สวัสดีครับ ผมมีข้อสงสัย เกี่ยวกับเรื่องโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(ตามที่เขียนในใบรับรองแพทย์)
คือผมมีอาการปวดท้อง ลักษณะแสบ อิ่มปวด หิวปวด
ที่มาของปัญหา คือเรื่องของความเครียด ที่ทำให้เกิดอาการนี้ขึ้นมา
ในช่วงนี้ เนื่องจากปัญหาความเครียดเรื่องงาน ทำให้เกิดอาการปวดท้องเป็นประจำ ทาน Alum Milk ไม่ดีขึ้น
อาการนี้ เคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ในการทำงานที่เก่า และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องเกือบ 6 เดือน แต่ไม่หาย
การวินิจฉัย ทำกระทั่งส่องกล้องทางเดินอาหาร ในเดือนที่สามของการรักษา และตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ pylori แต่ negative
สุดท้ายพบว่าเกิดจากความเครียด เนื่องจากถูกส่งไปประชุมที่ต่างจังหวัด ลืมเอายาไป แต่ไม่มีอาการเกิดขึ้น
เนื่องจากไม่มีปัญหา และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน กลับมาแจ้งให้แพทย์ทราบ แพทย์จึงปรับการรักษา
แต่ไม่หาย สุดท้าย อาการทั้งหมดหายไปทันที โดยไม่ต้องรักษา ทันทีที่เปลี่ยนงาน
เมื่อเดือนก่อน อาการนี้กลับมาอีก จึงได้เข้าไปพบแพทย์ ซึ่งไม่ใช่ specialist ทางเดินอาหาร แต่เป็นแพทย์ที่ผมรักษาประจำในด้านอื่น
โดยแจ้งปัญหาที่เคยเกิดขึ้น และปัญหาความเครียดในปัจจุบัน จึงได้ยามา ๓ ชนิด โดย ๑ ใน ๓ เป็นยาคลายกังวล
โดยแพทย์ให้ยา ๓ สัปดาห์เนื่องจากผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ
ตลอดเวลาที่ทานยา อาการค่อย ๆ ดีขึ้นในสัปดาห์แรก และไม่มีอาการเลยในสัปดาห์ที่สอง
จึงทางยาต่อจนครบ และเนื่องจากติดธุระ ไม่ได้ไปพบแพทย์ทันที ในวันที่ยาหมด
หลังจากนั้น วันที่ว่าง แพทย์ท่านนั้น ก็ไม่ได้ออกตรวจ ผมจึงเข้าไปพบแพทย์เฉพาะทางเดินอาหารแทน
โดยคาดหวังว่า แพทย์จะสั่งยาเดิม ที่ทานแล้ว ตอบสนองต่อการรักษา จนอาการดีขึ้น และไม่มีอาการเลยจนถึงวันที่ไปพบแพทย์
ขณะพบแพทย์ ผมได้เล่าอาการทั้งหมด รวมถึงสาเหตุของความเครียด
เล่าประวัติที่เคยเป็น การวินิจฉัยเดิมที่เคยทำ ยาที่ทานในปัจจุบัน และปัจจุบันไม่มีอาการปวดท้อง
แพทย์ไม่อ่านประวัติเก่าหน้าสุดท้าย ที่เป็นรายละเอียดการรักษาครั้งล่าสุด โดยไปดูการรักษาอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องปวดท้อง
ทั้งที่ผมแจ้งว่า ยาที่ทานอยู่ ทานแล้วอาการดีขึ้น
แพทย์ซักว่าปวดยังไง แบบไหน ปวดจุกหรือปวดแสบ ให้ขึ้นเตียงตรวจ เคาะท้อง
คำพูดเดียวที่แพทย์ย้ำตลอดคือ ผมตอบไม่ได้ ต้องส่องกล้อง
เป็นอะไรผมตอบไม่ได้ ต้องส่องกล้อง และยืนยันให้ผมส่องกล้องเท่านั้น
ซึ่งผมก็ตกลงส่องกล้อง เนื่องจากไม่ได้ทานอาหารตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนแล้ว
ผมพบในขณะที่รอว่า คนไข้ก่อนหน้าผม ซึ่งมาพบแพทย์คนนี้วันแรก ก็ถูกสั่งให้ส่องกล้องเช่นกัน
และเจ้าหน้าที่ในบริษัทผม ซึ่งได้คุยกันและทราบในภายหลัง ว่าได้พบแพทย์คนเดียวกัน ก็ถูกสั่งให้ส่องกล้อง
ในวันแรกของการรักษาเช่นเดียวกัน ด้วยอาการปวดท้อง ลักษณะเดียวกัน ปัจจุบัน อาการหลังรักษาแย่ลง ล่าสุด ถ่ายเป็นเลือดครับ
