ก่อนอื่นที่จะเข้าเนื้อหาหรือรายละเอียดของปัญหาชีวิตคู่ แค่อยากทราบว่า (ผู้หญิงคนนี้ เค้ามีความคิดแบบไหนถึงทำพฤติกรรมแบบนี้) เพื่อให้ได้คนที่เราเรียกว่าสามีมาครอบครอง
เราเจอกับผู้ชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่เเล้ว เจอกันที่ Office ซึ่งผู้ชายเป็นคนจีบก่อน ใช้เวลาการจีบ 3 เดือนเราก็คบกันเป็นแฟน อยู่มาวันนึงเราและแฟนออกไปกินอาหารเกาหลีด้วยกัน และหลังจากนั้นเราก็มีอะไรกันครั้งแรก และเป็นผู้ชายคนแรก หลังจากนั้นเราก็คบกันมา 3 ปีทำงานที่เดียวกัน ผู้ใหญ่รู้เห็นว่าคบกันแต่ไม่ได้ว่าอะไร ขอเกริ่นเบื้องต้นว่า (ฐานะเราเหนือกว่าฝ่ายชายมากเเละเป็นหลานของเจ้าของบริษัทแห่งนี้ โดยที่ฝ่ายชายไม่รู้ในช่วงแรก พอหลังจาก 6 เดือนถึงได้รู้ว่าเป็นหลานเพราะเราบอก)พอเราถามว่าจะเลิกคบกันไหม เค้าบอกไม่ คบกันเรื่อยมาเข้าปีที่ 4 เราเตรียมตัวพร้อมใจอยากที่จะมีลูกด้วยอารมณ์พาไปเลยทำให้ลูกติดมา เป็นผู้หญิง ช่วงเวลาที่ตั้งท้องหรือกระทั่งช่วงเวลาที่คบกันไม่มีเรื่อง ผู้หญิงคนไหน เข้ามานอกจาก เรื่อง กินเหล้า,เล่นการพนันแค่นั้น ซึ่งช่วงแรกการพนันเล่นหนักเเละเสียเยอะมากเเต่ตอนนี้หยุดเเล้ว เลยทำให้ชีวิตช่วงหนึ่งราบรื่นจนตอนที่จะคลอด (ไม่มีใครรู้ว่าเราตั้งท้องนะคะ) เนื่อจากเราอายเเละเราก็ปิดบังทุกคน แต่ฝ่ายชายพอรู้เเละดีใจมากที่เราตั้งท้อง ไม่มีใครดูออกสามารถมาทำงานได้อย่างปกติจนถึงเวลาคลอด เนื่องจากว่าตอนคลอด อายุครรภ์ได้เกินกำหนดจึงต้องใช้วิธีผ่าคลอดฉุกเฉิน เงินที่เตรียมไว้เพื่อการคลอดปกติจึงไม่พอสำหรับผ่าคลอดฉุกเฉิน เป็นจำนวนเงิน 40,000 กว่าบาท เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งนึงใน กทม.
เรื่องกำลังจะเกิดตรงนี้คะ ไม่มีเงินออกจากโรงพยาบาล ฝ่ายชายก็ไม่มีเพราะพ่อ-แม่เองแยกทางกันแต่เล็กใช้ชีวิตคนเดียวกับยายโดยตลอดจนยายเสีย จึงมีเฉพาะเงินเก็บที่รวบรวมกันมาเพื่อการคลอดปกติ มันเลยทำให้เราต้องบอกแม่เราซึ่งแม่เราก็ช็อคมาก และใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม. มาถึงโรงพยายามต่อว่าฝ่ายชายยกใหญ่ ตัวเเม่เราเองก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะพาเราออกจาก รพ.เอกชน แห่งนี้ได้ จึงต้องไปยืมญาติเราซึ่งเป็นพี่สาวของแม่เเละเป็นป้าของเราที่เอาไปฝากทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ที่เรากับแฟนทำงานอยู่ จึงทำให้เรื่องแดงขึ้น
