คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27
ตอนเรียน ป.ตรี เลือกเซคชั่นหลบอาจารย์วรเจตน์ตลอดเลยค่ะ 5555
เพราะเค้าเล่าลือกันว่า อาจารย์แกให้คะแนนยาก
ก็ลงเรียนกับ อ.ปริญญา บ้าง อ.สมคิด บ้าง
ตอนเรียน น่าจะปี 2 นะคะ จำไม่ได้ว่าวิชาอะไร ลงเซคชั่น อ.สมคิด
จำได้ดีถึงคำพูดของ อ.สมคิด ในวันเปิดคลาสเลยว่า "อยากเรียนเสคแดง ก็ไปลง อ.วรเจตน์ อยากเรียน เสคขาว ก็ไปลง อ.ปริญญา
อยากเรียนเสคเหลืองก็มาลงกับผม"
อยากบอกอาจารย์นะคะ ว่าตอนนั้นน่ะ ยังไม่ประสีประสาเรื่องการเมืองเลย
ลงเรียนเพราะสีเสคนี่ไม่ใช่เหตุผลค่ะ ลงเพราะอาจารย์ให้คะแนนดีต่างหาก 55555
มีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์วรเจตน์ที่เนติฯ ค่ะ
พอได้เรียนกับอาจารย์แล้ว รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เรียนกับแกตอน ป.ตรี มาก ๆ คือแกสอนดี ดีมาก
ดีกว่าอาจารย์ทุกคนที่เคยเรียนมาด้วยเลยค่ะ
เสียอย่างเดียว แกสอนอย่างกะแร็พ จดไม่ทัน 55555 แต่เพราะไอ้แร็พ ๆ นี่แหละ ที่ทำให้รู้ว่าแกรู้ลึกรู้จริง และเตรียมการสอนมาดีจริง
โดยส่วนตัวแล้วนับถือแกมากนะคะ
ตำแหน่งศาสตราจารย์คู่ควรกับอาจารย์วรเจตน์แล้วจริง ๆ ค่ะ
ถ้าไม่มองในด้านการเมือง หรือความเห็นทางการเมือง อาจารย์เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการสอนอย่างมาก แกทำงานเยอะและภาระงานเยอะจริงๆ ค่ะ
ส่วนเรื่องการเมืองในขณะนี้ อาจารย์วรเจตน์ไม่ใช่แค่จุดไฟกลางสายลมค่ะ แต่เป็นท่ามกลางพายุ
แต่สำหรับเราที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ ไฟที่อาจารย์จุดไม่ใช่แค่เทียนไขค่ะ แต่จะเป็นตะเกียงที่ส่องสว่างต่อไป
อาจารย์เป็นคนที่ยึดถือในหลักการไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนนิยายจีนเลยนะคะ ที่ว่า ลูกผู้ชายนั่งไม่เปลี่ยนชื่อ ยืนไม่เปลี่ยนแซ่ 555
สิ่งที่อาจารย์ทำอยู่ไม่ใช่ความดื้อรั้นค่ะ แต่เป็นการยึดมั่นในหลักการ
เป็นกำลังใจให้อาจารย์เสมอค่ะ
เพราะเค้าเล่าลือกันว่า อาจารย์แกให้คะแนนยาก
ก็ลงเรียนกับ อ.ปริญญา บ้าง อ.สมคิด บ้าง
ตอนเรียน น่าจะปี 2 นะคะ จำไม่ได้ว่าวิชาอะไร ลงเซคชั่น อ.สมคิด
จำได้ดีถึงคำพูดของ อ.สมคิด ในวันเปิดคลาสเลยว่า "อยากเรียนเสคแดง ก็ไปลง อ.วรเจตน์ อยากเรียน เสคขาว ก็ไปลง อ.ปริญญา
อยากเรียนเสคเหลืองก็มาลงกับผม"
อยากบอกอาจารย์นะคะ ว่าตอนนั้นน่ะ ยังไม่ประสีประสาเรื่องการเมืองเลย
ลงเรียนเพราะสีเสคนี่ไม่ใช่เหตุผลค่ะ ลงเพราะอาจารย์ให้คะแนนดีต่างหาก 55555
มีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์วรเจตน์ที่เนติฯ ค่ะ
พอได้เรียนกับอาจารย์แล้ว รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เรียนกับแกตอน ป.ตรี มาก ๆ คือแกสอนดี ดีมาก
ดีกว่าอาจารย์ทุกคนที่เคยเรียนมาด้วยเลยค่ะ
