จ่าว่ามาเลเซีย และ สิงคโปร์ เพื่อนบ้านเราต่างก็มีผู้นำที่เข้มแข็ง
มีการคอรัปชั่นในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำมาก , มีกฏหมายที่มีบทลงโทษที่รุนแรง
และ ที่สำคัญนอกจากกฏหมายจะแรงแล้ว การบังคับใช้ยังเป็นนิติรัฐด้วยครัฟฟฟฟฟฟ
คนอย่าง "มหาธีร์ โมฮัมหมัด" กับ "ลี กวน ยู" หากมาบริหารเมืองไทย (ที่การบังคับใช้กฏหมายมัน 2 มาตรฐาน) ก็อาจไปไม่เป็นเหมือนกัน
จ่าว่า "ป๋าลี" ลี กวน ยู" แห่งเมืองลอดช่องนี่แหละคือสุดยอดผู้นำเบอร์ต้นๆของโลกเลย
เพราะแม้ใครจะค่อยขอดแกว่าเป็น "เผด็จการทางรัฐสภา" แต่ป๋าแกไม่มีในเรื่อง 2 มาตรฐานครัฟฟฟฟ
สิงคโปร์มีวันนี้ได้เพราะคนอย่างแกนี่แหละ .....เชื่อจ่าซิ...!!!!!
Choi Lar นางแบบสิงคโปร์
หากเราจะนิยาม “เจงกิสข่าน”
ว่าเขาเป็นบิดาของพวกมองโกล
หรือ “ฟิเดล คัสโตร” เป็นสัญลักษณ์ของคิวบายุคไหม่แล้ว
“ป๋าลี” คนนี้ก็ไม่ต่างกันหรอกครัฟฟฟ
เพราะป๋าแกเป็น “บิดาแห่งสิงคปุระ” อย่างแท้จริง
ค่าที่ว่าป๋าแกนำพารัฐนาวาสิงคโปร์ฝ่าลมพายุมาได้อย่างสวยหรูยาวนาน
คุณูปการของป๋าที่มีให้กับชาวลอดช่อง
เริ่มมาตั้งแต่ในยุคซัก 60 ต้นๆนั่นแหละครัฟฟฟ
ซึ่งเป็นยุคที่ป๋าขึ้นแท่นเป็นผู้นำประเทศคนแรกของแดนลอดช่อง
ในช่วงแรกของการนั่งทำเนียบตึกไทยคู่ฟ้าของสิงคโปร์นั้น
ดินแดนเทมาเส็กกำลังอยู่ในภาวะ “ตั้งไข่” ในทุกๆองคพยพ
ป๋าลีต้องบริหารประเทศทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และ สังคม
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของ “ความมั่นคง” ครัฟฟฟฟ
เพราะประเทศในแถบล่างของปลายด้ามขวานของเรา
ล้วนแต่เป็นประเทศในเครือจักรภพ เป็นอาณานิคมของผู้ดีอังกฤษ
Jamie Ang นางแบบ FHM สิงคโปร์
และเมื่อประกาศเอกราช เป็นตัวของตัวเอง
ป๋าลีก็ตัดสินใจนำพาประเทศสิงคโปร์ของแก
เข้าไปรวมกับ มาเลย์, ซาบาห์ และ ซาราวัค
และได้กลายมาเป็น “สหพันธรัฐมาลายา”
ก่อนที่จะ “วงแตก” ในอีก 2-3 ปีถัดมา
และกลายเป็นประเทศสิงคโปร์แบบ “เดี่ยวไมโครโฟน” มาจนทุกวันนี้
ป๋าแกเป็นคนเด็ดขาดครัฟฟฟ
ตลอดเวลาที่แกปกครองประเทศ
แกจัดการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามแบบถอนรากถอนโคน
ทั้งการฟ้องร้องหมิ่นประมาทกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ทั้งการจับกุมไปขับแบบไม่มีการดำเนินคดี โดยใช้กฎหมายความมั่นคง
จนทำให้การเมืองในประเทศท่าเรือเล็กๆแห่งนี้นิ่งสงบ และบริหารได้ง่ายขึ้น
Jessica Gomez นางแบบลูกครึ่งสิงคโปร์-โปรตุเกส
สิงคโปร์หลังการประกาศเอกราชของพวกเขา
ก็มีสภาพไม่ต่างจากประเทศสารขัณฑ์ของเราหรอก
เพราะมีการโกงกิน ทุจริต คอรัปชั่น กันอย่างมโหฬารเช่นกัน
แต่ “ป๋าลี” แกให้ยาแรงเลยครัฟฟฟ
ป๋าแกตั้งหน่วยงาน “ปปช.เมืองสิงคโปร์” ตรวจสอบเรื่องการโกง
และประกาศบทลงโทษคนโกงอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต
อีกทั้งตั้งเงินเดือนข้าราชการให้สูงๆแพงๆไปเลย จะได้ไม่กินสินบน !!!
