เรื่องราวในกระทู้นี้เป็นภาคต่อ จากกระทู้
"เมื่อมีคนมาเคาะประตูห้องคุณตอนตีสอง พร้อมบอกว่ามีคนผูกคอตายในห้องของคุณ" ซึ่งเป็นที่มาของความฮาปนความหลอน หากทุกท่านต้องการกินเผือกที่มาของกระทู้นี้ พาตัวคุณย้อนเวลาไปดูหนังหน้าสวยๆของฉันที่นี่ได้เลยจร้า
http://ppantip.com/topic/32451047/comment62
ก่อนอื่นต้องมีการอารัมภบทสักนิ๊ดดด ตามสันดานส่วนตัวของเจ๊เอง หลังจากกีะทู้นั้นก็มีข้อความมาทางประตูหลัง เรื่องอาการเจ็บป่วย และให้กำลังใจฉัน ก็ต้องขอบคุณที่รักและห่วงใยกัน
แต่....แต่....แต่ ฉันอยากฟังว่าฉันสวยมากกว่า ( เบ้ปากแบบผิดหวังนิดนึง แก้ตัวใหม่ในกระทู้นี้ละกัน )
บทที่ 1 รู้ว่าตัวเองป่วยได้ยังไง และช่วงป่วยใช้ชีวิตแบบใหน
เชิญเผือกกันตามอัธยาศัย รับรองถึงใจถึงอารมณ์ ยิ่งกว่าช่อง 7 HD!!! ด้วยความที่ตัวเองเนี่ยเป็นคนสวย และเก่ง!!! ก็เลยได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่จะออกไปในสายบันเทิง ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องอดหลับอดนอน กินอยู่ไม่มีเวลาตายตัว แล้วประกอบด้วยตัวเองเปิดกิจการร้านอาหารด้วย เลยต้องวิ่งรอก เป็นนางสาวเดินสาย ทำงานอย่างเดียว เงินที่หาได้ไม่ได้ใช้เลย
ประหนึ่งว่านางจะสัมผัสรู้ว่าจะป่วย เลยหาเงินเพื่อรักษาตัวเอง
และเมื่อกลางปี 2555 นอนหลับอยู่ ตอนนอนก็รู้สึกเหมือนถูกผีอำ!!!! ระหว่างที่งัวเงียตื่นขึ้นมามีเลือดอยู่เต็มหมอน นาทีนั้น สตั้นไป 1.2 วินาที คิดว่า ฟันหัก!!!! แต่ฉันยังไม่แก่นะ พอมีสติก็รู้สึกเจ็บที่ลิ้นมาก เลยแลบลิ้นออกมากดู
ปรากฎว่านอนกัดลิ้น!!!! ( มารู้ทีหลังคือเค้าเรียกว่าอาการชัก!!! )
"เอ๊ยยยย.....ทำงานหนักไปแล้ว สงสัยเครียดนะ เพลาๆลงหน่อยนะแม่เสือสาว" บอกตัวเองเหมือนกับไม่มีอะไร ฉันสวยยะ จบ!!!
แล้วหลังจากวันนั้น เอ.....ทำไมมือข้างขวาไม่ค่อยมีแรงหว่า เออช่างมัน.... กรูทำงานเยอะไป ไม่มีอะไรหรอก บอกตัวเองสวยๆ
และอาการชักก็ก็เกิดขึ้น ประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง และแต่ละครั้ง ก็เกิดตอนนอนหลับบ้าง และตืนบ้าง และแต่ละครั้งก็ทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสลบไปเลยก็มี ( เคยคิดเล่นๆว่า อยากให้คนถ่ายวีดีโอให้ จะได้รู้ว่าตอนเกิดอาการเราชักกระตุกยังไงอยากเห็น เพราะทุกอย่างมันแข็งค้างไม่รู้ตัว และทรมาณมากไปหมด ) ช่วงแรกๆ ที่ชักเวลาตื่นขึ้นมาก็ปรกติ
แต่ดิฉันไม่เคยคิดจะไปหาหมอเลยสักครั้งเดียว เพราะคิดว่าตัวเองเครียดจากการทำงาน
พอครั้งที่ 3 ก็เลยไปตรวจที่สถาบันประสาท ตรงข้ามโรงพยาบาลพระมงกุฎ ( อย่าคิดว่าดิฉันบ้าเน้อ!!! ยัง ยังไม่ถึงประเด็นนั้น ) คุณหมอก็สั่งทำ EGG อะไรสักอย่าง ( เรียกผิดขออภัยด้วย ) ง่ายๆคือการตรวจวัดคลื่นสมอง โดยมีการเอาแผ่นกลมๆมาติดที่ตามอก กับหัว แล้วเครื่องก็รันไป เสร็จแล้วก็รอผล ผลออกมา คือ
