ฝากวิจารณ์ด้วยนะค่ะ อยากฝึกและพัฒนาตัวเองเพิ่ม
ความเดิมตอนที่แล้ว...
http://ppantip.com/topic/31041578
กระดาษแผ่นแรก 13/2/47 …ฉันยังคงจดจำวันนี้ได้ดี วันที่เรื่องทุกอย่างเปลี่ยนชีวิตฉัน
เขียนว่า … พี่มีเรื่องอะไรจะบอกไผ่แหละ อยากบอกว่า…จริงๆแล้วพี่รู้มาตลอดนะว่าไผ่รู้สึกยังไงกับพี่ (กรี๊ดๆ รู้ได้ไงเนี่ย >/ / /<) พี่ก็อยากจะบอกไผ่นะว่าพี่ก็คิดกับไผ่แบบนั้นเหมือนกัน ไม่งั้นนะใครจะบ้าไปกินข้าวข้างนอกทุกวันๆทั้งที่มีกับข้าวที่บ้านอยู่แล้วละ อยากบอกว่าบางวันพี่อิ่มแทบตาย แต่ต้องทำเป็นหิวเพื่อมากินข้าวแม่เราต่อ…ก็ทะเลาะกับเรามันสนุกดีนี่ เวลากลับบ้านก็เหมือนกัน ไผ่รู้ไหมว่ามันไม่ง่ายเลยนะที่ต้องพยายามกะเวลาให้พอดีกับเราออกจากโรงเรียนเนี่ย วนรถตั้งหลายรอบนะ แล้วไหนจะอยู่คนละฝั่งโลกกับมหาลัยพี่อีก รู้ไหม ว่ามันเหนื่อยเอาการเลยนะ แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ มาเจอเรา พี่นี่ก็บ้าใช้ได้ เล่าไปก็เขินไป ตอนที่เราเห็นหน้าพี่พอได้อ่านจดหมายนี้คงจะเขินจนตาเหล่อีกแน่ แล้วอย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ว่าเราแอบมองพี่เป็นประจำ ดีแต่แอบมองแถมยังทำเป็นนิ่งอีก ใครมันจะทนไหวละเลยเรียก …น้องตาเหล่ซะเลย.…ข้อหาหมั่นไส้ วันนี้เป็นวันที่พี่ตั้งใจจะขอเราเป็นแฟนนะ....วันนี้คือ จุดเริ่มต้นทุกอย่างของเรา แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้านพี่ด้วย ทุกคนเข้าใจพี่ และเคารพในสิ่งที่พี่เลือก... เอาเป็นว่าฉบับนี้พอก่อนแล้วกับ เดี๋ยวเจอหน้าพี่จะทำตัวไม่ถูก แต่เราคงเป็นแฟนกันแล้วก่อนที่ไผ่จะได้เห็นจดหมายนี้อีกนะ
แค่แผ่นแรกก็ทำให้ความรู้สึกทุกอย่างของฉันมันช่างเต็มไปด้วยความสุขเหลือเกิน
ถ้าเพียงแค่วันนั้นฉันก้าวขึ้นรถไปกับพี่...
ถ้าเพียงวันนั้น…
กระดาษแผ่นต่อไป ฉันหยิบขึ้นมาอ่านอย่างใจที่สั่นคลอน...