โห......ดูป๋าเขาทำซิ.....
ปปช.ของป๋าลี
ไม่มี "คนดี" แบบ "ไอ้หัวล้าน"
ที่เมียไปยืมโฉนดที่ดินคนอื่นมา จนโดนเจ้าของโฉนดเขาทำคลิปแฉว่อนเน็ทหรอกครัฟฟฟ
ตำรวจหญิงสิงคโปร์.. .."หมวยโหด"
ป๋าลีบริหารจนเกาะเล็กๆแห่งนี้
ได้กลายมาเป็นเมืองแถวหน้าของโลกนี้
มีความมั่นคงทางการเมือง ,มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
และมีเศรษฐกิจดีจนรายได้ต่อหัวที่พุ่งทะยานขึ้นไปอันดับต้นๆของโลก
นั่งทำงานที่ตึก “สิงคโปร์คู่ฟ้า” มา 30 กว่าปี
ป๋าแกก็คงรู้สึกว่าถึงเวลากลับบ้านไปเลี้ยงหลาน เล่นเปตองแล้ว
ป๋าเลยลุกจากเก้าอี้ และส่งไม้ต่อให้ “เฮียโก๊ะ” โก๊ะ จ๊ก ตง มารับหน้าที่แทน
แต่ป๋าก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกครัฟฟฟฟ
เพราะตลอดเวลาที่ “เฮียโก๊ะ” เป็นนายกรัฐมนตรี
ป๋าลีก็ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนๆกับ "เสี่ยแม้ว" ของเรา
ที่ยังคงสามารถ “สั่ง” หรือมีอิทธิพลในการตัดสินใจในรัฐบาลของ “เฮียโก๊ะ” อยู่บ้างพอสมควร
จ่าไม่รู้ว่าป๋าแกจะเหมือนอดีตผู้นำคนอื่นๆของเพื่อนบ้านหรือเปล่า
ที่พอพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ยังไม่ยอมออกจาก “บ้านหลวง” ที่อาศัยอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ...แหะ แหะ..
น้องคนนี้คือ Miss World ของสิงคโปร์
ก็อยู่กันมาด้วยดี ทั้ง”ป๋าลี” ทั้ง“เฮียโก๊ะ” แหละครัฟฟฟ....
จวบจน โก๊ะ จ๊ก ตง พ้นจากตำแหน่งนายกฯ
คราวนี้สิงคโปร์ก็ได้ "ลี เซียน ลุง” ลุกชายของ ”ป๋าลี” มาเป็นนายกฯคนถัดไป
โดยที่ “ป๋าลี” เขยิบขึ้นไปทำหน้าที่ CEO ของประเทศ
และ “เฮียโก๊ะ” มือขวาคู่บารมีรับหน้าที่เป็น MD ของเมืองลอดช่อง
แหมมม.....ถ้าใครเป็นนายกฯ “ลี เซียน ลุง” คงจะปวดหัวดีพิลึก...!!!!