ในขณะนั้นแม่เราก็ยังต่อว่าสามีเราอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ตัวสามีเราเองก็ปากดี บอกว่าจะหาเงินให้เราออกจาก รพ. เองได้ ช่วงนั้นบอกตามตรงว่าเจ็บแผลมากแต่ก็เป็นห่วงสามี เครียด น้ำนมจึงไม่มีให้ลูกกิน คิดพยายามหาหนทางที่จะออกจาก รพ. จะไปยืมเงินใคร จะทำยังไง (แต่เราพูดกับสามีว่าเราจะไม่ทิ้งกัน) ช่วงเวลาผ่านไปไวมาก ทำยังไงก็ไม่มีเงินออกจาก รพ. จึงให้ญาติผู้เป็นป้า มาจ่ายเงินเพื่อให้ออกจาก รพ. ช่วงนั้นพ่อเรารู้เรื่องจากแม่เรา ไม่ใช่ว่าพ่อเราไม่มีความสามารถที่จะพาเราออกจาก รพ. เเต่เค้าเสียใจมาก เเละ เราเองก่อนออกก็ไม่เลือกที่จะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านสุดหรู แต่เลือกไปอยู่กับสามี ก่อนออกทิ้งท้ายกับทุกคนในห้องว่าอยากจะให้สามีเราพิสูจน์ตัวเอง ให้เห็นว่าเป็นคนดี ชีวิตช่วงนั้นมรสุมเยอะมากตอนที่ออกมาจากบ้าน แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก คนรอบข้างหลายๆทาง (ไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายผู้บริหารบริษัทของสามี หรือเเม่เราคอยช่วยเหลืออย่างลับๆ เพื่อไม่ให้พ่อรู้) ลืมเล่าไปคะ พ่อเราตัดเราเลยนะคะ เพราะเราไม่เลือกอยู่กับพ่อ และ 1 ปีให้หลังจากที่เราคบกันระยะนึงสามีย้ายไปทำงานนำเข้าเเละส่งออกสินค้า เจ้านายใจดีมาก
สิ่งที่ได้รับการช่วยเหลือในตอนนั้น
1.เงินรับขวัญหลานจากเจ้านายฝ่ายสามี 4,000 บาท
2.เสื้อ-ผ้าของใช้ มือสอง-มือหนึ่งบ้างจากเจ้านายฝ่ายสามี
3.รถมอไซด์ที่ซื้อจากบริษัท สามี เป็นมือสองแต่มันทำให้สบายระหว่างไปกลับมาทำงาน จากดอนเมือง-ลาดพร้าว มากถึงมันลำบากก็ตาม
4.ได้เงินจากแม่ทำประกันให้หลาน 12,000 บาท แม่ทำให้หลาน
5.อยากไปเที่ยวก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนสามี พาไป หรือซื้อของ หรือพาไป รพ.
6.ได้รับการเลี้ยงดูลูกจากฝั่ง ป้าของสามี
ใช้ชีวิตอยู่ดอนเมืองมาเป็นเวลา ปีกว่าๆ จะเข้าปีที่สอง ชีวิตกลับพลิกพลัน วิกฤติครั้งใหญ่ อีกครั้ง ขอข้ามชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน ช่วงเวลาเลี้ยงลูกไปเลยนะคะ เพราะเลี้ยงแบบพอมีพอกิน ตามประสาบ้านๆ สามีบอกจะกลับบ้านตั้งแต่ 1 ทุ่มไม่กลับโทรตามรับสายบอกให้เรากลับบ้านเอง เเละไปเจอกันที่บ้าน โดยปกติเเล้วเเฟนเราก็มีไม่กลับบ้านไปกินเหล้ากับเพื่อนเเละกลับไม่ไหวนอนบ้านพ่อ แถวลาดพร้าว แต่คราวนี้ไม่ใช่หายไปเลย เรารอเป็นเวลา 3 วันก็ไม่กลับ แค่วันแรกที่ไม่ก็เป็นกังวลเเล้ว โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ เราเร่งตามหาทุกวิถีทาง ทุกทางจริงๆ เเละได้รับการช่วยเหลือจากเจ้านายฝั่งสามีดูกล้องวงจรปิดเวลาออกจากที่ทำงาน เเละออกไปตามหา เราลงหา มูลนิธิกระจกเงา,ตามโรงพยาบาล,ตามโรงพัก ดอนเมือง เเละลาดพร้าว,มูลนิธิโปเต็กตึ้ง ทำยังไงก็ไม่เจอ สรุปทางมีอยู่ 2 อย่าง 1.ไม่โดนอุ้มฆ่าเรื่องการพนัน 2.หนีตามผู้หญิงไป