ดิฉันเป็นปรกติทู๊กกกกกกกอย่างงงง นาทีนั้นอยากแห่นางแมวด้วยความดีใจ ตบเข่าแล้วกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ว่าในที่สุดฉันก็ไม่ได้ผิดปรกติ!!!! ขอบคุณพระเจ้ามากคะ ฮาเลลูยา
ด้วยความที่ผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ยืนยันออกมาแน่ชัด ราวกับซุปไก่สกัดยี่ห้อหนึ่ง ว่า
ดิ-ฉัน-ปรก-ติ พอมีอาการชักก็เลยเออ เป็นเรื่องปรกติ สบายๆ โครตจะชิววส์ ก็ฉันไม่เป็นไรนี่ ใครจะทำไม ร่าเริงบรรเทิงใจมากคะ ถึงจะชักจนสลบดิฉันก็บอกตัวเองว่า ไว้งานเสร็จค่อยพักละกัน แล้วอาการก็คงจะหายไป
จนชักถึง 6 ครั้ง โดยไม่มีการไปพบแพทย์แต่อย่างใด จนมีวันนึงพ่อแม่มาเยี่ยม ก่อนไปทำงานกำลังทำสวยอยู่เลย พร้อมกันนั้นก็สไกค์คุยกับผู้ชายไปด้วย
เอ๊ะ!!! มันมาแล้วอีกแล้วอาการเริ่มชาจากปลายนิ้ว เลยวิ่งออกไปหาแม่ พอไปถึง ก็ชักไปต่อหน้าต่อตาพ่อแม่ !!!! ได้ยินเสียงแม่กรี๊ดดดด แล้วสติก็ขาดไป!!!
แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง เพราะเมื่อฟื้นขึ้นมา
ดิฉันจำอะไรไม่ได้ คิดอะไรก็ไม่ออก ( เป็นภาระหลังจากที่กระแสไฟฟ้าในสมองช็อตอย่างรุนแรง ) ใช้เวลาสักพักกว่าจะคิดได้ว่าอะไรคืออะไร ทำงานที่ใหน แฟนคนปัจจุบันคือใคร ( แร...ด...ดดด!!! ) พ่อกับแม่ไม่รอช้าพาไปโรงพยาบาลโดยทันที ครั้งแรกหมอก็สอบถามอาการ นั่น โน่น นี่ แถมตำหนิด้วยว่า
"คุณชักมา 6 ครั้งคุณไม่มาหาหมอเลยเหรอ คุณเป็นคนแปลกมาก ถ้าเป็นหมอนะ ชักครั้งแรก ก็มาแล้ว" แล้วหมอก็สั่งแอดมิต ในใจคิดว่า ม่ายยยยยยยยยยยยยยย นะะะะะะ ฉันยังไม่ได้ลางานเลย!!!! แต่พ่อแม่บอก เอามันไปเลย ล็อคตัวมันด้วยเดี๋ยวมันหนีออกจากโรงพยาบาล ( เอากับพ่อแม่ฉันสิ โหดดดมากกกกกก!!! )
นาทีนั้นหมอลงให้ว่าเป้นโรคลมชัก เลยให้สั่งยา ชื่อ ไดเร็นติน มาให้กิน 3 เวลา ครั้งละ 1 เม็ด ต่อวันก็ 3 เม็ด เทียบบัญญัติไตรยางค์กันดีๆๆนะ เพราะฉันตกเลข!!! แต่ก็ยังชักอยู่ หมอเลยเพิ่มเป้นครั้งละ 3 เม็ด ทาน 3 เวลา รวมเป็น 12 เม็ด แล้วก็ยาอะไรมากมาย รวมแล้วกินยาวันนึง 14 เม็ด ช่วงนั้นกินแทนข้าวเลย
รูปกองยาครั้งแรกที่ได้จากโรงพยาบาล แค่เห็นก็อิ่มไปจนเย็นเลย ( โหดดดดสัสสสสส!!!! )
ขอพักมือก่อนพิมพ์นานๆๆไม่ไหว มือขวาไม่ค่อยมีแรงงงง
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม
*** ต้องขออภัยสำหรับการให้ข้อมูลทางการแพทย์อาจจะใช้คำไม่ถูกต้องนักคะ ความรู้น้อย อยากย้อนเวลากลับไปจะได้เรียนหมอ*****
##### เชิญเม๊าส์มอยและติดตามชีวิตฉันฮาของฉัน ได้ที่ Fanpage : Pichsinee Mee Dee ได้เลยนะจร้า ###
กระทู้ภาคต่อ เมื่อฉันรู้ว่าตัวเองเป็นเนื้องอกในสมอง ภาคปฐมบท!!!