เสียอย่างเดียว แกสอนอย่างกะแร็พ จดไม่ทัน 55555 แต่เพราะไอ้แร็พ ๆ นี่แหละ ที่ทำให้รู้ว่าแกรู้ลึกรู้จริง และเตรียมการสอนมาดีจริง
โดยส่วนตัวแล้วนับถือแกมากนะคะ
ตำแหน่งศาสตราจารย์คู่ควรกับอาจารย์วรเจตน์แล้วจริง ๆ ค่ะ
ถ้าไม่มองในด้านการเมือง หรือความเห็นทางการเมือง อาจารย์เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการสอนอย่างมาก แกทำงานเยอะและภาระงานเยอะจริงๆ ค่ะ
ส่วนเรื่องการเมืองในขณะนี้ อาจารย์วรเจตน์ไม่ใช่แค่จุดไฟกลางสายลมค่ะ แต่เป็นท่ามกลางพายุ
แต่สำหรับเราที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ ไฟที่อาจารย์จุดไม่ใช่แค่เทียนไขค่ะ แต่จะเป็นตะเกียงที่ส่องสว่างต่อไป
อาจารย์เป็นคนที่ยึดถือในหลักการไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนนิยายจีนเลยนะคะ ที่ว่า ลูกผู้ชายนั่งไม่เปลี่ยนชื่อ ยืนไม่เปลี่ยนแซ่ 555
สิ่งที่อาจารย์ทำอยู่ไม่ใช่ความดื้อรั้นค่ะ แต่เป็นการยึดมั่นในหลักการ
เป็นกำลังใจให้อาจารย์เสมอค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณน้องนักศึกษาท่านนี้ อย่างน้อย ๆ ก็แสดงให้เห็นว่า อ.วรเจตน์ ไม่ใช่เก่งแต่ในตำรา
แต่ยังสามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักศึกษาได้อย่างดีเยี่ยม สมกับตำแหน่งทางวิชาการ " ศาสตราจารย์ " ที่ได้รับ
แต่น้องเอ๋ย ลำพังอาจารย์แกคนเดียว หรือกับคณะของแกที่มีเพียงไม่กี่คน ก็อาจจุดไฟท่ามกลางสายลมไม่สำเร็จหรืออาจทุลักทุเลมากเกินไป
เพราะลมที่พัดอยู่นั้น แรงและมีพลังมาก
น้องและเพื่อน ๆ ต้องช่วยกันให้มาก
อย่าลืมว่าพลังนักศึกษานั้นยิ่งใหญ่ ดูจาก ตุลาคม 2516 2519 และ 2535 เป็นต้น
แต่ยังสามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักศึกษาได้อย่างดีเยี่ยม สมกับตำแหน่งทางวิชาการ " ศาสตราจารย์ " ที่ได้รับ
แต่น้องเอ๋ย ลำพังอาจารย์แกคนเดียว หรือกับคณะของแกที่มีเพียงไม่กี่คน ก็อาจจุดไฟท่ามกลางสายลมไม่สำเร็จหรืออาจทุลักทุเลมากเกินไป
เพราะลมที่พัดอยู่นั้น แรงและมีพลังมาก
น้องและเพื่อน ๆ ต้องช่วยกันให้มาก
อย่าลืมว่าพลังนักศึกษานั้นยิ่งใหญ่ ดูจาก ตุลาคม 2516 2519 และ 2535 เป็นต้น
ความคิดเห็นที่ 9
ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคน ผมไม่เคยเรียนกับอาจารย์ แต่เวลาฟังอาจารย์พูดในทีวี รู้สึกได้เลยว่า ชัดเจน รู้จริง
ไม่ใช่จำตำรามาพูด ผมยังบอกกับครอบครัวเลยว่า อาจารย์คนนี้น่าจะมีไม่กี่คนในประเทศ ที่พูดกฎหมายมหาชนแล้ว
ประชาชนสามารถฟังรู้เรื่องและเข้าใจได้
ประกอบกับน้องสาวผม ตอนสมัยเรียนโทนิติ อาจารย์วรเจตน์ก็เป็นคนสอน (น้องผมเป็นพวกเสื้อเหลือง และ กปปส. ชัดเจน แต่ผมแนวประชาธิปไตย แต่ก็คุยกันรู้เรื่องเพราะใช้เหตุผลในการคุยกันในบ้าน) น้องผมบอกว่าเวลาเรียนด้วย อาจารย์เคลียได้ทุกคำถาม และแม่นมาก ใครไม่รู้จริง ถามตอบอะไรมั่วๆ มีเงิบๆๆๆๆๆ เพราะอาจารย์วรเจตน์ เค้าของจริง