แต่ทั้งป๋าลี และ เฮียโก๊ะ ก็ช่วยกันทำงานประคับประคองประเทศได้เป็นอย่างดีครัฟฟฟ
อันว่า “สภา” ของเมืองลอดช่องนั้น
เลือกตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็หาสส.ฝ่ายค้านทำยาได้ยากมาก
เพราะ สส.รัฐบาลได้รับเลือกเข้ามาเป็นกอบเป็นกำในทุกๆยุคสมัย
จนโดนค่อนขอดว่าสิงคโปร์เป็น “เผด็จการทางรัฐสภา”
ชนิดที่ว่ารัฐบาลต้องแจกเก้าอี้เพื่อให้มี สส.ฝ่ายค้านเอาไว้ทำยาซักคนสองคน
ไม่งั้นมันก็จะทำงานกันไม่ได้ เพราะมันจะเป็นสภาที่ไม่มีฝ่ายค้าน
Margaret Lee ดาราสาวเมืองลอดช่อง
แม้เครือข่ายของป๋าลีจะปึ๊ก
แต่แล้ว....มันก็ถึงวันที่อำนาจของ “ป๋าลี” โดนท้าทาย
จนทำให้ป๋าของชาวสิงคโปร์ผู้นี้ต้องออกมากล่าวคำว่า “ผมพอแล้ว”
ใช่ครับ.....สิงคโปร์เปลี่ยนไปครัฟฟฟ
เปลี่ยนไปแล้ว ในยุคของข้อมูลข่าวสารเดินทางได้เร็วแบบกระพริบตา
โซเชี่ยล เน็ทเวิร์ค ต่างๆทำให้เกิดคนรุ่นใหม่ ที่มีองค์ความคิดใหม่ๆเกิดขึ้น
และแน่นอนว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้อยากท้าทายอำนาจรัฐเก่าๆของ “ป๋าลี” ครัฟฟฟ
สิงคโปร์มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อตอนกลางปี 54
และป๋าลีได้ “ออกตัว” เรียกคะแนนเสียงให้กับรัฐบาลของลูกชายว่า
"คนสิงคโปร์จะต้องมานั่งสำนึกและเสียใจไปอักหลายต่อหลายปี
หากคิดจะไปเลือก สส.พรรคฝ่ายค้านให้มาบริหารประเทศ !!!!!"
การออกตัวของป๋าลีครั้งนี้
ว่ากันว่าเป็นการ “ตบหน้า” คนรุ่นใหม่ของสิงคโปร์
และทำให้สิงคโปเรี่ยนรุ่นใหม่ๆตอบโต้ป๋าแก ด้วยการแห่กันไปลงคะแนนเสียงกาให้ สส.ฝ่ายค้านถึง 6 คน !!!!
มิหนำซ้ำยังมีอยู่เขตเลือกตั้งหนึ่ง
ที่ “จอร์จ เยียว” รมต.ต่างประเทศของสิงคโปร์
ต้องสอบตกพ่ายแพ้ให้กับ สส.พรรคฝ่ายค้านอีกต่างหาก
อย่าลืมว่าในประเทศที่มี สส.ฝ่ายค้านแค่ 2 คนนั้น
การได้มาถึง 6 ที่นั่งในวันที่โลกหมุนเปลี่ยนผ่านทุกอย่างไป
มันเป็นความชอกช้ำ และพ่ายแพ้ ในแบบที่รัฐบาลสิงคโปร์รับไม่ได้ครัฟฟ
และที่สำคัญที่สุด
มันคือ “สัญญาน” บางอย่างจากคนรุ่นใหม่
ที่ส่งเตือนไปยังคนรุ่นเก่าว่าพวกเขาพร้อมที่จะ “คิดต่าง” แล้ว !!!