เมื่อไหร่อีตาบ้านี่จะโผล่มาเนี่ย…
แผ่นนี้... 13/3/47
เขียนว่า...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ยังรักษาสัญญาของพี่นะ มาว่าด้วยเรื่องความลับของเรา มันยังคงเป็นความลับแค่เราสองคน ไม่มีคนอื่นนอกจากนี้ที่รู้ (ฉันได้แต่ตั้งคำถามค้างคาในใจเพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนที่รู้) เพราะวันนั้นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย พี่เลยรีบพาเราไปหาหมอ และพี่ก็ไปมอบตัว (มอบตัว…ใจฉันเริ่มสั่นเกินจะกล้าอ่านต่อไป) ด้วยข้อหา ทำให้เกิดความเสียหายจนถึงแก่ความตาย พี่ได้รับโทษติดคุกตลอดชีวิต ขอโทษนะพี่น่าจะได้อยู่ข้างๆเราแล้วเนอะ แต่พี่ต้องรับความผิดตามกฎหมาย…นี่คือเหตุผลจริงๆที่พี่หายไป ขอโทษที่ไปไม่บอกตวามจริง พี่คิดว่าอีกไม่นานพี่ก็จะไปเจอเรานะ หรือเราจะแต่งงานไปแล้วนะ….ไม่รู้ว่ารอกันอยู่ไหม แต่พี่คิดถึงเรานะ
พออ่านจบ น้ำตาที่หลั่งไหลออกมา จนบรรยายความรู้สึกในทุกอย่างไม่ถูก
ถ้าแค่วันนั้นฉันขึ้นรถไปกับพี่จิม…ถ้า…ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เรื่องทุกอย่างคงไม่ลงเอยแบบนี้ เพราะฉันไม่ระวังตัวเอง พี่จิมคงไม่ต้อง…
เมื่อได้รู้ในสิ่งที่ทำให้ทรมานใจมาตลอด ที่แท้พี่จิมไม่ได้หนีหายไปจากเรา แต่ที่ต้องหายไปเป็นเพราะ…เรา
ความรู้สึกทุกอย่างเข้ามาจนฉันไม่กล้าจะหยิบกระดาษแผ่นต่อไปขึ้นมา มือของฉันเริ่มสั่นในจังหวะที่ไม่ต่างจากใจของฉันเลย...................
………………..25/3/52
…..เวลาผ่านไปเร็วจัง ป่านนี้เราคงเรียนจบแล้วละ พี่เองก็มีข่าวดีจะบอก พี่ได้รับการอภัยโทษแล้วนะ
จาก คำบอกเล่าของแม่พี่ได้มางานรับปริญญาเราแน่ๆ ดีใจจัง แล้วอีกอย่าง แม่พี่บอกว่าเรายังไม่มีใคร แถมยังแวะมาถามถึงพี่อีก ขอบคุณมากนะ แล้วขอบคุณด้วยที่ช่วยดูแลแม่พี่ ท่านทั้งรักทั้งเอ็นดูไผ่นะ พี่ตั้งใจจะขอเราแต่งงานนะวันนั้น แต่แม่พี่เห่อกว่าไปดูฤกษ์มาให้เลยละ อยากให้ถึงวันนั้นจัง พี่คิดถึงเรานะไผ่...
แผ่นนี้แม้จะสั้น แต่น้ำตาฉันกลับหลั่งไหลอย่างไม่หยุด ฉันก็คิดถึงพี่ค่ะ คิดถึงมากๆเลย เมื่อไหร่จะโผล่มาเนี่ย!!! ฉันต้องอ่านจนครบทุกแผ่นรึไง....แล้วค่อยเป็นฝ่ายไปตามหาเนี่ย...อีตาบ้าจิม มาขอแต่งงานเลยสิ...ฉันจะตอบตกลงแบบที่คนขอไม่ต้องพูดเลย
…รอเธอที่แสนรักมา…แสนนาน…
คิดไปต่างๆนาๆจนกระทั่ง…
กระดาษ.......แผ่นสุดท้าย.......25/10/52
.....ใกล้ ถึงวันรับปริญญาของเราแล้วสินะ พี่ดีใจจัง หลังจากได้รับอภัยโทษ พี่รีบออกมาเสริมหล่อเลยนะ กลัวเราจะรับไม่ได้ ก็อยู่ในนั้นไม่มีอะไรให้บำรุงเหมือนที่บ้านเลย ดีที่มีเค้าเดิมหล่ออยู่แล้ว พี่เลยไม่ต้องทำอะไรมาก (จะอ๊วกเอง)
แต่มีเรื่องหนึ่งที่พี่เองก็ไม่ได้เตรียมใจไว้เหมือนกัน พอดีพี่ป่วย แล้วตอนนี้อาการก็หนักมากขึ้น ไม่รู้จะบอกยังไง แต่พี่คงไปงานรับปริญญาเราไม่ไหวแน่เลย อย่าโกรธนะแต่เราก็ไม่รู้นี่นา เพราะพี่ตั้งใจไปเซอร์ไพรส์เรา แต่พี่คงบอกอะไรเรามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว รักษาสัญญาของพี่ไว้ด้วยนะ พี่เองก็จะคอยดูแลเราอยู่ห่างๆแบบที่เราไม่รู้ตัวเลยละ สุดท้ายจริงๆและนะ ...ไผ่...พี่รักไผ่นะ รักไผ่คนเดียว และ จะรักไผ่ตลอดไป...
