรายแล้ว ในใจตอนนั้นอยากด่ามากๆ เรานอนรอตั้งนานได้คำตอบแค่นี้หรือ? แถมเป็นคำตอบที่ฟังแล้วยิ่งทำให้ร้องไห้นักกว่าเดิมอีก
สุดท้ายเขาส่งตัวดิฉันกลับไปที่ห้องฉุกเฉินคะ ไปนอนรอทำ U/S แต่ อ.หมอ ยังไม่ว่างเพราะตรวจคนไข้ท่านอื่นอยู่ ระหว่างที่นอนรอมีคนไข้ท่านนึงต้องทำ TC ซึ่งคนท้องโดนรังสีไปด้วยไม่ได้ นางพยาบาลเดินมาที่เตียงดิฉันแล้วบอกว่า ลงมาคะคนไข้ ออกไปข้างนอกก่อน ตอนนั้นทำเอาดิฉันอึ้งไปอีกรอบคะ เราปวดท้องจะไม่ไหวอยู่แล้วยังบังขับให้เราลงเดินอีก แต่ก้ต้องยอมคะเพื่อความปลอดภัยของลูกในท้อง ต้องแบกร่างตัวเองออกไป จนทำเส็จถึงกลับเข้าไปนอนต่อ พอคุณหมอว่างดิฉันก็ได้เข้าทำ U/S ผลคือดิฉันเป็นนิ่วที่กรวยไต และลูกหัวใจเต็นออนมาก จึงต้องทำการ แอดมิดที่ รพ นั้น กว่าจะได้ขึ้นตึกคนไข้ก็ปาเข้าไป เกือบตี 2 ระหว่างที่นอนรอขึ้นตึกดิฉันได้นอนดูการทำงานต่างๆของคุณหมอในห้องนั้นที่มีถึง3ท่าน แต่ทำงานจริงได้เพียงท่านเดียว ป้าข้างๆเตียงดิฉันน่าสงสานมาก ท่านมาถึง รพ. ตั้งแต่ตี5 จน ณ ตอนนั้นยังตรวจไม่เส็จท่านเป็นเบาหวานตั้งเจาะเลือดไปตรวจตลอด ดิฉันได้มองดูการทำงานของพยาบาลเจาะเลือดคุณป้า มองแล้วก็เศร้าใจ เจาะเลือดทำเข็มหักบ้าง ทำเลือดไหลออกมาบ้าง คุณป้าก็บ่นเจ็บๆๆๆ นางพยาบาลตอบคำเดียว จะรักษาไหมป้า ถ้าจะรักษาก็อดทน ยิ่งฟังยิ่งเศร้า ยิ่งเห็นยิ่งสลดใจคะ
พอดิฉันได้ขึ้นตึกก็ได้เจอกับนางพยาบาลปากสุนักอีกหลายคน และก่อนขึ้นไปคุณหมอสั่งไว้ว่าถ้าปวดมากไม่ไหวให้บอกพยาบาลเค้านะ เค้าจะฉีดยาให้ พอเราทนไม่ไหว เราก็เดินไปบอกเค้าคะ พอเค้ามาฉีดยาให้ ดิฉันกลับมีอาการแยากว่าเดิม ตอนนั้นหายใจไม่ออก ปวดแสบหน้าอก ร้อนไปหมด ตาพล่ามัวมองแถบไม่เห็น พี่ข้างเตียงเห็นอาการไม่ดีเลยเดินไปบอกนางพยาบาลให้ พอนางพยาบาลมา กลับบอกเราว่าไม่เป็นอะไรหรอกแค่ยากำลังทำงาน ตอนนั้นเรามั่นใจว่าไม่ใช่แน่ เพราะทรมานมาก โชคดีที่ตอนตี 5 มีหมอใหญ่มาอีกท่าน เราจึงบอกอาการไป ทันทีที่บอกคุณหมอสั่งให้ใช้เครื่องช้วยหายใจทันทีเพราะเรามีอาการแพ้ยา เลือดไม่ไหลขึ้นสมอง และรีบฉีดยาแก้แพ้ให้ทันทีคะ จนอาการดีขึ้น ดิฉันนอนอยู่ที่ รพ. นั้นอยู่ 2 คืน เห็นว่าไม่ดีแน่แล้วจึงบอกสามีให้ย้ายตัวไปรักษาที่ รพ อื่น จึงทำการย้ายไป รพ ภูมิพลคะ และหลังจากรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ภูมิพลอีกไม่นานดิฉันก็หาย กลับมารักษาตัวที่บ้านอีกสักพักนิ่วก็หลุดไปเองคะ
แต่เหตุการที่เจอกับ รพ.โรงฆ่าสัตว์นั้นยังไม่หมด เพราะต่อมาต้องกลับไปตรวจให้แน่ใจอีกครั้งว่านิ่วหลุดไปแล้วแน่นอนรึป่าว ด้วยไม่อยากเสียเงินเยอะคุณหมอทาง รพ.ภูมิพล ได้แนะนำให้กลับไปเช็คที่ รพ. นั้น ดิฉันก้คิดว่าแค่เช็คคงไม่เป็นอะไร ก็ไปคะ แต่เจออะไรที่แย่กว่าเดิมอีก แต่เอาไว้ครั้งหน้าจะมาเล่าต่อนะคะ เท่าที่ได้เล่าไปเป็นเหตุการย่อๆ จริงๆมีอะไรแย่ๆกว่านี้อีกเยอะเลยคะ รวมถึงกรากลับไปเช็คร่างกายอีกครั้งด้วย จนตอนนี้บอกตัวเองแล้วคะว่าจะไม่กลับไปที่ รพ นั้งอีก ทั้งๆที่เรามีสิทธิคลอดฟรีที่ รพ. นั้นแท้ๆ แต่เจอแบบนี้ไปไม่ไหวคะ ยอมจ่ายเงินเองดีกว่า.....