การทำหัตถการในครั้งนี้ ทำโดยแพทย์เจ้าของไข้ที่สั่งตรวจผมนั่นเอง จึงทำให้ผมหายสงสัยในข้อนี้ ว่าทำไมจึงสั่งตรวจตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษา
ผลของการส่องกล้อง พบว่ามีกรดไหลย้อน มีการระคายเคืองบริเวณกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น
แพทย์ตัดชิ้นเนื้อ ส่งตรวจ pyroli ด้วย รอผลอยู่ครับ เพราะส่งตรวจศูนย์ข้างนอก
แพทย์จ่ายยา Pariet และ Colofac 135 mg. ซึ่งไม่ใช่ยาตัวเดิม ที่ผมได้รับแล้วอาการดีขึ้น โดยในกรณีนี้ ผมพอจะเข้าใจ ว่าวินิจฉัยพบอาการกรดไหลย้อน
ผมมีคำถามเล็กน้อย ที่สงสัยครับ
1. การพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้อง ในลักษณะแสบอย่างที่ผมเป็น จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องทางเดินอาหารตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษาเลยหรือครับ การรักษาเดิมเมื่อสิบปีก่อน กว่าที่แพทย์จะสั่งส่องกล้อง ก็รักษาอยู่สองสามเดือน จึงตัดสินใจส่องกล้อง และแพทย์ท่านนี้ สั่งส่องกล้องคนไข้อย่างน้อยสามราย เท่าที่ผมทราบ ในวันแรกของการตรวจ หรือเป็นแนวทางการรักษาใหม่ครับ ต่างจากเมื่อสิบปีก่อน
2. ยา Colofac ใช้ในการรักษาโรคอะไรครับ เท่าที่หาข้อมูล มันเป็นเรื่องของ IBS ในกรณีของผม Colofac ช่วยในการรักษาส่วนใดครับ
3. หลังรับการรักษา อาการผมแย่ลง จากที่ไม่เคยมีการแสบท้องมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้ แสบท้องจนตื่นมา นอนไม่หลับ จึงมาตั้งกระทู้นี้ ผมควรจะทำอย่างไรต่อครับ
ขอบคุณครับ
ยา colofac กับโรคกรดไหลย้อน???
คือผมมีอาการปวดท้อง ลักษณะแสบ อิ่มปวด หิวปวด
ที่มาของปัญหา คือเรื่องของความเครียด ที่ทำให้เกิดอาการนี้ขึ้นมา
ในช่วงนี้ เนื่องจากปัญหาความเครียดเรื่องงาน ทำให้เกิดอาการปวดท้องเป็นประจำ ทาน Alum Milk ไม่ดีขึ้น
อาการนี้ เคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ในการทำงานที่เก่า และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องเกือบ 6 เดือน แต่ไม่หาย
การวินิจฉัย ทำกระทั่งส่องกล้องทางเดินอาหาร ในเดือนที่สามของการรักษา และตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ pylori แต่ negative
สุดท้ายพบว่าเกิดจากความเครียด เนื่องจากถูกส่งไปประชุมที่ต่างจังหวัด ลืมเอายาไป แต่ไม่มีอาการเกิดขึ้น
เนื่องจากไม่มีปัญหา และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน กลับมาแจ้งให้แพทย์ทราบ แพทย์จึงปรับการรักษา
แต่ไม่หาย สุดท้าย อาการทั้งหมดหายไปทันที โดยไม่ต้องรักษา ทันทีที่เปลี่ยนงาน
เมื่อเดือนก่อน อาการนี้กลับมาอีก จึงได้เข้าไปพบแพทย์ ซึ่งไม่ใช่ specialist ทางเดินอาหาร แต่เป็นแพทย์ที่ผมรักษาประจำในด้านอื่น
โดยแจ้งปัญหาที่เคยเกิดขึ้น และปัญหาความเครียดในปัจจุบัน จึงได้ยามา ๓ ชนิด โดย ๑ ใน ๓ เป็นยาคลายกังวล
โดยแพทย์ให้ยา ๓ สัปดาห์เนื่องจากผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ
ตลอดเวลาที่ทานยา อาการค่อย ๆ ดีขึ้นในสัปดาห์แรก และไม่มีอาการเลยในสัปดาห์ที่สอง