พี่ขอให้ไผ่มีความสุขนะ
ทันทีที่ฉันอ่านจบ ฉบับสุดท้าย บทจบมันดูแปลกๆฉันรีบลุกแล้วออกจากห้อง เพื่อไปหาพี่จิม...
ไม่บ้ารออยู่นี้หรอก...
“ไป หาจิมหรอ ไผ่...” เสียงของแม่ร้องทักในขณะที่ฉันกำลังรีบใส่รองเท้า ฉันไม่ตอบอะไรรีบวิ่งไปบ้านพี่จิมในทันที ถ้าเจอนะ .... ขอตบกระบาล สักทีเลย ตาบ้า.....
บรรยากาศในบ้านที่ฉันเข้ามาดูเงียบพิกล
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“มาหาจิมหรอลูก เข้ามาสิ พี่เค้ารอเรามานานแล้วนะ”คุณป้าบอกด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่นเหมือนเช่นเคย ฉันก็ได้แต่เดินตามแม่พี่จิมไป อย่างไม่รู้จุดหมาย เป็นครั้งแรกจริงๆที่ได้เข้ามาบ้านพี่จิม ตื่นเต้นๆ...
“จิม หนูไผ่มาแล้วลูก”แม่พี่จิมเคาะประตูเรียก เป็นการส่งสัญญาณก่อนจะเปิดประตู ทันทีที่เข้าไปฉันคิดว่าคุณป้าต้องล้อฉันเล่นแน่ๆเลย ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากบรรดารูปถ่ายพี่จิมที่กระจายไปทั่วในมุมและที่ต่างๆของห้อง
และ รูปเดียวที่ฉันสะดุดตาที่สุดคือรูปขาวดำของผู้ชายคนที่คุ้นตาของฉัน ตั้งอยู่อย่างสงบพร้อมกับ…
…….
…ที่เก็บอัฐิข้างๆ…
ฉันหันกลับมามองหน้าคุณป้าที่ตอนนี้น้ำตาหลั่งไหลทั้ง 2 ข้าง
“จิมเพิ่งจากเราไปอย่างสงบ แต่เค้าไม่ให้แม่บอกไผ่ ฝากแต่กล่องใบนึงไว้ให้ไผ่ หนูได้อ่านแล้วใช่ไหม”
ฉันอึ้งทำอะไรไม่ถูกทั้งที่พี่จิมอยู่ใกล้ฉันแค่นี้ แต่ฉันกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรที่ฉันอยากทำเลยสักอย่าง เวลาที่ผ่านมาของฉัน...ไม่มี...ไม่มีอีกแล้ว ฉันเหมือนคนไร้สตินั่งลงอย่างอ่อนแรง น้ำตาที่หลังไหลดูเหมือนจะทำให้ฉันแทบคลั่งได้ทีเดียว
“ไผ่...ลูก” คุณป้าเรียกฉันแล้วทำอะไรสักอย่างอยู่กับมือฉัน แต่ตัวฉันเองกลับชาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ก่อนจะก้มลงไปมอง แหวนวงหนึ่งประด้วยเพชรที่ดูแล้ว แสงสะท้อนจากมันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ฉันเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่จัดแจงสวมแหวนให้ฉัน
“จิมขอให้แม่สวมให้หนู ในวันที่หนูรู้เรื่องทุกอย่าง เป็นแหวนที่เค้าขอแม่ไว้นานแล้วนะ ตั้งใจจะให้หนูสวม”
ฉันได้แต่ก้มลงมองแหวนแทน....ครั้งสุดท้าย...นี่ใช่ไหมที่บอกจะดูแลห่างๆ
คนบ้าๆๆๆ...
วันนั้นแม้จะผ่านไปอย่างน่าเศร้าที่สุดของฉัน แต่สิ่งที่ฉันยังคงจดจำได้ดีและไม่มีวันลืม.....คือ ทุกสิ่งจากพี่จิม
แม้วันนี้...ไม่มีอีกแล้ว...
…เพราะฉัน…ปราศจากเธอ…
เพราะรัก รักนั้น ช่างแสนสั้น
เอ่ยเอื้อนมัน ออกไป ช่างแสนยาก
อยากบอกรัก รักมาก ช่างหนักปาก
ได้เอ่ยเอื้อน เมื่อต้องจาก เมื่อต้องไกล
....ฉันรักเธอ...