เรื่องราวในกระทู้นี้เป็นภาคต่อ จากกระทู้ "เมื่อมีคนมาเคาะประตูห้องคุณตอนตีสอง พร้อมบอกว่ามีคนผูกคอตายในห้องของคุณ" ซึ่งเป็นที่มาของความฮาปนความหลอน หากทุกท่านต้องการกินเผือกที่มาของกระทู้นี้ พาตัวคุณย้อนเวลาไปดูหนังหน้าสวยๆของฉันที่นี่ได้เลยจร้า
http://ppantip.com/topic/32451047/comment62
ก่อนอื่นต้องมีการอารัมภบทสักนิ๊ดดด ตามสันดานส่วนตัวของเจ๊เอง หลังจากกีะทู้นั้นก็มีข้อความมาทางประตูหลัง เรื่องอาการเจ็บป่วย และให้กำลังใจฉัน ก็ต้องขอบคุณที่รักและห่วงใยกัน
แต่....แต่....แต่ ฉันอยากฟังว่าฉันสวยมากกว่า ( เบ้ปากแบบผิดหวังนิดนึง แก้ตัวใหม่ในกระทู้นี้ละกัน )
บทที่ 1 รู้ว่าตัวเองป่วยได้ยังไง และช่วงป่วยใช้ชีวิตแบบใหน
เชิญเผือกกันตามอัธยาศัย รับรองถึงใจถึงอารมณ์ ยิ่งกว่าช่อง 7 HD!!! ด้วยความที่ตัวเองเนี่ยเป็นคนสวย และเก่ง!!! ก็เลยได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่จะออกไปในสายบันเทิง ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องอดหลับอดนอน กินอยู่ไม่มีเวลาตายตัว แล้วประกอบด้วยตัวเองเปิดกิจการร้านอาหารด้วย เลยต้องวิ่งรอก เป็นนางสาวเดินสาย ทำงานอย่างเดียว เงินที่หาได้ไม่ได้ใช้เลย ประหนึ่งว่านางจะสัมผัสรู้ว่าจะป่วย เลยหาเงินเพื่อรักษาตัวเอง
และเมื่อกลางปี 2555 นอนหลับอยู่ ตอนนอนก็รู้สึกเหมือนถูกผีอำ!!!! ระหว่างที่งัวเงียตื่นขึ้นมามีเลือดอยู่เต็มหมอน นาทีนั้น สตั้นไป 1.2 วินาที คิดว่า ฟันหัก!!!! แต่ฉันยังไม่แก่นะ พอมีสติก็รู้สึกเจ็บที่ลิ้นมาก เลยแลบลิ้นออกมากดู ปรากฎว่านอนกัดลิ้น!!!! ( มารู้ทีหลังคือเค้าเรียกว่าอาการชัก!!! )
"เอ๊ยยยย.....ทำงานหนักไปแล้ว สงสัยเครียดนะ เพลาๆลงหน่อยนะแม่เสือสาว" บอกตัวเองเหมือนกับไม่มีอะไร ฉันสวยยะ จบ!!!
แล้วหลังจากวันนั้น เอ.....ทำไมมือข้างขวาไม่ค่อยมีแรงหว่า เออช่างมัน.... กรูทำงานเยอะไป ไม่มีอะไรหรอก บอกตัวเองสวยๆ
และอาการชักก็ก็เกิดขึ้น ประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง และแต่ละครั้ง ก็เกิดตอนนอนหลับบ้าง และตืนบ้าง และแต่ละครั้งก็ทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสลบไปเลยก็มี ( เคยคิดเล่นๆว่า อยากให้คนถ่ายวีดีโอให้ จะได้รู้ว่าตอนเกิดอาการเราชักกระตุกยังไงอยากเห็น เพราะทุกอย่างมันแข็งค้างไม่รู้ตัว และทรมาณมากไปหมด ) ช่วงแรกๆ ที่ชักเวลาตื่นขึ้นมาก็ปรกติ แต่ดิฉันไม่เคยคิดจะไปหาหมอเลยสักครั้งเดียว เพราะคิดว่าตัวเองเครียดจากการทำงาน