จึงทางยาต่อจนครบ และเนื่องจากติดธุระ ไม่ได้ไปพบแพทย์ทันที ในวันที่ยาหมด
หลังจากนั้น วันที่ว่าง แพทย์ท่านนั้น ก็ไม่ได้ออกตรวจ ผมจึงเข้าไปพบแพทย์เฉพาะทางเดินอาหารแทน
โดยคาดหวังว่า แพทย์จะสั่งยาเดิม ที่ทานแล้ว ตอบสนองต่อการรักษา จนอาการดีขึ้น และไม่มีอาการเลยจนถึงวันที่ไปพบแพทย์
ขณะพบแพทย์ ผมได้เล่าอาการทั้งหมด รวมถึงสาเหตุของความเครียด
เล่าประวัติที่เคยเป็น การวินิจฉัยเดิมที่เคยทำ ยาที่ทานในปัจจุบัน และปัจจุบันไม่มีอาการปวดท้อง
แพทย์ไม่อ่านประวัติเก่าหน้าสุดท้าย ที่เป็นรายละเอียดการรักษาครั้งล่าสุด โดยไปดูการรักษาอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องปวดท้อง
ทั้งที่ผมแจ้งว่า ยาที่ทานอยู่ ทานแล้วอาการดีขึ้น
แพทย์ซักว่าปวดยังไง แบบไหน ปวดจุกหรือปวดแสบ ให้ขึ้นเตียงตรวจ เคาะท้อง
คำพูดเดียวที่แพทย์ย้ำตลอดคือ ผมตอบไม่ได้ ต้องส่องกล้อง
เป็นอะไรผมตอบไม่ได้ ต้องส่องกล้อง และยืนยันให้ผมส่องกล้องเท่านั้น
ซึ่งผมก็ตกลงส่องกล้อง เนื่องจากไม่ได้ทานอาหารตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนแล้ว
ผมพบในขณะที่รอว่า คนไข้ก่อนหน้าผม ซึ่งมาพบแพทย์คนนี้วันแรก ก็ถูกสั่งให้ส่องกล้องเช่นกัน
และเจ้าหน้าที่ในบริษัทผม ซึ่งได้คุยกันและทราบในภายหลัง ว่าได้พบแพทย์คนเดียวกัน ก็ถูกสั่งให้ส่องกล้อง
ในวันแรกของการรักษาเช่นเดียวกัน ด้วยอาการปวดท้อง ลักษณะเดียวกัน ปัจจุบัน อาการหลังรักษาแย่ลง ล่าสุด ถ่ายเป็นเลือดครับ
การทำหัตถการในครั้งนี้ ทำโดยแพทย์เจ้าของไข้ที่สั่งตรวจผมนั่นเอง จึงทำให้ผมหายสงสัยในข้อนี้ ว่าทำไมจึงสั่งตรวจตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษา
ผลของการส่องกล้อง พบว่ามีกรดไหลย้อน มีการระคายเคืองบริเวณกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น
แพทย์ตัดชิ้นเนื้อ ส่งตรวจ pyroli ด้วย รอผลอยู่ครับ เพราะส่งตรวจศูนย์ข้างนอก
แพทย์จ่ายยา Pariet และ Colofac 135 mg. ซึ่งไม่ใช่ยาตัวเดิม ที่ผมได้รับแล้วอาการดีขึ้น โดยในกรณีนี้ ผมพอจะเข้าใจ ว่าวินิจฉัยพบอาการกรดไหลย้อน
ผมมีคำถามเล็กน้อย ที่สงสัยครับ
1. การพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้อง ในลักษณะแสบอย่างที่ผมเป็น จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องทางเดินอาหารตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษาเลยหรือครับ การรักษาเดิมเมื่อสิบปีก่อน กว่าที่แพทย์จะสั่งส่องกล้อง ก็รักษาอยู่สองสามเดือน จึงตัดสินใจส่องกล้อง และแพทย์ท่านนี้ สั่งส่องกล้องคนไข้อย่างน้อยสามราย เท่าที่ผมทราบ ในวันแรกของการตรวจ หรือเป็นแนวทางการรักษาใหม่ครับ ต่างจากเมื่อสิบปีก่อน
2. ยา Colofac ใช้ในการรักษาโรคอะไรครับ เท่าที่หาข้อมูล มันเป็นเรื่องของ IBS ในกรณีของผม Colofac ช่วยในการรักษาส่วนใดครับ
3. หลังรับการรักษา อาการผมแย่ลง จากที่ไม่เคยมีการแสบท้องมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้ แสบท้องจนตื่นมา นอนไม่หลับ จึงมาตั้งกระทู้นี้ ผมควรจะทำอย่างไรต่อครับ
ขอบคุณครับ