แต่งไว้เมื่อนานมาแล้ว เอามาลงต่อ2
ความเดิมตอนที่แล้ว...
http://ppantip.com/topic/31041578
กระดาษแผ่นแรก 13/2/47 …ฉันยังคงจดจำวันนี้ได้ดี วันที่เรื่องทุกอย่างเปลี่ยนชีวิตฉัน
เขียนว่า … พี่มีเรื่องอะไรจะบอกไผ่แหละ อยากบอกว่า…จริงๆแล้วพี่รู้มาตลอดนะว่าไผ่รู้สึกยังไงกับพี่ (กรี๊ดๆ รู้ได้ไงเนี่ย >/ / /<) พี่ก็อยากจะบอกไผ่นะว่าพี่ก็คิดกับไผ่แบบนั้นเหมือนกัน ไม่งั้นนะใครจะบ้าไปกินข้าวข้างนอกทุกวันๆทั้งที่มีกับข้าวที่บ้านอยู่แล้วละ อยากบอกว่าบางวันพี่อิ่มแทบตาย แต่ต้องทำเป็นหิวเพื่อมากินข้าวแม่เราต่อ…ก็ทะเลาะกับเรามันสนุกดีนี่ เวลากลับบ้านก็เหมือนกัน ไผ่รู้ไหมว่ามันไม่ง่ายเลยนะที่ต้องพยายามกะเวลาให้พอดีกับเราออกจากโรงเรียนเนี่ย วนรถตั้งหลายรอบนะ แล้วไหนจะอยู่คนละฝั่งโลกกับมหาลัยพี่อีก รู้ไหม ว่ามันเหนื่อยเอาการเลยนะ แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ มาเจอเรา พี่นี่ก็บ้าใช้ได้ เล่าไปก็เขินไป ตอนที่เราเห็นหน้าพี่พอได้อ่านจดหมายนี้คงจะเขินจนตาเหล่อีกแน่ แล้วอย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ว่าเราแอบมองพี่เป็นประจำ ดีแต่แอบมองแถมยังทำเป็นนิ่งอีก ใครมันจะทนไหวละเลยเรียก …น้องตาเหล่ซะเลย.…ข้อหาหมั่นไส้ วันนี้เป็นวันที่พี่ตั้งใจจะขอเราเป็นแฟนนะ....วันนี้คือ จุดเริ่มต้นทุกอย่างของเรา แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้านพี่ด้วย ทุกคนเข้าใจพี่ และเคารพในสิ่งที่พี่เลือก... เอาเป็นว่าฉบับนี้พอก่อนแล้วกับ เดี๋ยวเจอหน้าพี่จะทำตัวไม่ถูก แต่เราคงเป็นแฟนกันแล้วก่อนที่ไผ่จะได้เห็นจดหมายนี้อีกนะ
แค่แผ่นแรกก็ทำให้ความรู้สึกทุกอย่างของฉันมันช่างเต็มไปด้วยความสุขเหลือเกิน
ถ้าเพียงแค่วันนั้นฉันก้าวขึ้นรถไปกับพี่...
ถ้าเพียงวันนั้น…
กระดาษแผ่นต่อไป ฉันหยิบขึ้นมาอ่านอย่างใจที่สั่นคลอน...