*******ที่เล่ามาก็แค่นี้แหละครับ สรุปว่ายินดีกับอาจารยครับ ผมชื่นชม*********
ไม่ใช่จำตำรามาพูด ผมยังบอกกับครอบครัวเลยว่า อาจารย์คนนี้น่าจะมีไม่กี่คนในประเทศ ที่พูดกฎหมายมหาชนแล้ว
ประชาชนสามารถฟังรู้เรื่องและเข้าใจได้
ประกอบกับน้องสาวผม ตอนสมัยเรียนโทนิติ อาจารย์วรเจตน์ก็เป็นคนสอน (น้องผมเป็นพวกเสื้อเหลือง และ กปปส. ชัดเจน แต่ผมแนวประชาธิปไตย แต่ก็คุยกันรู้เรื่องเพราะใช้เหตุผลในการคุยกันในบ้าน) น้องผมบอกว่าเวลาเรียนด้วย อาจารย์เคลียได้ทุกคำถาม และแม่นมาก ใครไม่รู้จริง ถามตอบอะไรมั่วๆ มีเงิบๆๆๆๆๆ เพราะอาจารย์วรเจตน์ เค้าของจริง
*******ที่เล่ามาก็แค่นี้แหละครับ สรุปว่ายินดีกับอาจารยครับ ผมชื่นชม*********
แสดงความคิดเห็น
++ จดหมายน้อยจากลูกศิษย์ ถึง " ครูวรเจตน์ " ผู้จุดไฟในสายลม ++
ผมรู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือได้รับการแต่งตั้งเป็น "ศาสตราจารย์"
ตัวผมเองได้เรียนกับอาจารย์ 2 วิชาคือ กฏหมายรัฐธรรมนูญ และกฏหมายการปกครอง 1
นักศึกษาหลายๆคนรวมถึงผมเแงรู้สึกนิยมชมชอบอาจารย์จากการได้ฟังอาจารย์บรรยายในห้องเรียน
ผมและเพื่อนๆก่อนที่จะได้เรียนกับอาจารย์ไม่เคยคิดว่ากฏหมายรัฐธรรมนูญและการปกครอง 1 จะเป็นวิชาที่สนุกถึงเพียงนี้
นั่นอาจจะเป็นเพราะอาจารย์ไม่ใช่แค่เพียงสอนให้ความรู้เท่านั้น แต่อาจารย์ยังชวนคิด ตั้งคำถาม
ทำให้นักศึกษาจำนวนมากที่คิดตามอาจารย์ได้รับความรู้ที่แหลมคมและมีความเข้าใจในเนื้อหาวิชาที่มากยิ่งขึ้น
....อีกทั้งเนื้อหาที่อาจารย์บรรยายยังทันสมัยมีความลึกซึ้ง แน่นอนว่าอาจารย์ทำให้ผมแน่ใจว่า
" สิ่งที่ผมเรียน แม้ว่าจะถูกบิดเบือนโดยนักวิชาการที่ทรยศต่อหลักวิชาที่เรียนมาเพียงใด "
แต่ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจะยังคงเป็นหลักการที่ถูกต้องที่วันนึงบรรดากฏหมายมหาชนของไทยจะต้องพัฒนาไปทางนั้น
อาจารย์วรเจตน์เป็นนักวิชาการด้านมหาชนไม่กี่ท่านที่ " เหมาะสม " กับตำแหน่งศาสตราจารย์อย่างแท้จริง ที่นับวันสังคมไทยจะหาได้ยากขึ้นทุกที
สุดท้ายนี้ ผมก็หวังว่าอาจารย์จะเข้มแข็งและยังคง " จุดไฟในสายลม " ต่อไป อาจารย์ต้องไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เป็นขวากหนาม
เพราะสังคมไทยในเวลานี้ เหลือแสงสว่างสำหรับเผชิญหน้ากับเงามืดที่ครอบงำสังคมน้อยเต็มทีแล้ว
รังสิมันต์ โรม นศ.ปี 3 คณะนิติศาสตร์ มธ
ขอขอบคุณน้องนักศึกษาท่านนี้ที่ได้ออกมาพูดในสิ่งที่ถูกต้องและตรงกับใจของหลายๆคน
ถึงแม้จะเป็นความหวังเล็กๆแต่มีค่ายิ่งและน่าจะเป็นกำลังใจทำให้อาจารย์วรเจตน์
ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ แรงใจที่ให้อาจารย์มีทั้งใน มธ และนอก มธ.
แต่แรงใจที่สำคัญน่าจะเป็นที่น้องๆนศ.ที่ได้ร่ำเรียนมากับอาจารย์
ไว้คอยเป็น เชื้อไฟ ที่คอยเติม แสงไฟ ให้ ผู้จุดไฟในสายลม ที่โหมกระหน่ำอยู่ตอนนี้
เป็นกำลังใจให้อาจารย์เสมอๆค่ะ