การเห็น โอปปาติกสัตว์ อย่างเป็น สันทิฏฐิโก

เมื่อทราบว่า ล็อกอิน วงกลม ต้องการ หลักฐานทางพระคัมภีร์ ที่รองรับคำอธิบายเรื่อง โอปปาติกสัตว์ ของท่านพุทธทาส
โดยระบุในทำนองว่า หากมีหลักฐานจากพระคัมภีร์ อย่างชัดเจน เรื่องจะได้จบ และจะไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องนี้อีก



แม้ว่า ผมจะไม่ใช่ ผู้ถูกถามโดยตรง แต่ด้วยเหตุที่ผมเป็นคนมีนิสัย ชอบแส่ เรื่องชาวบ้าน
ดังนั้น จึงขออนุญาต ตอบคำถามนี้แทน คุณเซนเถรวาท และหวังว่า คุณคงจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ ตามสมควร



ใจความหลักๆ ของเรื่องนี้ มีอยู่ว่า ท่านพุทธทาส ได้อธิบายความเกี่ยวกับ โอปปาติกะ เอาไว้ดังนี้ว่า

(๑) ท่านพุทธทาส มิได้ปฏิเสธ โอปปาติกะกำเนิด จำพวก เทวดา เปรตบางจำพวก ฯลฯ ตามที่ พระศาสดา ตรัสไว้
(๒) ท่านพุทธทาส ระบุว่า โอปปาติกะ ชนิดตายเข้าโลง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้ผู้ฟัง(สมัยนี้)เห็นจริงไม่ได้
(๓) ท่านจึงกล่าวสอน เฉพาะแต่ โอปปาติกะ ที่ทุกๆ คน สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ด้วยตนเอง (สันทิฏฐิโก)



ปัญหาของ ล็อกอิน วงกลม และกลุ่มบุคคล ที่ชอบกล่าวร้าย ท่านพุทธทาส ในเรื่องนี้ เช่น นายเฉลิมศักดิ์
และสหายร่วมบาปของเขา ไม่ทราบ ก็คือ  คำอธิบายของท่านพุทธทาส ในเรื่องนี้
มีหลักฐานยืนยันอยู่ในพระคัมภีร์ เป็นจำนวนมาก (อย่างเหลือเฟือ) ทีเดียว ตัวอย่างเช่น .......

กรณี ยักษ์ เข้าไปทำร้ายท่านพระสารีบุตร ขณะอยู่ในสมาบัติ โดยปรากฏข้อความในพระสูตร ระบุว่า

"ก็แล ยักษ์นั้นกล่าวว่า เราย่อมเร่าร้อน แล้วได้ตกลงสู่นรกใหญ่ ในที่นั้นเอง"



ทีนี้ ถ้าหากเราอ่านพระสูตรนี้แบบผิวเผิน ก็อาจคิดเลยเถิดไปว่า ทันทีที่เข้าไปทำร้าย ท่านพระสารีบุตร
ยักษ์ ตนนั้น ก็คงถูกธรณีสูบ แล้วตกนรก ไปในทันที หรือไม่ก็อาจตายในทันที แล้วจึงตกนรก !

แต่ถ้าเข้าไปอ่านคำอธิบายจาก คัมภีร์อรรถกถา เรื่องราวกลับมิได้เป็นเช่นนั้น กล่าวคือ
อรรถกถาจารย์ ระบุว่า แท้ที่จริงแล้ว ยักษ์ตนนั้น มิได้ตาย แล้วตกนรกในทันที
คำที่ยักษ์ตนนั้นกล่าวว่า ...... "เร่าร้อนๆ"  นี้เป็นเพียงแค่ ผลแห่งบาปกรรม ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เท่านั้น

และที่พระบาลีระบุว่า ....... "ได้ตกลงสู่นรกใหญ่ ในที่นั้นเอง"
หมายถึง การตกนรกทางใจ ขณะที่ยังดำรงชีวิตอยู่ในอัตตภาพความเป็นยักษ์
ทั้งนี้ เมื่อยักษ์นั้นตายไปจากอัตตภาพนี้แล้ว จึงจะไปเกิดในนรก เป็นลำดับถัดไป อีกที

หลักฐานนี้ ชัดเจน มากพอไหมครับ ?

ถ้ายังไม่พอ ผมขออนุญาตเสนอหลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ประวัติของ ท่านพระมาลกติสสะ
โดยหลักฐานชิ้นนี้ ระบุว่า ด้วยผลของบาปกรรม แห่งปาณาติบาต ทำให้ นายพราน(พระมาลกติสสะ)
ได้กลายเป็น ชีวมานเปรต(ชีวมานเปตกสตฺโต) คือ เกิดเป็นเปรตในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ในร่างมนุษย์ !



หลักฐานชิ้นนี้ ชัดเจนมากพอ ไหมครับ ?