เมื่อไหร่อีตาบ้านี่จะโผล่มาเนี่ย…
แผ่นนี้... 13/3/47
เขียนว่า...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ยังรักษาสัญญาของพี่นะ มาว่าด้วยเรื่องความลับของเรา มันยังคงเป็นความลับแค่เราสองคน ไม่มีคนอื่นนอกจากนี้ที่รู้ (ฉันได้แต่ตั้งคำถามค้างคาในใจเพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนที่รู้) เพราะวันนั้นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย พี่เลยรีบพาเราไปหาหมอ และพี่ก็ไปมอบตัว (มอบตัว…ใจฉันเริ่มสั่นเกินจะกล้าอ่านต่อไป) ด้วยข้อหา ทำให้เกิดความเสียหายจนถึงแก่ความตาย พี่ได้รับโทษติดคุกตลอดชีวิต ขอโทษนะพี่น่าจะได้อยู่ข้างๆเราแล้วเนอะ แต่พี่ต้องรับความผิดตามกฎหมาย…นี่คือเหตุผลจริงๆที่พี่หายไป ขอโทษที่ไปไม่บอกตวามจริง พี่คิดว่าอีกไม่นานพี่ก็จะไปเจอเรานะ หรือเราจะแต่งงานไปแล้วนะ….ไม่รู้ว่ารอกันอยู่ไหม แต่พี่คิดถึงเรานะ
พออ่านจบ น้ำตาที่หลั่งไหลออกมา จนบรรยายความรู้สึกในทุกอย่างไม่ถูก
ถ้าแค่วันนั้นฉันขึ้นรถไปกับพี่จิม…ถ้า…ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เรื่องทุกอย่างคงไม่ลงเอยแบบนี้ เพราะฉันไม่ระวังตัวเอง พี่จิมคงไม่ต้อง…
เมื่อได้รู้ในสิ่งที่ทำให้ทรมานใจมาตลอด ที่แท้พี่จิมไม่ได้หนีหายไปจากเรา แต่ที่ต้องหายไปเป็นเพราะ…เรา
ความรู้สึกทุกอย่างเข้ามาจนฉันไม่กล้าจะหยิบกระดาษแผ่นต่อไปขึ้นมา มือของฉันเริ่มสั่นในจังหวะที่ไม่ต่างจากใจของฉันเลย...................
………………..25/3/52
…..เวลาผ่านไปเร็วจัง ป่านนี้เราคงเรียนจบแล้วละ พี่เองก็มีข่าวดีจะบอก พี่ได้รับการอภัยโทษแล้วนะ
จาก คำบอกเล่าของแม่พี่ได้มางานรับปริญญาเราแน่ๆ ดีใจจัง แล้วอีกอย่าง แม่พี่บอกว่าเรายังไม่มีใคร แถมยังแวะมาถามถึงพี่อีก ขอบคุณมากนะ แล้วขอบคุณด้วยที่ช่วยดูแลแม่พี่ ท่านทั้งรักทั้งเอ็นดูไผ่นะ พี่ตั้งใจจะขอเราแต่งงานนะวันนั้น แต่แม่พี่เห่อกว่าไปดูฤกษ์มาให้เลยละ อยากให้ถึงวันนั้นจัง พี่คิดถึงเรานะไผ่...
แผ่นนี้แม้จะสั้น แต่น้ำตาฉันกลับหลั่งไหลอย่างไม่หยุด ฉันก็คิดถึงพี่ค่ะ คิดถึงมากๆเลย เมื่อไหร่จะโผล่มาเนี่ย!!! ฉันต้องอ่านจนครบทุกแผ่นรึไง....แล้วค่อยเป็นฝ่ายไปตามหาเนี่ย...อีตาบ้าจิม มาขอแต่งงานเลยสิ...ฉันจะตอบตกลงแบบที่คนขอไม่ต้องพูดเลย
…รอเธอที่แสนรักมา…แสนนาน…
คิดไปต่างๆนาๆจนกระทั่ง…
กระดาษ.......แผ่นสุดท้าย.......25/10/52
.....ใกล้ ถึงวันรับปริญญาของเราแล้วสินะ พี่ดีใจจัง หลังจากได้รับอภัยโทษ พี่รีบออกมาเสริมหล่อเลยนะ กลัวเราจะรับไม่ได้ ก็อยู่ในนั้นไม่มีอะไรให้บำรุงเหมือนที่บ้านเลย ดีที่มีเค้าเดิมหล่ออยู่แล้ว พี่เลยไม่ต้องทำอะไรมาก (จะอ๊วกเอง)
แต่มีเรื่องหนึ่งที่พี่เองก็ไม่ได้เตรียมใจไว้เหมือนกัน พอดีพี่ป่วย แล้วตอนนี้อาการก็หนักมากขึ้น ไม่รู้จะบอกยังไง แต่พี่คงไปงานรับปริญญาเราไม่ไหวแน่เลย อย่าโกรธนะแต่เราก็ไม่รู้นี่นา เพราะพี่ตั้งใจไปเซอร์ไพรส์เรา แต่พี่คงบอกอะไรเรามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว รักษาสัญญาของพี่ไว้ด้วยนะ พี่เองก็จะคอยดูแลเราอยู่ห่างๆแบบที่เราไม่รู้ตัวเลยละ สุดท้ายจริงๆและนะ ...ไผ่...พี่รักไผ่นะ รักไผ่คนเดียว และ จะรักไผ่ตลอดไป...
