สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกใน pantip ตื่นเต้นเล็กน้อยสำหรับการรีวิวเที่ยวครั้งแรก
เรื่องมีอยู่ว่า ......
ผมอยากไปเที่ยวในหน้าร้อน แบบชิลๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ในใจตอนนั้นเป้าหมายก็มีหลายที่มาก แต่ก็มาสะดุดที่นี่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่แห่งนี้พิเศษกว่าที่อื่นอย่างไร แต่ก็รู้สึกอยากไปแบบชิลๆบ้าง
เมื่อได้สถานที่แล้วผมก็โพสลงเฟซบุ๊คเล่นๆ แต่ก็ไม่เล่นล่ะ เพราะมีเพื่อนบอกว่าอยากไปด้วยกัน ก็เลยจริงจังละครับ ค้นหาข้อมูล ที่พัก การเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว อาหาร เมื่อได้ข้อมูลครบก็มาแจ้งเพื่อนๆให้ทราบโดยทั่วหน้า ปรากฏว่า ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง บางคนสะดวก บางคนไม่ บางคนไม่แน่ใจ เลยให้เวลาตัดสินใจกัน พอกำหนดแล้ว สรุปว่าทริปนี้มีแค่ 3 หนุ่ม ก็ไม่เป็นรัย ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนไป แต่มีก็โอเค มีเพื่อนคุยบ้าง ไม่เหงาจนเกินไป
กำหนดการหลัก 10 - 12 พ.ค. 2557
ขาไป รถไฟฟรี ต้นทาง ส.ธนบุรี - ปลายทาง ส.น้ำตก
ขากลับ รถประจำทาง
ที่พัก คืนแรกยังไม่จอง ไปหาเอาดาบหน้า เพื่อความตื่นเต้นเล็กน้อย ฮาๆๆ คืนที่สอง แพลุงเณร
ประมาณนี้ครับ กำหนดการแบบคร่าวๆ
และแรงบันดาลใจในทริปนี้จาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/31935354 ขอบคุณครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับวันแรก พวกเราเดินทางมายังสถานีรถไฟธนบุรีแต่เช้า เพื่อให้ทันกับขบวนรถไฟฟรี
ได้ตั๋วมาแล้วก็หาอะไรรองท้องกันก่อน
และพอได้ขึ้นเท่านั้นหล่ะ หลับยาวเลย กว่าจะมารู้สึกตัวก็ถึงสถานีกาญจนบุรีเรียบร้อย
และก็ได้มาถึงเป้าหมายของการเดินทางด้วยรถไฟ สถานีน้ำตก ประมาณบ่ายสอง
เลยต่อรถเล็กไปน้ำตกไทรโยคน้อย ค่าเดินทางคนละ 10 บาท
แวะทานมื้อเที่ยงและชมน้ำตกสักหน่อย ก่อนเดินทางต่อไปสังขละบุรี
ประมาณบ่ายสามโมง เราก็ไปต่อกับรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ เพื่อมุ่งหน้าสู่งสังขละบุรีต่อไป ค่าเดินทางคนละ 160 บาท
ขึ้นรถได้ไม่นาน ก็หลับยาวเพพราะความเหนื่อย รู้สึกตัวอีกทีโดนปลุก เมื่อรถคันนี้ไปเพียงแค่ทองผาภูมิ ทำให้พวกเราต้องเปลี่ยนรถอีกครั้ง แต่ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเพิ่ม เพราะจ่ายราคาไปสังขละบุรี แต่ได้นั่งรถสองคัน ไม่สบายเท่าไหร่ แต่ชิลใช้ได้เลย
หลังจากนั้น บรรยากาศบางช่วงมีแดดร้อน บางช่วงมีเมฆมาก บางช่วงฝนตก ทำให้ได้ความรู้สึกต่างกัน แต่ความรู้สึกดีๆมีได้ตลอดเส้นทาง ^^
แล้วพวกเราก็ถึงจุดหมายปลายทางโดยปลอดภัย ตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ใช้เวลาเดินทางทั้งวัน แต่ก็สนุก ได้ไปเส้นทางใหม่ๆ ได้พบปะผู้คน ได้คุยกัน ทำให้เรียนรู้ว่า ระหว่างทางก็มีความสวยงามและสำคัญไม่น้อยกว่าปลายทาง
มาถึงแล้ว ก็ตั้งตาหาที่พักกันเลย แต่ความตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อที่พักที่ลิสไว้ เต็มหมดแล้ว ฮ่าๆๆ แต่ไม่เป็นรัย หาของกินก่อนละกัน
แล้วก็เดินไปชมวิวกันก่อน กับแสงสุดท้ายที่ปลายสะพาน(ไม้)
และแล้วโชคก็เข้าข้างพวกเรา ได้ที่พักราคาถูก แพซองกาเรียน้อย 800บาทต่อหลัง
ได้ที่พักแล้วค่ำพอดี และมื้อค่ำวันนี้ขอเสนอ "ดินเนอร์เบาๆบนสะพานไม้ใต้แสงดาว" บรรยากาศที่ค่อนข้างมืดและเงียบสงบบนสะพาน กับเสียงสายลมที่แผ่วเบา และแสงดาวที่ระยิบระยับโดดเด่นจนยากจะละสายตา ฟินมากๆบอกเลย
นั่งเก็บเกี่ยวบรรยากาศได้สักพัก ทุกคนก็ง่วง เลยกลับไปนอนที่แพกันอย่างเหนื่อยล้า zZZ......