พอครั้งที่ 3 ก็เลยไปตรวจที่สถาบันประสาท ตรงข้ามโรงพยาบาลพระมงกุฎ ( อย่าคิดว่าดิฉันบ้าเน้อ!!! ยัง ยังไม่ถึงประเด็นนั้น ) คุณหมอก็สั่งทำ EGG อะไรสักอย่าง ( เรียกผิดขออภัยด้วย ) ง่ายๆคือการตรวจวัดคลื่นสมอง โดยมีการเอาแผ่นกลมๆมาติดที่ตามอก กับหัว แล้วเครื่องก็รันไป เสร็จแล้วก็รอผล ผลออกมา คือ ดิฉันเป็นปรกติทู๊กกกกกกกอย่างงงง นาทีนั้นอยากแห่นางแมวด้วยความดีใจ ตบเข่าแล้วกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ว่าในที่สุดฉันก็ไม่ได้ผิดปรกติ!!!! ขอบคุณพระเจ้ามากคะ ฮาเลลูยา
ด้วยความที่ผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ยืนยันออกมาแน่ชัด ราวกับซุปไก่สกัดยี่ห้อหนึ่ง ว่า ดิ-ฉัน-ปรก-ติ พอมีอาการชักก็เลยเออ เป็นเรื่องปรกติ สบายๆ โครตจะชิววส์ ก็ฉันไม่เป็นไรนี่ ใครจะทำไม ร่าเริงบรรเทิงใจมากคะ ถึงจะชักจนสลบดิฉันก็บอกตัวเองว่า ไว้งานเสร็จค่อยพักละกัน แล้วอาการก็คงจะหายไป จนชักถึง 6 ครั้ง โดยไม่มีการไปพบแพทย์แต่อย่างใด จนมีวันนึงพ่อแม่มาเยี่ยม ก่อนไปทำงานกำลังทำสวยอยู่เลย พร้อมกันนั้นก็สไกค์คุยกับผู้ชายไปด้วย เอ๊ะ!!! มันมาแล้วอีกแล้วอาการเริ่มชาจากปลายนิ้ว เลยวิ่งออกไปหาแม่ พอไปถึง ก็ชักไปต่อหน้าต่อตาพ่อแม่ !!!! ได้ยินเสียงแม่กรี๊ดดดด แล้วสติก็ขาดไป!!!
แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง เพราะเมื่อฟื้นขึ้นมา
ดิฉันจำอะไรไม่ได้ คิดอะไรก็ไม่ออก ( เป็นภาระหลังจากที่กระแสไฟฟ้าในสมองช็อตอย่างรุนแรง ) ใช้เวลาสักพักกว่าจะคิดได้ว่าอะไรคืออะไร ทำงานที่ใหน แฟนคนปัจจุบันคือใคร ( แร...ด...ดดด!!! ) พ่อกับแม่ไม่รอช้าพาไปโรงพยาบาลโดยทันที ครั้งแรกหมอก็สอบถามอาการ นั่น โน่น นี่ แถมตำหนิด้วยว่า
"คุณชักมา 6 ครั้งคุณไม่มาหาหมอเลยเหรอ คุณเป็นคนแปลกมาก ถ้าเป็นหมอนะ ชักครั้งแรก ก็มาแล้ว" แล้วหมอก็สั่งแอดมิต ในใจคิดว่า ม่ายยยยยยยยยยยยยยย นะะะะะะ ฉันยังไม่ได้ลางานเลย!!!! แต่พ่อแม่บอก เอามันไปเลย ล็อคตัวมันด้วยเดี๋ยวมันหนีออกจากโรงพยาบาล ( เอากับพ่อแม่ฉันสิ โหดดดมากกกกกก!!! )
นาทีนั้นหมอลงให้ว่าเป้นโรคลมชัก เลยให้สั่งยา ชื่อ ไดเร็นติน มาให้กิน 3 เวลา ครั้งละ 1 เม็ด ต่อวันก็ 3 เม็ด เทียบบัญญัติไตรยางค์กันดีๆๆนะ เพราะฉันตกเลข!!! แต่ก็ยังชักอยู่ หมอเลยเพิ่มเป้นครั้งละ 3 เม็ด ทาน 3 เวลา รวมเป็น 12 เม็ด แล้วก็ยาอะไรมากมาย รวมแล้วกินยาวันนึง 14 เม็ด ช่วงนั้นกินแทนข้าวเลย
รูปกองยาครั้งแรกที่ได้จากโรงพยาบาล แค่เห็นก็อิ่มไปจนเย็นเลย ( โหดดดดสัสสสสส!!!! )
ขอพักมือก่อนพิมพ์นานๆๆไม่ไหว มือขวาไม่ค่อยมีแรงงงง
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม
*** ต้องขออภัยสำหรับการให้ข้อมูลทางการแพทย์อาจจะใช้คำไม่ถูกต้องนักคะ ความรู้น้อย อยากย้อนเวลากลับไปจะได้เรียนหมอ*****
##### เชิญเม๊าส์มอยและติดตามชีวิตฉันฮาของฉัน ได้ที่ Fanpage : Pichsinee Mee Dee ได้เลยนะจร้า ###