ถ้ายังไม่พอในอีก ผมขออนุญาตเสนอหลักฐาน ที่น่าจะคุ้นเคยกันดีที่สุด ในหมู่นักศึกษาพระพุทธศาสนา
นั่นคือ กรณีของ พระอนาคามีบุคคล นั่นเอง

ทั้งนี้ พระบาลีมักกล่าวในทำนองเดียวกันหมดว่า พระอานาคามีบุคคล นั้นย่อม .........

"จักเป็นพระอนาคามีผู้เป็นอุปปาติกะ ปรินิพพานในภพที่เกิดนั้น
ไม่ต้องกลับมาจากโลกนั้น เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป"

หากถามผมว่า การเกิดทางใจ ของพระอนาคามี หมายถึง อะไร ?
ขอตอบว่า หมายถึง การที่ภูมิจิตของท่าน พ้นไปจาก กามาวจรภูมิ อย่างไม่มีทางหวนกลับมาได้อีก
เพราะท่านได้ละ สังโยชน์ ข้อ กามราคะ ปฏิฆะ ไปจนหมดสิ้นแล้ว นั่นเอง



ทีนี้ อาจมีใครบางคน "อยาก" โต้แย้งว่า โอปปาติกะ ในที่นี้ ต้องหมายถึง การเป็นพรหมในสวรรค์ชั้นสุทธาวาส
ซึ่งแน่นอนเหลือเกินว่า ต้องหมายถึง การเป็นพรหมหลังจาก ตายเข้าโลง ไปจากอัตตภาพนี้แล้ว เท่านั้น

แต่ผมกลับเห็นว่า การโต้แย้งด้วยความคิดเห็นแบบนั้น มันดูจะ "งมงาย" และไร้เหตุผล มากไปสักหน่อย
เพราะเมื่อเราพิจารณาถึงคำอธิบาย ของอรรถกถาจารย์ เกี่ยวกับคำว่า สุทฺธาวาส กลับให้ภาพที่ต่างออกไป กล่าวคือ

อรรถกถาจารย์ ได้อธิบายความเอาไว้ว่า .......

"ข้อว่า  สุทฺธาวาสา  ความว่า  พวกพรหมชั้นสุทธาวาส  อยู่แล้ว กำลังอยู่  หรือจักอยู่  เพราะเหตุนั้น  จึงชื่อว่า  สุทธาวาส.  
ข้อว่า  สุทฺธา ได้แก่  พระอนาคามี  และพระขีณาสพ  ซึ่งปราศจากกิเลสมลทิน"



สิ่งที่ท่านทั้งหลายพึงระลึกเอาไว้ ก็คือ ถ้าหากยังจะยืนยันว่า สุทธาวาส มีลักษณะเป็น ภพภูมิหนึ่ง ที่ต่างหากออกไป
โดยไม่ใช่ หรือ ไม่เกี่ยวข้องกับ ภพภูมิทางใจ แล้วละก็ จากข้อความดังกล่าวนี้ จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปได้ว่า

(๑) เมื่อพระอรหันต์ ดับขันธ์ ปรินิพพาน ไปแล้ว ก็มิได้หายไปไหน แต่ยังสถิตย์อยู่ในภพภูมิอื่น คือ สุทธาวาส
(๒) หากแม้แปลความว่า อรหันต์ ในสุทธาวาส หมายถึง อนาคามี ในสุทธาวาส ที่บรรลุธรรม มันก็ยังเป็นปัญหาต่อความเข้าใจอยู่ดี
เพราะสภาวะความเป็น "พรหม" เกิดจากอำนาจของ "ฌาน" คำถามก็คือ จักเกิด กระบวนการ วิปัสสนา ใน (ขณะ)ฌาน ได้จริงหรือ ?



จำเพาะความข้อนี้ ถือว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อตาม นะครับ
แต่ก็ควรพิจารณาให้ยิ่งๆ ไป น่าจะเป็นการดีไม่น้อย ........

******************************************************************************

ผมถือว่า ได้อธิบายความ และ แสดงหลักฐานจากพระคัมภีร์ มาพอสมควรแล้ว นะครับ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธเถรวาท ผู้ใคร่ในการศึกษาพระธรรมคำสอน
ด้วยการ สอบสวน เทียบเคียง พระสูตร และ พระวินัย คงจะได้รับประโยชน์ มากพอสมควร

กล่าวสำหรับ ล็อกอิน วงกลม ถ้าคุณยังรู้สึก ไม่พอใจในหลักฐาน และต้องการโต้แย้ง
ก็ขอให้แสดง ความคิดเห็น และ หลักฐาน ได้อย่างเต็มที่ นะครับ

แต่ถ้า หลักฐานที่แสดงมานี้ มากเพียงพอ ต่อการทำความเข้าใจแล้ว ก็หวังใจว่า
คุณจะช่วยทำความเข้าใจ กับชาวพุทธชายขอบ ผู้นิยมการด่าทอว่าร้ายท่านพุทธทาส(อย่างอยุติธรรม)
ให้ยุติ การกล่าวร้าย ด่าทอ พระสงฆ์องค์เจ้า อย่างไร้สติปัญญา นั้นเสียด้วย จักเป็นพระคุณอย่างสูง



ธรรมสวัสดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่