ช่วงเวลานั้นเสียใจมาก รอเเล้วรอเล้าก็ไม่กลับ ตามหา โทรตามหา ต้องเลี้ยงลูกไปด้วยเพราะ เกรงใจทางด้านญาติสามี เลยหยุดงานเพื่อตามหาสามี เป็นเวลา 3 วัน โทรปรึกษาคนโน้น คนนี่ ก็คิดว่าหนีตาม ผู้หญิงไป มันยิ่งทำให้เราเสียใจขึ้นเป็นทวีคูณ เลยตัดสินใจกลับบ้าน เพราะเราเองก็ไม่มีเรี่ยวเเรงจะเลี้ยงลูกไม่ได้นอนพักผ่อน บวกกับลูกร้องเรียกชื่อปะป๋า ตลอดเวลาชะเง้อคอมองประตู รอพ่อเค้ากลับมา น้ำตาตก......กลับบ้าน เลยโทรไปบอกพ่อว่าอยากจะกลับบ้านเเล้วไม่อยากอยู่ที่นี่เเล้ว พ่อถามเหตุผลโน้นนี่ เราบอกได้คำเดียวว่าแฟนเราหายไป แม่เราเลยพูดกับพ่อเองว่าจะไปรับลูกกับหลานกลับมา พอเรากลับมาบ้านอันแสนหรูใหญ่โต 1 ทุ่มครึ่งแฟนเรากลับมาที่ดอนเมือง ร้องไห้ บอกโดนตำรวจจับเพราะเมาเเล้วขับ จับขัง ขึ้นศาลใช้เงินออฟฟิศประกันตัว เราร้องไห้เพราะเราไม่สามารถจะกลับไปได้อีกเเล้วไปอยู่กับเค้า [open_code]คือพ่อสั่งห้ามไปแล้วคราวนี้ไม่ต้องกลับมาอีก ที่บ้านไม่ใช่โรงแรม จะมาอยู่มาไป[/close_code]
ในระยะเวลาต่อมาพยายามคิดหาหาทางเพื่อจะอยู่ใกล้กันให้มากที่สุด เลยไปเช่าคอนโด ที่อยู่ใกล้บ้านเรา [open_code]เรื่องคาวๆ กำลังจะเริ่ม[/close_code]อยู่ไปไม่ถึงเดือนมีเรื่องผู้หญิงเอามานอนถึงที่ห้อง เราไปเจอจะๆ มีอะไรกันเสร็จ เราอุ้มลูกเคาะประตูหน้าห้อง เอาผู้หญิงไปแอบที่ระเบียง เราไปเจอมือชาขาชาไปหมด ตอนนั้นอยากเข้าไปตบมากสามีเรากันเอาไว้ เราเลยถามรายละเอียดจากสามี พร้อมโวยวายว่าจะเลือกใคร บอกก็ต้องเลือกเรา ถามว่ามีอะไรกันไหม บอกไม่มี คือเราไม่เชื่อกางเกงบ็อกเซอร์ ใส่กลับด้านซะขนาดนั้น ถามว่ามีเบอร์ผู้หญิงคนนี้ไหมบอกไม่มี เราก็ไม่เชื่อจนเราเจอที่โทรศัพท์ เราโทรไปคุย
สิ่งที่ฝ่ายชู้บอก เจอกันไม่ถึง 1 เดือน,หนูไม่รู้ว่าเค้ามีลูกแล้ว จนหนูตื่นมาเห็นรูปเด็ก หนูจะเลิกยุ่ง,พี่เค้ารักพี่มากนะ (ที่บอกว่ารักพี่มากนี่คือฝ่ายชายรักเรามาก) เรางงมากกกกก และทำไมถึงยอมมีอะไรกัน โอเคในเมื่อบอกจบคือจบ จนกระทั่งวันที่ 24/7/2014 เรามีเรื่องเอะใจอะไรบางอย่างว่ายังติดต่อกันอยู่ไหม เบอร์โทรก็ไม่มีเบอร์ชู้โทรออก คิดไปคิดมาลบก็ได้นี่หว่า....โอเคขอรายงานเเจกเเจงการโทร โอโห แทบไม่เชื่อสายตา โทรจะเเทบทุกวันช่วงเวลาตอนกลางคืนตอนเรากับลูกหลับ,ช่วงเวลาเรากลับบ้าน คุยกันที่ 10นาที-40นาที คราวนี้เราไม่ทะเลาะกับสามีเราเเละจะให้โอกาสเพื่อจะเคลียร์อีกครั้ง ถามว่าคิดดีเเล้วหรอเอาผูหญิงที่ชื่อโบว์ เข้ามาในชีวิตครอบครัวเรา แค่นั้น หลังจากนั้นเราบอกว่าไม่ต้องการคำตอบไปคิดดู