วันที่ 2 ของทริป หลังจากได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ พวกเราก็ได้ตื่นมาแต่เช้า มาสูดอากาศบริสุทธิ์ เป็นอะไรที่สดชื่นมาก อากาศยามเช้าเย็นพอดี ไม่หนาวมาก เพราะยังเป็นช่วงหน้าร้อน
และกาแฟรองท้องมื้อเช้า
หน้าที่แรกของวันนี้ เดินชมสถานที่และวิถีชีวิตของคนที่นี่
แล้วก็ไปต่อ เพราะชีวิตคือการเดินทาง
แล้วพวกเราก็ไปเจดีย์พุทธคยา
เหนื่อยและร้อนมาก แวะพักดื่มน้ำอ้อยแปป คั้นสดๆ แก้วละ 20 บาท หวานชื่นใจจริงๆ
หายเหนื่อยแล้วไปต่อกันที่วัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตะมะ)
มื้อสายทานข้าวฟรี ทางวัดทำแจกนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นทาน อิ่มเบาๆ
แล้วก็เดินกลับที่พัก เพราะใกล้จะเที่ยงแล้ว เดี่ยวมาต่อกันนะครับ
[CR] รถไฟฟรี เที่ยวหน้าร้อน นอนดูดาว @สังขละบุรี
เรื่องมีอยู่ว่า ......
ผมอยากไปเที่ยวในหน้าร้อน แบบชิลๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ในใจตอนนั้นเป้าหมายก็มีหลายที่มาก แต่ก็มาสะดุดที่นี่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่แห่งนี้พิเศษกว่าที่อื่นอย่างไร แต่ก็รู้สึกอยากไปแบบชิลๆบ้าง
เมื่อได้สถานที่แล้วผมก็โพสลงเฟซบุ๊คเล่นๆ แต่ก็ไม่เล่นล่ะ เพราะมีเพื่อนบอกว่าอยากไปด้วยกัน ก็เลยจริงจังละครับ ค้นหาข้อมูล ที่พัก การเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว อาหาร เมื่อได้ข้อมูลครบก็มาแจ้งเพื่อนๆให้ทราบโดยทั่วหน้า ปรากฏว่า ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง บางคนสะดวก บางคนไม่ บางคนไม่แน่ใจ เลยให้เวลาตัดสินใจกัน พอกำหนดแล้ว สรุปว่าทริปนี้มีแค่ 3 หนุ่ม ก็ไม่เป็นรัย ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนไป แต่มีก็โอเค มีเพื่อนคุยบ้าง ไม่เหงาจนเกินไป
กำหนดการหลัก 10 - 12 พ.ค. 2557
ขาไป รถไฟฟรี ต้นทาง ส.ธนบุรี - ปลายทาง ส.น้ำตก
ขากลับ รถประจำทาง
ที่พัก คืนแรกยังไม่จอง ไปหาเอาดาบหน้า เพื่อความตื่นเต้นเล็กน้อย ฮาๆๆ คืนที่สอง แพลุงเณร
ประมาณนี้ครับ กำหนดการแบบคร่าวๆ
และแรงบันดาลใจในทริปนี้จาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ขอบคุณครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับวันแรก พวกเราเดินทางมายังสถานีรถไฟธนบุรีแต่เช้า เพื่อให้ทันกับขบวนรถไฟฟรี
ได้ตั๋วมาแล้วก็หาอะไรรองท้องกันก่อน
และพอได้ขึ้นเท่านั้นหล่ะ หลับยาวเลย กว่าจะมารู้สึกตัวก็ถึงสถานีกาญจนบุรีเรียบร้อย
และก็ได้มาถึงเป้าหมายของการเดินทางด้วยรถไฟ สถานีน้ำตก ประมาณบ่ายสอง