พี่ขอให้ไผ่มีความสุขนะ
ทันทีที่ฉันอ่านจบ ฉบับสุดท้าย บทจบมันดูแปลกๆฉันรีบลุกแล้วออกจากห้อง เพื่อไปหาพี่จิม...
ไม่บ้ารออยู่นี้หรอก...
“ไป หาจิมหรอ ไผ่...” เสียงของแม่ร้องทักในขณะที่ฉันกำลังรีบใส่รองเท้า ฉันไม่ตอบอะไรรีบวิ่งไปบ้านพี่จิมในทันที ถ้าเจอนะ .... ขอตบกระบาล สักทีเลย ตาบ้า.....
บรรยากาศในบ้านที่ฉันเข้ามาดูเงียบพิกล
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“มาหาจิมหรอลูก เข้ามาสิ พี่เค้ารอเรามานานแล้วนะ”คุณป้าบอกด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่นเหมือนเช่นเคย ฉันก็ได้แต่เดินตามแม่พี่จิมไป อย่างไม่รู้จุดหมาย เป็นครั้งแรกจริงๆที่ได้เข้ามาบ้านพี่จิม ตื่นเต้นๆ...
“จิม หนูไผ่มาแล้วลูก”แม่พี่จิมเคาะประตูเรียก เป็นการส่งสัญญาณก่อนจะเปิดประตู ทันทีที่เข้าไปฉันคิดว่าคุณป้าต้องล้อฉันเล่นแน่ๆเลย ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากบรรดารูปถ่ายพี่จิมที่กระจายไปทั่วในมุมและที่ต่างๆของห้อง
และ รูปเดียวที่ฉันสะดุดตาที่สุดคือรูปขาวดำของผู้ชายคนที่คุ้นตาของฉัน ตั้งอยู่อย่างสงบพร้อมกับ…
…….
…ที่เก็บอัฐิข้างๆ…
ฉันหันกลับมามองหน้าคุณป้าที่ตอนนี้น้ำตาหลั่งไหลทั้ง 2 ข้าง
“จิมเพิ่งจากเราไปอย่างสงบ แต่เค้าไม่ให้แม่บอกไผ่ ฝากแต่กล่องใบนึงไว้ให้ไผ่ หนูได้อ่านแล้วใช่ไหม”
ฉันอึ้งทำอะไรไม่ถูกทั้งที่พี่จิมอยู่ใกล้ฉันแค่นี้ แต่ฉันกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรที่ฉันอยากทำเลยสักอย่าง เวลาที่ผ่านมาของฉัน...ไม่มี...ไม่มีอีกแล้ว ฉันเหมือนคนไร้สตินั่งลงอย่างอ่อนแรง น้ำตาที่หลังไหลดูเหมือนจะทำให้ฉันแทบคลั่งได้ทีเดียว
“ไผ่...ลูก” คุณป้าเรียกฉันแล้วทำอะไรสักอย่างอยู่กับมือฉัน แต่ตัวฉันเองกลับชาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ก่อนจะก้มลงไปมอง แหวนวงหนึ่งประด้วยเพชรที่ดูแล้ว แสงสะท้อนจากมันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ฉันเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่จัดแจงสวมแหวนให้ฉัน
“จิมขอให้แม่สวมให้หนู ในวันที่หนูรู้เรื่องทุกอย่าง เป็นแหวนที่เค้าขอแม่ไว้นานแล้วนะ ตั้งใจจะให้หนูสวม”
ฉันได้แต่ก้มลงมองแหวนแทน....ครั้งสุดท้าย...นี่ใช่ไหมที่บอกจะดูแลห่างๆ
คนบ้าๆๆๆ...
วันนั้นแม้จะผ่านไปอย่างน่าเศร้าที่สุดของฉัน แต่สิ่งที่ฉันยังคงจดจำได้ดีและไม่มีวันลืม.....คือ ทุกสิ่งจากพี่จิม
แม้วันนี้...ไม่มีอีกแล้ว...
…เพราะฉัน…ปราศจากเธอ…
เพราะรัก รักนั้น ช่างแสนสั้น
เอ่ยเอื้อนมัน ออกไป ช่างแสนยาก
อยากบอกรัก รักมาก ช่างหนักปาก
ได้เอ่ยเอื้อน เมื่อต้องจาก เมื่อต้องไกล
....ฉันรักเธอ...