จากที่เกิดเรื่องครั้งที่ 2 เลยแอบพ่อ มานอนกับสามี ทุกวันเสาร์กับอาทิตย์เท่าที่จะทำได้ เเละเพื่อลูกจะได้อยู่กับพ่อเค้ามากขึ้น จนมาถึงวันที่18/8/2014 ซึ่งเป็นเวลาไม่นานเลยหลังจากเกิดเรื่อง ครั้งที่2 [open_code]สองคนนี้ก็ยังไม่หยุดเรื่องคาวๆ[/close_code] สิ่งที่มันทำให้เราสะกิตใจตอนไปรับสามีทุกเช้าทำไมต้องตากผ้าเช็ดตัวไว้ที่ระเบียงทั้งๆที่ไม่เคยทำ ปรกติไม่เคยล้างจานทำไมล้าง เราเลยถามว่ายังติดต่อกันอยู่ใช่ไหมกับคน ชื่อโบว์บอกว่าไม่ อย่าคิดอะไรมากไม่มีอะไร เป็นคำพูดสามี เเต่เราไม่หยุดหยั้งแต่เพียงน้อยนิด รีบเช็คจากทุกทางและก็เจอจริงๆ มาหากันที่ห้องแฟนเราพาขึ้นห้อง ทั้งๆที่ของเราของลูกเรา ของเล่นลูกอยู่ที่ห้อง ยังทำกันได้ยังไง ครั้งสุดท้ายแฟนเราก็ยังเลือกเรา แต่เราบอกเลยว่าหมดเเล้วสำหรับคำว่าอภัย นี่แหละเป็นคำถามว่าผู้หญิงดีๆที่ไหนรู้ว่ามีลูกเมีย เเล้วยังมาข้องแวะ ลูกก็ยังเล็ก มาทับลอยนอนที่ห้อง (เราจะส่งรูปที่ผู้หญิงคนนี้โพสใน Line ให้เพื่อนๆช่วยกันวิเคราะห์) เพื่อใครเคยเจอประสบการณ์เเบบนี้
ผู้หญิงดีๆที่ไหน เค้าทำแบบนี้กัน!!
เราเจอกับผู้ชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่เเล้ว เจอกันที่ Office ซึ่งผู้ชายเป็นคนจีบก่อน ใช้เวลาการจีบ 3 เดือนเราก็คบกันเป็นแฟน อยู่มาวันนึงเราและแฟนออกไปกินอาหารเกาหลีด้วยกัน และหลังจากนั้นเราก็มีอะไรกันครั้งแรก และเป็นผู้ชายคนแรก หลังจากนั้นเราก็คบกันมา 3 ปีทำงานที่เดียวกัน ผู้ใหญ่รู้เห็นว่าคบกันแต่ไม่ได้ว่าอะไร ขอเกริ่นเบื้องต้นว่า (ฐานะเราเหนือกว่าฝ่ายชายมากเเละเป็นหลานของเจ้าของบริษัทแห่งนี้ โดยที่ฝ่ายชายไม่รู้ในช่วงแรก พอหลังจาก 6 เดือนถึงได้รู้ว่าเป็นหลานเพราะเราบอก)พอเราถามว่าจะเลิกคบกันไหม เค้าบอกไม่ คบกันเรื่อยมาเข้าปีที่ 4 เราเตรียมตัวพร้อมใจอยากที่จะมีลูกด้วยอารมณ์พาไปเลยทำให้ลูกติดมา เป็นผู้หญิง ช่วงเวลาที่ตั้งท้องหรือกระทั่งช่วงเวลาที่คบกันไม่มีเรื่อง ผู้หญิงคนไหน เข้ามานอกจาก เรื่อง กินเหล้า,เล่นการพนันแค่นั้น ซึ่งช่วงแรกการพนันเล่นหนักเเละเสียเยอะมากเเต่ตอนนี้หยุดเเล้ว เลยทำให้ชีวิตช่วงหนึ่งราบรื่นจนตอนที่จะคลอด (ไม่มีใครรู้ว่าเราตั้งท้องนะคะ) เนื่อจากเราอายเเละเราก็ปิดบังทุกคน แต่ฝ่ายชายพอรู้เเละดีใจมากที่เราตั้งท้อง ไม่มีใครดูออกสามารถมาทำงานได้อย่างปกติจนถึงเวลาคลอด เนื่องจากว่าตอนคลอด อายุครรภ์ได้เกินกำหนดจึงต้องใช้วิธีผ่าคลอดฉุกเฉิน เงินที่เตรียมไว้เพื่อการคลอดปกติจึงไม่พอสำหรับผ่าคลอดฉุกเฉิน เป็นจำนวนเงิน 40,000 กว่าบาท เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งนึงใน กทม.