Cabin crew ของ สิงคโปร์แอร์ไลน์
หลังจากรู้สึกได้ถึงสัญญานที่คนรุ่นใหม่แสดงออกแล้ว
ป๋าลี...ผู้ซึ่งเข้าใจแล้วว่าการเมืองมันก็ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
ก็ได้ประกาศพร้อมๆกับ “เฮียโก๊ะ” ในการที่จะยุติบทบาททั้งหมด
ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และ การชี้นำสังคมของสิงคโปร์อย่างทันที
ป๋าลีพูดเป็นภาษาไทยว่า
“ผมพอแล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว
มันถึงเวลาของคนรุ่นใหม่ที่จะแบกภาระในการนำพาประเทศต่อไป”
นี่แหละครับ.....สปิริตของป๋าลี....
จ่าไม่ชอบประเทศสิงคโปร์
เพราะจ่ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นหุ่นยนต์ เป็นเผด็จการ
ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างเคร่งเครียดไม่มีชีวิตชีวา
แต่หากจะมีซักเรื่องที่จ่า “นิยม” พวกเขา
และแสนจะอิจฉาพวกสิงคโปเรี่ยนอย่างจริงใจแล้ว
“สปิริต” และ “คุณภาพของผู้คน” นี่แหละครัฟฟฟ ที่จ่าแสนจะอิจฉาพวกเขาซะจริงๆ
จ่าสรุปอีกครั้ง
ว่าที่มาเลเซีย และ สิงคโปร์เจริญนั้น
ก็เพราะนักการเมืองคุณภาพ , ข้าราชการไม่กังฉิน ,
ประชาชนส่วนใหญ่เคารพกฏหมาย และ กติกาสังคม ,
กฏหมายมีบทลงโทษที่รุนแรง และ มีการบังคับใช้แบบ 1 มาตรฐานจนประเทศเป็น "นิติรัฐ" ครัฟฟฟฟ
Carmen Soo ดาราชาวมาเลเซีย
การเป็น "นิติรัฐ" มันจะทำให้สังคมมีระเบียบครัฟฟฟฟ
จ่าจำได้ว่ามีกรณีวัยรุ่นอเมริกัน
ที่รโดนจับข้อหาทำลายทรัพย์สินสาธารณะที่สิงคโปร์
เด็กเปรตนั่นชื่อ ไมเคิล เฟย์ ครัฟฟฟ ถ้าจ่าจำไม่ผิดน่าจะเป็นการเอาสีสเปรย์ไปพ่นสาธารณะวัตถุ
การบังคับใช้กฏหมาเขาเข้มแข็งมาก
ศาลสั่งลงโทษไมเคิลด้วยการ "โบย" ครัฟฟฟ....จำนวนทั้งสิ้น 8 ที
บิล คลินตัน ถึงขนาดต้องออกโรง
ด้วยการส่งสารขอร้องให้ปราณี เพื่อเห็นแก่มิตรภาพ
สิงค์โปร์เขาก็ปราณีครัฟฟฟ
ปราณีด้วยการลดโทษลงครึ่งนึง กลายเป็นโบย 4 ที
เขาไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม
ไม่สนด้วยว่าคลินตันจะลงทุนขอร้อง
แต่สำหรับพวกเขา กฏหมายมันคือกฏหมาย
และต้องถูกนำมาบังคับใช้ครัฟฟฟฟ
หลังการโบยเด็กอเมริกัน
สิงคโปร์ออกแถลงการอย่างองอาจ
จ่าจำข้อความได้ไม่แม่นนัก
แต่เนื้อความของแถลงการณ์ประมาณว่า
"เรามีสังคมที่เข้มแข็ง และไม่อดทนต่อการทำลายสาธารณะวัตถุ
กติกา และ มาตรฐานที่เรารักษาไว้ ช่วยทำให้สังคมของเราอยู่กันแบบมีระเบียบ
ถ้าเราไม่บังคับใช้กฏหมายได้เข้มแข็งแบบนี้ ประเทศเราคงไม่เจริญอย่างที่เห็นหรอก"
Leng Yein นางแบบชาวมาเลเซีย
ขอบคุณ "ป๋ามหาธีร์" และ "ป๋าลี" ที่แสดงออกถึงสปิริตในความเป็นนักการเมืองให้ประเทศใกล้ๆกันได้เห็นครัฟฟฟ !!!