เลยต่อรถเล็กไปน้ำตกไทรโยคน้อย ค่าเดินทางคนละ 10 บาท
แวะทานมื้อเที่ยงและชมน้ำตกสักหน่อย ก่อนเดินทางต่อไปสังขละบุรี
ประมาณบ่ายสามโมง เราก็ไปต่อกับรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ เพื่อมุ่งหน้าสู่งสังขละบุรีต่อไป ค่าเดินทางคนละ 160 บาท
ขึ้นรถได้ไม่นาน ก็หลับยาวเพพราะความเหนื่อย รู้สึกตัวอีกทีโดนปลุก เมื่อรถคันนี้ไปเพียงแค่ทองผาภูมิ ทำให้พวกเราต้องเปลี่ยนรถอีกครั้ง แต่ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเพิ่ม เพราะจ่ายราคาไปสังขละบุรี แต่ได้นั่งรถสองคัน ไม่สบายเท่าไหร่ แต่ชิลใช้ได้เลย
หลังจากนั้น บรรยากาศบางช่วงมีแดดร้อน บางช่วงมีเมฆมาก บางช่วงฝนตก ทำให้ได้ความรู้สึกต่างกัน แต่ความรู้สึกดีๆมีได้ตลอดเส้นทาง ^^
แล้วพวกเราก็ถึงจุดหมายปลายทางโดยปลอดภัย ตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ใช้เวลาเดินทางทั้งวัน แต่ก็สนุก ได้ไปเส้นทางใหม่ๆ ได้พบปะผู้คน ได้คุยกัน ทำให้เรียนรู้ว่า ระหว่างทางก็มีความสวยงามและสำคัญไม่น้อยกว่าปลายทาง
มาถึงแล้ว ก็ตั้งตาหาที่พักกันเลย แต่ความตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อที่พักที่ลิสไว้ เต็มหมดแล้ว ฮ่าๆๆ แต่ไม่เป็นรัย หาของกินก่อนละกัน
แล้วก็เดินไปชมวิวกันก่อน กับแสงสุดท้ายที่ปลายสะพาน(ไม้)
และแล้วโชคก็เข้าข้างพวกเรา ได้ที่พักราคาถูก แพซองกาเรียน้อย 800บาทต่อหลัง
ได้ที่พักแล้วค่ำพอดี และมื้อค่ำวันนี้ขอเสนอ "ดินเนอร์เบาๆบนสะพานไม้ใต้แสงดาว" บรรยากาศที่ค่อนข้างมืดและเงียบสงบบนสะพาน กับเสียงสายลมที่แผ่วเบา และแสงดาวที่ระยิบระยับโดดเด่นจนยากจะละสายตา ฟินมากๆบอกเลย
นั่งเก็บเกี่ยวบรรยากาศได้สักพัก ทุกคนก็ง่วง เลยกลับไปนอนที่แพกันอย่างเหนื่อยล้า zZZ......
วันที่ 2 ของทริป หลังจากได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ พวกเราก็ได้ตื่นมาแต่เช้า มาสูดอากาศบริสุทธิ์ เป็นอะไรที่สดชื่นมาก อากาศยามเช้าเย็นพอดี ไม่หนาวมาก เพราะยังเป็นช่วงหน้าร้อน
และกาแฟรองท้องมื้อเช้า
หน้าที่แรกของวันนี้ เดินชมสถานที่และวิถีชีวิตของคนที่นี่
แล้วก็ไปต่อ เพราะชีวิตคือการเดินทาง
แล้วพวกเราก็ไปเจดีย์พุทธคยา
เหนื่อยและร้อนมาก แวะพักดื่มน้ำอ้อยแปป คั้นสดๆ แก้วละ 20 บาท หวานชื่นใจจริงๆ
หายเหนื่อยแล้วไปต่อกันที่วัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตะมะ)
มื้อสายทานข้าวฟรี ทางวัดทำแจกนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นทาน อิ่มเบาๆ
แล้วก็เดินกลับที่พัก เพราะใกล้จะเที่ยงแล้ว เดี่ยวมาต่อกันนะครับ