เรื่องกำลังจะเกิดตรงนี้คะ ไม่มีเงินออกจากโรงพยาบาล ฝ่ายชายก็ไม่มีเพราะพ่อ-แม่เองแยกทางกันแต่เล็กใช้ชีวิตคนเดียวกับยายโดยตลอดจนยายเสีย จึงมีเฉพาะเงินเก็บที่รวบรวมกันมาเพื่อการคลอดปกติ มันเลยทำให้เราต้องบอกแม่เราซึ่งแม่เราก็ช็อคมาก และใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม. มาถึงโรงพยายามต่อว่าฝ่ายชายยกใหญ่ ตัวเเม่เราเองก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะพาเราออกจาก รพ.เอกชน แห่งนี้ได้ จึงต้องไปยืมญาติเราซึ่งเป็นพี่สาวของแม่เเละเป็นป้าของเราที่เอาไปฝากทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ที่เรากับแฟนทำงานอยู่ จึงทำให้เรื่องแดงขึ้น
ในขณะนั้นแม่เราก็ยังต่อว่าสามีเราอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ตัวสามีเราเองก็ปากดี บอกว่าจะหาเงินให้เราออกจาก รพ. เองได้ ช่วงนั้นบอกตามตรงว่าเจ็บแผลมากแต่ก็เป็นห่วงสามี เครียด น้ำนมจึงไม่มีให้ลูกกิน คิดพยายามหาหนทางที่จะออกจาก รพ. จะไปยืมเงินใคร จะทำยังไง (แต่เราพูดกับสามีว่าเราจะไม่ทิ้งกัน) ช่วงเวลาผ่านไปไวมาก ทำยังไงก็ไม่มีเงินออกจาก รพ. จึงให้ญาติผู้เป็นป้า มาจ่ายเงินเพื่อให้ออกจาก รพ. ช่วงนั้นพ่อเรารู้เรื่องจากแม่เรา ไม่ใช่ว่าพ่อเราไม่มีความสามารถที่จะพาเราออกจาก รพ. เเต่เค้าเสียใจมาก เเละ เราเองก่อนออกก็ไม่เลือกที่จะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านสุดหรู แต่เลือกไปอยู่กับสามี ก่อนออกทิ้งท้ายกับทุกคนในห้องว่าอยากจะให้สามีเราพิสูจน์ตัวเอง ให้เห็นว่าเป็นคนดี ชีวิตช่วงนั้นมรสุมเยอะมากตอนที่ออกมาจากบ้าน แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก คนรอบข้างหลายๆทาง (ไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายผู้บริหารบริษัทของสามี หรือเเม่เราคอยช่วยเหลืออย่างลับๆ เพื่อไม่ให้พ่อรู้) ลืมเล่าไปคะ พ่อเราตัดเราเลยนะคะ เพราะเราไม่เลือกอยู่กับพ่อ และ 1 ปีให้หลังจากที่เราคบกันระยะนึงสามีย้ายไปทำงานนำเข้าเเละส่งออกสินค้า เจ้านายใจดีมาก
สิ่งที่ได้รับการช่วยเหลือในตอนนั้น
1.เงินรับขวัญหลานจากเจ้านายฝ่ายสามี 4,000 บาท
2.เสื้อ-ผ้าของใช้ มือสอง-มือหนึ่งบ้างจากเจ้านายฝ่ายสามี
3.รถมอไซด์ที่ซื้อจากบริษัท สามี เป็นมือสองแต่มันทำให้สบายระหว่างไปกลับมาทำงาน จากดอนเมือง-ลาดพร้าว มากถึงมันลำบากก็ตาม
4.ได้เงินจากแม่ทำประกันให้หลาน 12,000 บาท แม่ทำให้หลาน
5.อยากไปเที่ยวก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนสามี พาไป หรือซื้อของ หรือพาไป รพ.