จ่าพิเชษฐ์
เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.................จ่าว่าก็เพราะแบบนี้ไง ชาวบ้านชาวช่องเขาถึงทิ้งห่างเรา......!!!!!!!!!!
มีการคอรัปชั่นในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำมาก , มีกฏหมายที่มีบทลงโทษที่รุนแรง
และ ที่สำคัญนอกจากกฏหมายจะแรงแล้ว การบังคับใช้ยังเป็นนิติรัฐด้วยครัฟฟฟฟฟฟ
คนอย่าง "มหาธีร์ โมฮัมหมัด" กับ "ลี กวน ยู" หากมาบริหารเมืองไทย (ที่การบังคับใช้กฏหมายมัน 2 มาตรฐาน) ก็อาจไปไม่เป็นเหมือนกัน
จ่าว่า "ป๋าลี" ลี กวน ยู" แห่งเมืองลอดช่องนี่แหละคือสุดยอดผู้นำเบอร์ต้นๆของโลกเลย
เพราะแม้ใครจะค่อยขอดแกว่าเป็น "เผด็จการทางรัฐสภา" แต่ป๋าแกไม่มีในเรื่อง 2 มาตรฐานครัฟฟฟฟ
สิงคโปร์มีวันนี้ได้เพราะคนอย่างแกนี่แหละ .....เชื่อจ่าซิ...!!!!!
Choi Lar นางแบบสิงคโปร์
หากเราจะนิยาม “เจงกิสข่าน”
ว่าเขาเป็นบิดาของพวกมองโกล
หรือ “ฟิเดล คัสโตร” เป็นสัญลักษณ์ของคิวบายุคไหม่แล้ว
“ป๋าลี” คนนี้ก็ไม่ต่างกันหรอกครัฟฟฟ
เพราะป๋าแกเป็น “บิดาแห่งสิงคปุระ” อย่างแท้จริง
ค่าที่ว่าป๋าแกนำพารัฐนาวาสิงคโปร์ฝ่าลมพายุมาได้อย่างสวยหรูยาวนาน
คุณูปการของป๋าที่มีให้กับชาวลอดช่อง
เริ่มมาตั้งแต่ในยุคซัก 60 ต้นๆนั่นแหละครัฟฟฟ
ซึ่งเป็นยุคที่ป๋าขึ้นแท่นเป็นผู้นำประเทศคนแรกของแดนลอดช่อง
ในช่วงแรกของการนั่งทำเนียบตึกไทยคู่ฟ้าของสิงคโปร์นั้น
ดินแดนเทมาเส็กกำลังอยู่ในภาวะ “ตั้งไข่” ในทุกๆองคพยพ
ป๋าลีต้องบริหารประเทศทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และ สังคม
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของ “ความมั่นคง” ครัฟฟฟฟ
เพราะประเทศในแถบล่างของปลายด้ามขวานของเรา
ล้วนแต่เป็นประเทศในเครือจักรภพ เป็นอาณานิคมของผู้ดีอังกฤษ
Jamie Ang นางแบบ FHM สิงคโปร์
และเมื่อประกาศเอกราช เป็นตัวของตัวเอง
ป๋าลีก็ตัดสินใจนำพาประเทศสิงคโปร์ของแก
เข้าไปรวมกับ มาเลย์, ซาบาห์ และ ซาราวัค
และได้กลายมาเป็น “สหพันธรัฐมาลายา”
ก่อนที่จะ “วงแตก” ในอีก 2-3 ปีถัดมา
และกลายเป็นประเทศสิงคโปร์แบบ “เดี่ยวไมโครโฟน” มาจนทุกวันนี้
ป๋าแกเป็นคนเด็ดขาดครัฟฟฟ
ตลอดเวลาที่แกปกครองประเทศ
แกจัดการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามแบบถอนรากถอนโคน
ทั้งการฟ้องร้องหมิ่นประมาทกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ทั้งการจับกุมไปขับแบบไม่มีการดำเนินคดี โดยใช้กฎหมายความมั่นคง
จนทำให้การเมืองในประเทศท่าเรือเล็กๆแห่งนี้นิ่งสงบ และบริหารได้ง่ายขึ้น
Jessica Gomez นางแบบลูกครึ่งสิงคโปร์-โปรตุเกส
สิงคโปร์หลังการประกาศเอกราชของพวกเขา
ก็มีสภาพไม่ต่างจากประเทศสารขัณฑ์ของเราหรอก
เพราะมีการโกงกิน ทุจริต คอรัปชั่น กันอย่างมโหฬารเช่นกัน
แต่ “ป๋าลี” แกให้ยาแรงเลยครัฟฟฟ
ป๋าแกตั้งหน่วยงาน “ปปช.เมืองสิงคโปร์” ตรวจสอบเรื่องการโกง
และประกาศบทลงโทษคนโกงอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต
อีกทั้งตั้งเงินเดือนข้าราชการให้สูงๆแพงๆไปเลย จะได้ไม่กินสินบน !!!
โห......ดูป๋าเขาทำซิ.....
ปปช.ของป๋าลี
ไม่มี "คนดี" แบบ "ไอ้หัวล้าน"
ที่เมียไปยืมโฉนดที่ดินคนอื่นมา จนโดนเจ้าของโฉนดเขาทำคลิปแฉว่อนเน็ทหรอกครัฟฟฟ
ตำรวจหญิงสิงคโปร์.. .."หมวยโหด"
ป๋าลีบริหารจนเกาะเล็กๆแห่งนี้
ได้กลายมาเป็นเมืองแถวหน้าของโลกนี้
มีความมั่นคงทางการเมือง ,มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
และมีเศรษฐกิจดีจนรายได้ต่อหัวที่พุ่งทะยานขึ้นไปอันดับต้นๆของโลก
นั่งทำงานที่ตึก “สิงคโปร์คู่ฟ้า” มา 30 กว่าปี
ป๋าแกก็คงรู้สึกว่าถึงเวลากลับบ้านไปเลี้ยงหลาน เล่นเปตองแล้ว
ป๋าเลยลุกจากเก้าอี้ และส่งไม้ต่อให้ “เฮียโก๊ะ” โก๊ะ จ๊ก ตง มารับหน้าที่แทน
แต่ป๋าก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกครัฟฟฟฟ
เพราะตลอดเวลาที่ “เฮียโก๊ะ” เป็นนายกรัฐมนตรี
ป๋าลีก็ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนๆกับ "เสี่ยแม้ว" ของเรา
ที่ยังคงสามารถ “สั่ง” หรือมีอิทธิพลในการตัดสินใจในรัฐบาลของ “เฮียโก๊ะ” อยู่บ้างพอสมควร
จ่าไม่รู้ว่าป๋าแกจะเหมือนอดีตผู้นำคนอื่นๆของเพื่อนบ้านหรือเปล่า
ที่พอพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ยังไม่ยอมออกจาก “บ้านหลวง” ที่อาศัยอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ...แหะ แหะ..
น้องคนนี้คือ Miss World ของสิงคโปร์
ก็อยู่กันมาด้วยดี ทั้ง”ป๋าลี” ทั้ง“เฮียโก๊ะ” แหละครัฟฟฟ....
จวบจน โก๊ะ จ๊ก ตง พ้นจากตำแหน่งนายกฯ
คราวนี้สิงคโปร์ก็ได้ "ลี เซียน ลุง” ลุกชายของ ”ป๋าลี” มาเป็นนายกฯคนถัดไป
โดยที่ “ป๋าลี” เขยิบขึ้นไปทำหน้าที่ CEO ของประเทศ
และ “เฮียโก๊ะ” มือขวาคู่บารมีรับหน้าที่เป็น MD ของเมืองลอดช่อง
แหมมม.....ถ้าใครเป็นนายกฯ “ลี เซียน ลุง” คงจะปวดหัวดีพิลึก...!!!!