6.ได้รับการเลี้ยงดูลูกจากฝั่ง ป้าของสามี
ใช้ชีวิตอยู่ดอนเมืองมาเป็นเวลา ปีกว่าๆ จะเข้าปีที่สอง ชีวิตกลับพลิกพลัน วิกฤติครั้งใหญ่ อีกครั้ง ขอข้ามชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน ช่วงเวลาเลี้ยงลูกไปเลยนะคะ เพราะเลี้ยงแบบพอมีพอกิน ตามประสาบ้านๆ สามีบอกจะกลับบ้านตั้งแต่ 1 ทุ่มไม่กลับโทรตามรับสายบอกให้เรากลับบ้านเอง เเละไปเจอกันที่บ้าน โดยปกติเเล้วเเฟนเราก็มีไม่กลับบ้านไปกินเหล้ากับเพื่อนเเละกลับไม่ไหวนอนบ้านพ่อ แถวลาดพร้าว แต่คราวนี้ไม่ใช่หายไปเลย เรารอเป็นเวลา 3 วันก็ไม่กลับ แค่วันแรกที่ไม่ก็เป็นกังวลเเล้ว โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ เราเร่งตามหาทุกวิถีทาง ทุกทางจริงๆ เเละได้รับการช่วยเหลือจากเจ้านายฝั่งสามีดูกล้องวงจรปิดเวลาออกจากที่ทำงาน เเละออกไปตามหา เราลงหา มูลนิธิกระจกเงา,ตามโรงพยาบาล,ตามโรงพัก ดอนเมือง เเละลาดพร้าว,มูลนิธิโปเต็กตึ้ง ทำยังไงก็ไม่เจอ สรุปทางมีอยู่ 2 อย่าง 1.ไม่โดนอุ้มฆ่าเรื่องการพนัน 2.หนีตามผู้หญิงไป
ช่วงเวลานั้นเสียใจมาก รอเเล้วรอเล้าก็ไม่กลับ ตามหา โทรตามหา ต้องเลี้ยงลูกไปด้วยเพราะ เกรงใจทางด้านญาติสามี เลยหยุดงานเพื่อตามหาสามี เป็นเวลา 3 วัน โทรปรึกษาคนโน้น คนนี่ ก็คิดว่าหนีตาม ผู้หญิงไป มันยิ่งทำให้เราเสียใจขึ้นเป็นทวีคูณ เลยตัดสินใจกลับบ้าน เพราะเราเองก็ไม่มีเรี่ยวเเรงจะเลี้ยงลูกไม่ได้นอนพักผ่อน บวกกับลูกร้องเรียกชื่อปะป๋า ตลอดเวลาชะเง้อคอมองประตู รอพ่อเค้ากลับมา น้ำตาตก......กลับบ้าน เลยโทรไปบอกพ่อว่าอยากจะกลับบ้านเเล้วไม่อยากอยู่ที่นี่เเล้ว พ่อถามเหตุผลโน้นนี่ เราบอกได้คำเดียวว่าแฟนเราหายไป แม่เราเลยพูดกับพ่อเองว่าจะไปรับลูกกับหลานกลับมา พอเรากลับมาบ้านอันแสนหรูใหญ่โต 1 ทุ่มครึ่งแฟนเรากลับมาที่ดอนเมือง ร้องไห้ บอกโดนตำรวจจับเพราะเมาเเล้วขับ จับขัง ขึ้นศาลใช้เงินออฟฟิศประกันตัว เราร้องไห้เพราะเราไม่สามารถจะกลับไปได้อีกเเล้วไปอยู่กับเค้า [open_code]คือพ่อสั่งห้ามไปแล้วคราวนี้ไม่ต้องกลับมาอีก ที่บ้านไม่ใช่โรงแรม จะมาอยู่มาไป[/close_code]