แต่ทั้งป๋าลี และ เฮียโก๊ะ ก็ช่วยกันทำงานประคับประคองประเทศได้เป็นอย่างดีครัฟฟฟ
อันว่า “สภา” ของเมืองลอดช่องนั้น
เลือกตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็หาสส.ฝ่ายค้านทำยาได้ยากมาก
เพราะ สส.รัฐบาลได้รับเลือกเข้ามาเป็นกอบเป็นกำในทุกๆยุคสมัย
จนโดนค่อนขอดว่าสิงคโปร์เป็น “เผด็จการทางรัฐสภา”
ชนิดที่ว่ารัฐบาลต้องแจกเก้าอี้เพื่อให้มี สส.ฝ่ายค้านเอาไว้ทำยาซักคนสองคน
ไม่งั้นมันก็จะทำงานกันไม่ได้ เพราะมันจะเป็นสภาที่ไม่มีฝ่ายค้าน
Margaret Lee ดาราสาวเมืองลอดช่อง
แม้เครือข่ายของป๋าลีจะปึ๊ก
แต่แล้ว....มันก็ถึงวันที่อำนาจของ “ป๋าลี” โดนท้าทาย
จนทำให้ป๋าของชาวสิงคโปร์ผู้นี้ต้องออกมากล่าวคำว่า “ผมพอแล้ว”
ใช่ครับ.....สิงคโปร์เปลี่ยนไปครัฟฟฟ
เปลี่ยนไปแล้ว ในยุคของข้อมูลข่าวสารเดินทางได้เร็วแบบกระพริบตา
โซเชี่ยล เน็ทเวิร์ค ต่างๆทำให้เกิดคนรุ่นใหม่ ที่มีองค์ความคิดใหม่ๆเกิดขึ้น
และแน่นอนว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้อยากท้าทายอำนาจรัฐเก่าๆของ “ป๋าลี” ครัฟฟฟ
สิงคโปร์มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อตอนกลางปี 54
และป๋าลีได้ “ออกตัว” เรียกคะแนนเสียงให้กับรัฐบาลของลูกชายว่า
"คนสิงคโปร์จะต้องมานั่งสำนึกและเสียใจไปอักหลายต่อหลายปี
หากคิดจะไปเลือก สส.พรรคฝ่ายค้านให้มาบริหารประเทศ !!!!!"
การออกตัวของป๋าลีครั้งนี้
ว่ากันว่าเป็นการ “ตบหน้า” คนรุ่นใหม่ของสิงคโปร์
และทำให้สิงคโปเรี่ยนรุ่นใหม่ๆตอบโต้ป๋าแก ด้วยการแห่กันไปลงคะแนนเสียงกาให้ สส.ฝ่ายค้านถึง 6 คน !!!!
มิหนำซ้ำยังมีอยู่เขตเลือกตั้งหนึ่ง
ที่ “จอร์จ เยียว” รมต.ต่างประเทศของสิงคโปร์
ต้องสอบตกพ่ายแพ้ให้กับ สส.พรรคฝ่ายค้านอีกต่างหาก
อย่าลืมว่าในประเทศที่มี สส.ฝ่ายค้านแค่ 2 คนนั้น
การได้มาถึง 6 ที่นั่งในวันที่โลกหมุนเปลี่ยนผ่านทุกอย่างไป
มันเป็นความชอกช้ำ และพ่ายแพ้ ในแบบที่รัฐบาลสิงคโปร์รับไม่ได้ครัฟฟ
และที่สำคัญที่สุด
มันคือ “สัญญาน” บางอย่างจากคนรุ่นใหม่
ที่ส่งเตือนไปยังคนรุ่นเก่าว่าพวกเขาพร้อมที่จะ “คิดต่าง” แล้ว !!!
Cabin crew ของ สิงคโปร์แอร์ไลน์
หลังจากรู้สึกได้ถึงสัญญานที่คนรุ่นใหม่แสดงออกแล้ว
ป๋าลี...ผู้ซึ่งเข้าใจแล้วว่าการเมืองมันก็ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
ก็ได้ประกาศพร้อมๆกับ “เฮียโก๊ะ” ในการที่จะยุติบทบาททั้งหมด
ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และ การชี้นำสังคมของสิงคโปร์อย่างทันที
ป๋าลีพูดเป็นภาษาไทยว่า
“ผมพอแล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว
มันถึงเวลาของคนรุ่นใหม่ที่จะแบกภาระในการนำพาประเทศต่อไป”
นี่แหละครับ.....สปิริตของป๋าลี....
จ่าไม่ชอบประเทศสิงคโปร์
เพราะจ่ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นหุ่นยนต์ เป็นเผด็จการ
ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างเคร่งเครียดไม่มีชีวิตชีวา
แต่หากจะมีซักเรื่องที่จ่า “นิยม” พวกเขา
และแสนจะอิจฉาพวกสิงคโปเรี่ยนอย่างจริงใจแล้ว
“สปิริต” และ “คุณภาพของผู้คน” นี่แหละครัฟฟฟ ที่จ่าแสนจะอิจฉาพวกเขาซะจริงๆ
จ่าสรุปอีกครั้ง
ว่าที่มาเลเซีย และ สิงคโปร์เจริญนั้น
ก็เพราะนักการเมืองคุณภาพ , ข้าราชการไม่กังฉิน ,
ประชาชนส่วนใหญ่เคารพกฏหมาย และ กติกาสังคม ,
กฏหมายมีบทลงโทษที่รุนแรง และ มีการบังคับใช้แบบ 1 มาตรฐานจนประเทศเป็น "นิติรัฐ" ครัฟฟฟฟ
Carmen Soo ดาราชาวมาเลเซีย
การเป็น "นิติรัฐ" มันจะทำให้สังคมมีระเบียบครัฟฟฟฟ
จ่าจำได้ว่ามีกรณีวัยรุ่นอเมริกัน
ที่รโดนจับข้อหาทำลายทรัพย์สินสาธารณะที่สิงคโปร์
เด็กเปรตนั่นชื่อ ไมเคิล เฟย์ ครัฟฟฟ ถ้าจ่าจำไม่ผิดน่าจะเป็นการเอาสีสเปรย์ไปพ่นสาธารณะวัตถุ
การบังคับใช้กฏหมาเขาเข้มแข็งมาก
ศาลสั่งลงโทษไมเคิลด้วยการ "โบย" ครัฟฟฟ....จำนวนทั้งสิ้น 8 ที
บิล คลินตัน ถึงขนาดต้องออกโรง
ด้วยการส่งสารขอร้องให้ปราณี เพื่อเห็นแก่มิตรภาพ
สิงค์โปร์เขาก็ปราณีครัฟฟฟ
ปราณีด้วยการลดโทษลงครึ่งนึง กลายเป็นโบย 4 ที
เขาไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม
ไม่สนด้วยว่าคลินตันจะลงทุนขอร้อง
แต่สำหรับพวกเขา กฏหมายมันคือกฏหมาย
และต้องถูกนำมาบังคับใช้ครัฟฟฟฟ
หลังการโบยเด็กอเมริกัน
สิงคโปร์ออกแถลงการอย่างองอาจ
จ่าจำข้อความได้ไม่แม่นนัก
แต่เนื้อความของแถลงการณ์ประมาณว่า
"เรามีสังคมที่เข้มแข็ง และไม่อดทนต่อการทำลายสาธารณะวัตถุ
กติกา และ มาตรฐานที่เรารักษาไว้ ช่วยทำให้สังคมของเราอยู่กันแบบมีระเบียบ
ถ้าเราไม่บังคับใช้กฏหมายได้เข้มแข็งแบบนี้ ประเทศเราคงไม่เจริญอย่างที่เห็นหรอก"
Leng Yein นางแบบชาวมาเลเซีย
ขอบคุณ "ป๋ามหาธีร์" และ "ป๋าลี" ที่แสดงออกถึงสปิริตในความเป็นนักการเมืองให้ประเทศใกล้ๆกันได้เห็นครัฟฟฟ !!!
จ่าพิเชษฐ์