ในระยะเวลาต่อมาพยายามคิดหาหาทางเพื่อจะอยู่ใกล้กันให้มากที่สุด เลยไปเช่าคอนโด ที่อยู่ใกล้บ้านเรา [open_code]เรื่องคาวๆ กำลังจะเริ่ม[/close_code]อยู่ไปไม่ถึงเดือนมีเรื่องผู้หญิงเอามานอนถึงที่ห้อง เราไปเจอจะๆ มีอะไรกันเสร็จ เราอุ้มลูกเคาะประตูหน้าห้อง เอาผู้หญิงไปแอบที่ระเบียง เราไปเจอมือชาขาชาไปหมด ตอนนั้นอยากเข้าไปตบมากสามีเรากันเอาไว้ เราเลยถามรายละเอียดจากสามี พร้อมโวยวายว่าจะเลือกใคร บอกก็ต้องเลือกเรา ถามว่ามีอะไรกันไหม บอกไม่มี คือเราไม่เชื่อกางเกงบ็อกเซอร์ ใส่กลับด้านซะขนาดนั้น ถามว่ามีเบอร์ผู้หญิงคนนี้ไหมบอกไม่มี เราก็ไม่เชื่อจนเราเจอที่โทรศัพท์ เราโทรไปคุย
สิ่งที่ฝ่ายชู้บอก เจอกันไม่ถึง 1 เดือน,หนูไม่รู้ว่าเค้ามีลูกแล้ว จนหนูตื่นมาเห็นรูปเด็ก หนูจะเลิกยุ่ง,พี่เค้ารักพี่มากนะ (ที่บอกว่ารักพี่มากนี่คือฝ่ายชายรักเรามาก) เรางงมากกกกก และทำไมถึงยอมมีอะไรกัน โอเคในเมื่อบอกจบคือจบ จนกระทั่งวันที่ 24/7/2014 เรามีเรื่องเอะใจอะไรบางอย่างว่ายังติดต่อกันอยู่ไหม เบอร์โทรก็ไม่มีเบอร์ชู้โทรออก คิดไปคิดมาลบก็ได้นี่หว่า....โอเคขอรายงานเเจกเเจงการโทร โอโห แทบไม่เชื่อสายตา โทรจะเเทบทุกวันช่วงเวลาตอนกลางคืนตอนเรากับลูกหลับ,ช่วงเวลาเรากลับบ้าน คุยกันที่ 10นาที-40นาที คราวนี้เราไม่ทะเลาะกับสามีเราเเละจะให้โอกาสเพื่อจะเคลียร์อีกครั้ง ถามว่าคิดดีเเล้วหรอเอาผูหญิงที่ชื่อโบว์ เข้ามาในชีวิตครอบครัวเรา แค่นั้น หลังจากนั้นเราบอกว่าไม่ต้องการคำตอบไปคิดดู
จากที่เกิดเรื่องครั้งที่ 2 เลยแอบพ่อ มานอนกับสามี ทุกวันเสาร์กับอาทิตย์เท่าที่จะทำได้ เเละเพื่อลูกจะได้อยู่กับพ่อเค้ามากขึ้น จนมาถึงวันที่18/8/2014 ซึ่งเป็นเวลาไม่นานเลยหลังจากเกิดเรื่อง ครั้งที่2 [open_code]สองคนนี้ก็ยังไม่หยุดเรื่องคาวๆ[/close_code] สิ่งที่มันทำให้เราสะกิตใจตอนไปรับสามีทุกเช้าทำไมต้องตากผ้าเช็ดตัวไว้ที่ระเบียงทั้งๆที่ไม่เคยทำ ปรกติไม่เคยล้างจานทำไมล้าง เราเลยถามว่ายังติดต่อกันอยู่ใช่ไหมกับคน ชื่อโบว์บอกว่าไม่ อย่าคิดอะไรมากไม่มีอะไร เป็นคำพูดสามี เเต่เราไม่หยุดหยั้งแต่เพียงน้อยนิด รีบเช็คจากทุกทางและก็เจอจริงๆ มาหากันที่ห้องแฟนเราพาขึ้นห้อง ทั้งๆที่ของเราของลูกเรา ของเล่นลูกอยู่ที่ห้อง ยังทำกันได้ยังไง ครั้งสุดท้ายแฟนเราก็ยังเลือกเรา แต่เราบอกเลยว่าหมดเเล้วสำหรับคำว่าอภัย นี่แหละเป็นคำถามว่าผู้หญิงดีๆที่ไหนรู้ว่ามีลูกเมีย เเล้วยังมาข้องแวะ ลูกก็ยังเล็ก มาทับลอยนอนที่ห้อง (เราจะส่งรูปที่ผู้หญิงคนนี้โพสใน Line ให้เพื่อนๆช่วยกันวิเคราะห์) เพื่อใครเคยเจอประสบการณ์เเบบนี้